ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 721 โจวลี่หรงไปเยี่ยมบ้าน
ตอนที่ 721 โจวลี่หรงไปเยี่ยมบ้าน
หลังเฉินเจียซิ่งอธิบายพร้อมกับพูดจาหวานหู หยางหงเสียก็หายโกรธในเวลาไม่นาน เมื่อเห็นว่าคุณย่าของเขาก็ออกมาตามหาหล่อนบนถนนยามค่ำคืนด้วย หล่อนก็รู้สึกผิด รีบปล่อยมือเฉินเจียซิ่ง หันไปหาคุณย่าเฉินพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “คุณย่า ขอโทษค่ะ”
“หลานเอ๊ย จะขอโทษอะไรกัน” คุณย่าเฉินหันไปมองเฉินเจียซิ่งด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “เขาคือคนที่ควรขอโทษเธอต่างหาก”
เฉินเจียซิ่งก็รับไม้ต่อทันที “ขอโทษครับ เป็นความผิดของผมเองทั้งหมด”
คุณย่าเฉินจับมือหยางหงเสีย “ไป กลับบ้าน เดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยจัดการกับเขา”
แม้ต้องผ่านเรื่องราวมากมาย แต่ในที่สุดหยางหงเสียก็ถูกเฉินเจียซิ่งพาตัวกลับบ้านจนได้
เมื่อถึงบ้าน ผู้เฒ่าเฉินกับเฉินเจิ้นเจียงนั่งรออยู่ในห้องรับแขกแล้ว
หยางหงเสียเห็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้วก็สำนึกผิดในพฤติกรรมวู่วามของตัวเอง
โดยปกติหล่อนเป็นหญิงว่านอนสอนง่าย หลังจากแต่งเข้าตระกูลเฉินมาก็ไม่เคยประพฤติตัวตามใจตนเอง
หล่อนจึงกลัวว่าผู้ใหญ่ในบ้านจะมองตนในแง่ลบ
“คุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่” หยางหงเสียทักทายผู้ใหญ่ ก้มหน้าลงแล้วยืนนิ่งอยู่ “ฉันทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงแล้วค่ะ”
โจวลี่หรงพูดว่า “กลับมาแล้วก็ดี”
คุณย่าเฉินจับมือหยางหงเสียมานั่งบนโซฟา แล้วมองหล่อนด้วยสายตาเอ็นดู “มาเถอะสาวน้อย ฉันจะอธิบายให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษเธอด้วย เหตุที่รูปเก่าๆ ของเจียซิ่งยังคงอยู่ที่บ้านเป็นความผิดของฉันเอง”
คุณย่าเฉินกล่าวต่อไป “หลังจากเจียซิ่งหย่ากับเสิ่นเสี่ยวเหมย เขาได้รวบรวมภาพถ่ายทั้งหมดแล้วบอกให้ฉันเอาไปเผาทิ้งแล้ว แต่ฉันกลับใจอ่อน เพราะเคยได้ยินคนอื่นบอกว่าการเผารูปคนที่มีชีวิตอยู่มันไม่เป็นมงคล ถือว่าเป็นการสาปแช่ง ฉันคิดว่าต่อให้เจียซิ่งจะหย่ากับเสิ่นเสี่ยวเหมยแล้ว แต่ครอบครัวของเราก็ไม่ควรสาปแช่งหล่อน แล้วในนั้นก็ยังมีรูปของหล่อนคู่กับเจียซิ่งด้วย
ดังนั้น ฉันก็เลยเอาไปเก็บไว้ในห้องเก็บของเฉยๆ คิดว่าจะปิดผนึกมันทีหลัง”
แต่คุณย่าเฉินก็ไม่คิดว่าคู่สามีภรรยาคู่นี้จะไม่มีอะไรทำจนมารื้อค้นห้องเก็บของ
หลังจากที่คุณย่าเฉินอธิบายแล้ว นางก็หันไปหาเฉินเจียซิ่ง แล้วสั่งเขา “เจียซิ่ง แสดงจุดยืนของเธอสิ”
“หงเสีย ผมสาบานต่อฟ้าว่าในใจผมไม่มีเสิ่นเสี่ยวเหมยคนนั้นแล้ว ผมขอใช้ชีวิตกับคุณเป็นอย่างดี”
หลังจากที่หยางหงเสียได้ฟังคำอธิบายของคุณย่าเฉินแล้ว หล่อนก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจเฉินเจียซิ่งผิด จึงรีบพูด “ฉันเองก็ผิดด้วยค่ะที่ใจร้อนเกินไป ฉันไม่ควรวิ่งออกไปแล้วทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
“เอาล่ะ ในเมื่อพูดกันรู้เรื่องแล้ว ก็กลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าเฉินเจียซิ่งพาหยางหงเสียกลับมาแล้ว พวกเขาก็โล่งใจในฐานะผู้ใหญ่
เฉินเจิ้นเจียงโบกมือไล่เฉินเจียซิ่งด้วยความเหนื่อยใจ
“ในเมื่อแม่เธอกลับมาแล้ว พวกเธอสองคนก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านของตัวเองซะ”
ไม่เห็นก็จะได้ไม่หงุดหงิดใจ
เดิมทีเฉินเจียซิ่งตั้งใจจะบอกพวกเขาว่าเขาคิดจะเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพ เพื่อไปทำงานพิเศษที่ร้านของหลินเซี่ย
แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนดูจะรังเกียจเขา และไม่มีใครสนใจเขาเลย เขาก็เลยไม่อยากจะแบ่งปันเรื่องราวนี้
ผู้เฒ่าเฉินได้ยินคำพูดของเฉินเจิ้นเจียงแล้วก็มองโจวลี่หรง ถามขึ้น “ลี่หรง เธอไม่ไปดูแลเซี่ยเซี่ยเหรอ”
โจวลี่หรงก้มหน้า แล้วตอบว่า “คุณพ่อคะ เซี่ยเซี่ยมีเจียเหอคอยดูแลอยู่ค่ะ”
ผู้เฒ่าเฉินกับคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าถามโจวลี่หรงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูจากท่าทีของหล่อนแล้ว น่าจะเพราะทะเลาะกับหลินเซี่ย
การยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไปถือเป็นสิ่งไม่ดีนัก
จึงได้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ผู้เฒ่าเฉินเปลี่ยนเรื่อง เขาหันไปถามเฉินเจิ้นเจียงว่า “เด็กใกล้จะครบเดือนแล้ว พวกเธอได้ถามทางบ้านแม่เขาหรือยังว่าจะจัดงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือนยังไง”
เฉินเจิ้นเจียงตอบว่า “เดี๋ยวผมจะไปหาทางบ้านสะใภ้แล้วคุยกับเขา”
เขาก็อยากอาศัยโอกาสนี้ไปหาเฉินเจียเหอด้วย
หวังว่าจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้
ถึงแม้ว่าภายนอกหลินเซี่ยจะดูร่าเริงเข้ากับคนง่าย แต่เขาก็ดูออกว่าเธอเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง จะให้เธอประนีประนอมหรือยอมคนอื่น คงเป็นไปไม่ได้
หลังจากเข้าห้องนอน เฉินเจิ้นเจียงก็พูดกับโจวลี่หรงว่า
“เหล่าโจว พรุ่งนี้คุณไปที่บ้านสะใภ้กับผมเถอะ”
โจวลี่หรงครุ่นคิดอยู่นาน แล้วก็ส่ายหัว “ฉันไม่ไปหรอก ให้คุณไปคนเดียวก็ได้”
เฉินเจิ้นเจียงถอดเสื้อพลางบ่นกับหล่อนว่า “ดูคุณสิ จะไปคิดมากกับเด็กทำไม ถึงคุณจะทะเลาะกับเซี่ยเซี่ย มันก็เป็นเรื่องปกติ ลองคิดถึงตอนที่คุณเพิ่งแต่งงานเข้ามาบ้านเราสิ คุณเข้ากับแม่และพ่อของผมได้ดีหรือไง แต่สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันได้ดีไม่ใช่หรือ”
“อยู่ดี ๆ จะมาพูดถึงเรื่องเก่าๆ ทำไม” โจวลี่หรงได้ยินเฉินเจิ้นเจียงพูดถึงเรื่องเก่า ๆ สีหน้าของหล่อนก็ดูไม่ดีนัก น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้น “เมื่อก่อนวังซูเฟินแกล้งฉันหนักมาก ไปยุแยงให้แม่คุณเข้าใจฉันผิด เราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้ยังไง”
เฉินเจิ้นเจียงถูกต่อว่าชุดใหญ่จนสีหน้าดูอึดอัด
เขากระแอมไอเบาๆ แล้วพูดว่า “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ สุดท้ายวังซูเฟินก็เป็นฝ่ายต้องย้ายออกจากบ้านไม่ใช่เหรอ เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วจะต้องอยู่ด้วยกันไปนานๆ คนที่มีคุณธรรมและความรู้สึกที่ดีต่อกันถึงจะอยู่ด้วยกันได้อย่างราบรื่น”
เฉินเจิ้นเจียงมองหล่อน พูดอย่างจริงจัง “พูดตามตรงนะ เซี่ยเซี่ยเป็นคนดี บางทีคุณก็อย่าเผด็จการมากนัก โดยเฉพาะในเรื่องการเลี้ยงดูเด็กๆ ต้องตามใจพวกเขา เราแก่แล้ว มีหน้าที่แค่คอยช่วยเหลือพวกเขา แบ่งเบาภาระให้พวกเขาก็พอ หลานไม่ใช่ลูกคุณ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งสอน ต้องเลิกนิสัยที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่งคนอื่นในที่ทำงานซะ”
โจวลี่หรงยืนนิ่ง ทำหน้าตึงไม่พูดไม่จา
เฉินเจิ้นเจียงดึงหล่อนให้นั่งลงบนเตียง น้ำเสียงอ่อนลง “คุณก็แค่เคร่งขรึมมากเกินไป ทำตัวตึงเครียดเกินไป คุณดูสิ ในที่ทำงานก็แทบจะไม่มีใครอยากคบกับคุณ ลูกๆ หลานๆ ที่บ้านก็เกรงใจคุณจนตัวสั่น คุณสมควรที่จะต้องสำรวจตัวเองแล้วล่ะ”
เขาพูดต่อ “ผมถือว่าโชคดีที่ได้เจอคุณ ยอมรับในตัวคุณทุกอย่าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นหลังจะยอมรับได้เหมือนกัน”
“คุณต้องจำไว้เสมอว่าพวกเขาเป็นลูกของคุณ ไม่ใช่ลูกน้อง”
“พรุ่งนี้ไปดูหลานกับผมเถอะ กลับมาสองวันแล้วยังไม่อยากเจอหลานเหรอ” เฉินเจิ้นเจียงจงใจเอียงคอมองหล่อน
โจวลี่หรงหลบสายตาของเฉินเจิ้นเจียง
หล่อนจะไม่คิดถึงได้อย่างไร
สองคืนมานี้ หล่อนแทบจะไม่ได้นอนหลับอย่างสนิท
พอหลับตาลงก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเด็กกำลังร้องไห้
พอลืมตาขึ้นก็ไม่มีเสียงอะไรเลย
หล่อนคิดว่ากลับมาคืนแรกแล้ว เฉินเจียเหอจะโทรมาตามให้หล่อนกลับไป
หล่อนคิดว่าถ้าตนไม่อยู่ หลินเซี่ยจะต้องยุ่งมือระวิง ลูกคงจะร้องไห้งอแงไม่หยุด
แต่สองวันแล้ว ยังไม่มีโทรศัพท์สักสาย
บางทีหลินเซี่ยอาจจะให้ญาติฝ่ายแม่ของเธอมาช่วยแล้วก็ได้
โจวลี่หรงคิดถึงหลานจนแทบคลั่ง
หล่อนคิดอะไรไปต่างๆ นานา กลัวว่าถ้าตนไม่อยู่แล้วจะไม่มีใครคอยกำชับคนที่ดูแลลูกให้รักษาความสะอาด
กลัวหลินเซี่ยจะไม่เชื่อฟังคนแก่ แล้วกินอะไรมั่วซั่วจนทำให้ตัวเองป่วย
คราวนี้โจวลี่หรงเดาผิดไปเสียแล้ว
หลินเซี่ยไม่ได้บอกเรื่องที่โจวลี่หรงกลับบ้านกับญาติฝ่ายแม่ของเธอเลย
ตอนนี้ทุกคนต่างก็ยุ่งกัน ร้านอาหารก็ขายดี หลินเซี่ยจึงไม่ให้แม่และย่าของเธอกลับมาอีก
เธอแค่บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ให้พักผ่อนอย่างสบายใจ ไม่ต้องมายุ่งกับเธอ
หลังจากที่กำหนดวันจัดงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งเดือนของลูกเรียบร้อยแล้ว ค่อยติดต่อกัน
แม่เฒ่าเซี่ยและคนอื่นๆ ก็ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปดูหลานบ่อยๆ เพราะโจวลี่หรง เป็นคนเคร่งขรึมมาก พวกเขาไม่รู้จะพูดคุยอย่างไรให้ถูกใจหล่อน
ถึงโจวลี่หรงจะทำอะไรตามกฎเกณฑ์จนดูเป็นคนเคร่งขรึม แต่พวกเขาก็รู้ว่าหล่อนมีความรับผิดชอบหลินเซี่ยและหลานของหล่อนเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าญาติฝ่ายแม่ของเธอจะพูดอะไร หลินเซี่ยก็จะไม่ค่อยฟัง เธอชอบนั่งมากกว่านอน แต่พอเป็นโจวลี่หรงพูด เธอก็จะนอนลงทันที
แม้บรรยากาศอาจจะไม่ค่อยอบอุ่นนัก แต่โจวลี่หรงก็คอยดูแลเรื่องอยู่เดือนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พวกเขาทั้งหมดจึงสบายใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ก็เข้าใจแหละว่าแม่สามีหวังดี แต่ถ้าอยู่ด้วยแล้วอึดอัดขนาดนี้ก็ควรจะอยู่ห่างๆ ดีกว่า รักษาระยะห่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในระยะยาว
ไหหม่า(海馬)
…………….