ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 728 เขาเป็นผู้ป่วยโคม่า ทำไมต้องมารังแกเขาด้วย
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 728 เขาเป็นผู้ป่วยโคม่า ทำไมต้องมารังแกเขาด้วย
ตอนที่ 728 เขาเป็นผู้ป่วยโคม่า ทำไมต้องมารังแกเขาด้วย
เซี่ยหลานกลับมาจากที่ทำงานแล้ว แต่เสิ่นอวี้หลงกลับไม่อยู่บ้าน อีกทั้งผู้เฒ่าเซี่ยกับเซี่ยตงยังมาเยี่ยมเสิ่นอวี้หลงที่บ้านด้วย
พอได้ยินเซี่ยหลานบอกว่าเสิ่นอวี้หลงไม่อยู่บ้าน ทั้งคู่ก็ตกใจ ส่วนเซี่ยหลานพบว่าอาหารกลางวันในหม้อที่หล่อนเตรียมไว้ให้เสิ่นอวี้หลงก็ยังไม่ถูกแตะต้อง
“เขาอาจจะไปออกกำลังกายข้างล่างก็ได้ ฉันจะไปดูให้”
เซี่ยหลานให้พ่อและเซี่ยตงรออยู่ที่บ้าน ส่วนหล่อนจะไปดูที่ร้านข้างล่าง ถ้าไม่เจอตัวค่อยว่ากัน
พอลงไปถึงข้างล่าง ก็เห็นเสิ่นอวี้หลงกำลังเดินกลับมาอย่างหมดเรี่ยวแรง
“อวี้หลง ลูกไปไหนมา” เซี่ยหลานเห็นเข้า ก็รีบเดินเข้าไปหาแล้วมองดูเขา ถามด้วยสีหน้ากังวล
ใบหน้าของเสิ่นอวี้หลงดูเรียบเฉย เมื่อเผชิญกับสีหน้ากังวลของแม่ เขาก็ไม่ค่อยมีปฏิกิริยาอะไรมากนัก
ครั้นเซี่ยหลานเห็นเสิ่นอวี้หลงกลับมาอย่างปลอดภัย ก็รู้สึกเบาใจไปได้ครึ่งหนึ่ง
แต่อีกครึ่งหนึ่งยังคงกังวลอยู่
“อวี้หลง ลูกไปไหนมา” เซี่ยหลานมองเขา ค่อย ๆ ถามอย่างระมัดระวัง
เสิ่นอวี้หลงถอดหมวกออกจากหัว แล้วพูดขึ้น “ไปตัดผมมา”
เซี่ยหลานเห็นทรงผมของเขาแล้วก็สบายใจขึ้น ยิ้มแล้วพูดว่า “แม่ตั้งใจจะรอให้พี่สาวคลอดลูกแล้วให้หล่อนช่วยตัดผมให้ลูก ก่อนหน้านี้หล่อนก็เคยตัดผมให้ลูกเหมือนกัน ฝีมือดีมากเลย”
มุมปากของเสิ่นอวี้หลงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย สายตาจ้องมองผู้เป็นแม่ พูดเสียงเรียบ “ผมไปที่ร้านเสริมสวยของพี่สาวผมมา”
เสิ่นอวี้หลงจ้องมองแม่ของเขา น้ำเสียงลึกซึ้ง “ร้านเสริมสวยที่ชื่อว่า ‘เริ่มต้นครั้งใหม่’ น่ะครับ ให้ลูกน้องของหล่อนตัดให้”
“ลูกรู้ได้ยังไงว่าร้านอยู่ที่ไหน?” เซี่ยหลานถามพร้อมรอยยิ้ม
เสิ่นอวี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย “คนขับรถบอกผมเองแหละ คนทั้งเมืองไห่เฉิงรู้เรื่องราวในตำนานของพี่สาวผมกันหมด แค่บอกชื่อถูก คนขับรถก็พาผมมาที่นี่ได้แล้ว”
หล่อนรีบกลับมายิ้มเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ พวกเรากลับบ้านกัน คุณปู่กับคุณน้าก็อยู่ที่นั่นด้วยนะ”
วันนี้ผู้เฒ่าเซี่ยกับเซี่ยตงมาที่นี่เพื่อจะถามเซี่ยหลานว่าพวกเขาควรซื้ออะไรให้ หลินเซี่ยในงานฉลองครบเดือนของเด็ก
ตามประเพณี ญาติฝ่ายแม่ต้องทำหมั่นโถวทรงดอกไม้อันใหญ่แปดอันให้เด็ก และเตรียมของให้ทั้งหลินเซี่ยและลูกด้วย
ตามหลักแล้วตอนนี้ตระกูลเซี่ย(夏)ต่างหากที่เป็นญาติฝ่ายแม่ของหลินเซี่ย
แต่หลินเซี่ยก็ยังคงสนิทสนมกับตระกูลเซี่ย(谢)ของพวกเขา เรียกเซี่ยหลานว่าแม่ และทักทายคนในตระกูลเหมือนเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยตงกับเฉินเจียเหอก็เป็นที่ชัดเจน ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับงานฉลองครบเดือนของเด็กมาก
“ไปกันเถอะครับ” เสิ่นอวี้หลงเดินนำไปข้างหน้า ในใจของเซี่ยหลานกลับมากังวลอีกครั้ง
เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ
เสิ่นอวี้หลงไปตัดผมที่ร้านของหลินเซี่ย พอกลับมาแล้วสีหน้าของเขาเมื่อครู่ก็ดูแปลกไปมาก
เขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ
ในใจของเซี่ยหลานคิดวกวนไปมา
บางที นี่อาจเป็นเวลาที่ควรบอกความจริงกับเขาแล้ว
เสิ่นอวี้หลงเดินเข้ามาในห้อง พอเห็นคุณตาและคุณน้าของเขา ก็เอ่ยทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ
“อวี้หลง เธอไปไหนมา” ผู้เฒ่าเซี่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
“ไปตัดผมมาครับ” เสิ่นอวี้หลงวางหมวกลงบนโต๊ะ มองพวกเขาแล้วพูดยิ้ม ๆ “ไปตัดที่ร้านเสริมสวยของพี่สาวผม”
พูดจบ เขาเห็นสีหน้าของคุณตาเจือแววกังวลเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ได้
เขาพูดต่อ “วันนี้ตอนผมนั่งแท็กซี่ ผมได้ยินเรื่องตลกบนรถด้วย”
ถึงแม้เขาจะยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา
เซี่ยหลานได้ยินคำพูดของลูกชาย มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวพลันกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ผมได้ยินคนขับรถบอกว่า พี่สาวผมไม่ได้ชื่อเสิ่นอวี้อิ๋ง ชื่อจริงของหล่อนน่าจะเป็นหลินเซี่ย หล่อนถูกสลับตัวกับเด็กคนอื่นตอนเพิ่งเกิด”
ก็จริง เสิ่นเถี่ยจวินเคยเป็นผู้จัดการโรงงานเครื่องจักร ตอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งกลับเมือง ครอบครัวเสิ่นได้จัดงานต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ แถมภายหลังหลินเซี่ยยังแต่งงานเข้าครอบครัวเฉิน เปิดร้านทำธุรกิจ เรื่องของพวกเขาถูกพูดถึงอย่างครึกโครม ไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว
“อวี้หลง เธอ…” ผู้เฒ่าเซี่ยมองเสิ่นอวี้หลง คิดหาถ้อยคำที่อ่อนโยนและเข้าใจง่ายที่สุดเพื่อบอกเรื่องนี้กับเสิ่นอวี้หลง
ผู้เฒ่าเซี่ยยังไม่ทันพูด เซี่ยหลานกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “อวี้หลง นี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นเรื่องจริง”
พอเซี่ยหลานพูดแบบนั้น สีหน้าของผู้เฒ่าเซี่ยและเซี่ยตงก็เครียดขึ้น มองไปที่เสิ่นอวี้หลง
กลัวว่าเขาจะรับเรื่องนี้ไม่ไหวแล้วจะอารมณ์เสีย
เซี่ยหลานจ้องมองเขาแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อวี้หลง ก่อนหน้านี้เพราะสภาพร่างกายของลูกไม่ค่อยดี แม่กลัวว่าถ้าลูกรู้ความจริงแล้วจิตใจจะแย่ เลยเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ ไม่ได้บอกความจริงกับลูก ตอนนี้ร่างกายลูกฟื้นฟูได้เกือบเป็นปกติแล้ว ในเมื่อวันนี้ลูกถามขึ้นมาพอดี แถมคุณตากับคุณน้าก็อยู่ด้วย งั้นแม่จะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง”
“นั่งลงก่อนนะ” สีหน้าเซี่ยหลานเคร่งขรึมผิดปกติ ส่วนเสิ่นอวี้หลงก็ไม่แสดงสีหน้าหยอกเล่นอีกต่อไป
ส่วนพวกผู้เฒ่าเซี่ยมีสีหน้าตึงเครียดและกังวล นั่งอยู่เฉยๆ ไม่พูดอะไร
เซี่ยหลานเอ่ยขึ้น “ไม่ผิดหรอก พี่สาวลูกไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ เป็นเด็กที่เสิ่นเถี่ยจวินพ่อของลูกจงใจสลับมา”
เสิ่นอวี้หลงจับคำว่า “จงใจ” ที่เซี่ยหลานพูดได้ เขามองเซี่ยหลานอย่างตกใจ ถามด้วยความสงสัย “พ่อผมจงใจสลับลูกเหรอ ทำไมเขาต้องจงใจสลับลูกด้วย”
คุณปู่บอกเขาว่าพ่อของเขาสลับลูกโดยไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่เหรอ?
เสิ่นอวี้หลงเป็นหนุ่มฉกรรจ์แล้ว เซี่ยหลานไม่คิดหลบเลี่ยงคำถามใดๆ อีกต่อไป หล่อนกล่าวว่า “เพราะตอนนั้นแม่คลอดก่อนกำหนด พ่อเลยสงสัยว่าแม่ไม่ได้ท้องลูกของเขา พอพี่สาวลูกคลอดออกมา เขาก็เลยแอบไปอุ้มลูกคนอื่นมาเปลี่ยนโดยไม่บอกแม่”
“หลายปีมานี้มีเขาคนเดียวที่รู้ความลับนี้ เขารู้ว่าหลินเซี่ยไม่ใช่ลูกสาวเขา เขาเลยไม่ชอบพี่สาวของคุณมาตลอด ทัศนคติที่เขามีต่อพี่สาวลูกเป็นอย่างไรบ้าง ลูกก็เห็นอยู่แล้ว”
เซี่ยหลานเล่าต่อ
“ตอนที่ลูกประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ แล้วเสียเลือดมากจนต้องรับเลือดเพิ่ม ตอนนั้นคุณปู่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร พอฟังคนอื่นบอกมาว่าหมู่เลือดตรงกันก็รับได้ เลยให้ทุกคนในครอบครัวตรวจหมู่เลือดเพื่อจะถ่ายเลือดให้ลูก
แต่พอผลตรวจหมู่เลือดของพี่สาวกับพ่อของลูกออกมา แม่ถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และสงสัยว่าพี่สาวของลูกไม่ใช่ลูกที่แม่คลอด พ่อของลูกมีหมู่เลือด A แม่มีหมู่เลือด O แต่หมู่เลือดพี่สาวลูกเป็น B พวกเราเลยไปตรวจสอบความเป็นครอบครัว แล้วก็พบว่าพี่สาวลูกไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับแม่และพ่อของลูกจริงๆ”
“หลังจากนั้นลูกก็พ้นขีดอันตราย แต่ก็ยังไม่ฟื้น พวกเราเลยออกตามหาพี่สาวแท้ๆ ของลูกอีกครั้ง ซึ่งเราไปเจอพี่สาวแท้ๆ ของลูกที่บ้านของครอบครัวหลินในชนบท หล่อนใช้ชื่อว่าหลินเซี่ย พอเราพาหล่อนกลับมา พี่สาวลูกก็ถูกส่งกลับชนบท ชื่อของทั้งสองคนจึงถูกสลับกัน”
“เฉินเจียเหอกลับไปแต่งงานกับพี่สาวลูกที่หมู่บ้าน แล้วพาหล่อนกลับมาที่เมืองไห่เฉิง”
เสิ่นอวี้หลงพอปะติดปะต่อเหตุการณ์จากคำบอกเล่าของเซี่ยหลานได้แล้ว เขารีบถามต่อ “แล้วพี่สาวแท้ ๆ ของผมล่ะ? ปู่บอกว่าหล่อนติดคุก ทำไมหล่อนถึงติดคุก หรือว่าหล่อนถูกหลินเซี่ยใส่ร้ายจริง ๆ”
เซี่ยหลานได้ยินคำพูดของเสิ่นอวี้หลง ก็รู้ว่าเขาไปพบผู้เฒ่าเสิ่นมาแล้ว
ฟังจากน้ำเสียงก็ทราบว่าผู้เฒ่าเสิ่นคงพูดเหลวไหลใส่ร้ายคนอื่นต่อเขาไม่น้อย
“อะไรนะ หลินเซี่ยทำร้ายเธอ?” เซี่ยตงพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “อวี้หลง เธอโตเป็นหนุ่มแล้ว เธอควรมีวิจารณญาณของตัวเอง อย่าไปฟังคนอื่นพูดเหลวไหล”
เสิ่นอวี้หลงตอบ “คุณน้า ผมมีวิจารณญาณของตัวเองอยู่ แต่ผมต้องรู้ความจริงก่อน ถ้าแค่เดาเอา จะตัดสินได้ยังไง”
“พี่สาวแท้ ๆ ของลูก” พอพูดถึงเสิ่นอวี้อิ๋ง เซี่ยหลานก็พูดอย่างยากลำบาก “หล่อนถูกจับเพราะลักพาตัวหู่จือ แถมยังวางยาพิษลูก หล่อนโดนจับเข้าคุกเพราะจิตใจหล่อนบิดเบี้ยวเอง ไม่เกี่ยวกับหลินเซี่ยเลย”
“ลักพาตัวหู่จือ? วางยาพิษผม?” พอเสิ่นอวี้หลงได้ยินคำพูดเหล่านี้ สมองก็เหมือนหยุดค้าง
เขามองเซี่ยหลานด้วยความงุนงง ถามกลับ “ทำไมหล่อนต้องวางยาพิษผมด้วย?”
ทำไมต้องวางยาพิษเขาที่เป็นน้องชายแท้ ๆ ด้วย
เสิ่นอวี้หลงไม่เข้าใจ
“หล่อนแค่อยากแก้แค้นแม่” พอพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยหลานก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ น้ำตาไหลพราก สีหน้าเศร้าหมอง
เซี่ยตงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตือน “พี่ อย่าเพิ่งใจร้อน อย่าพูดเหลวไหลนะ”
เซี่ยตงไม่ให้เซี่ยหลานพูดต่อ เขามองเสิ่นอวี้หลงแล้วพูดว่า “เรื่องนี้มันยาว ตอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งกลับมาจากหมู่บ้าน ตาของเธอฝากคนส่งหล่อนไปเรียนต่อม.ปลายที่โรงเรียนมัธยมไห่เฉิง 1 ทุกคนคาดหวังกับหล่อนมาก หวังว่าหล่อนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่สุดท้ายหล่อนกลับคบชายสองคนพร้อมกัน ท้องก่อนแต่ง ต้องลาออกจากโรงเรียน ตอนนั้นพ่อเธอยังไม่เป็นอะไร เขาเลยส่งเสิ่นอวี้อิ๋งไปคลอดลูกที่เมืองปินเฉิง”
“หล่อนตั้งท้องก่อนแต่ง ก็เลยไม่สามารถเรียนต่อได้ ยิ่งพอพ่อของเธอมีเรื่อง ชีวิตของหล่อนก็ยิ่งไม่ราบรื่นไปทุกด้าน เลยทำให้หล่อนมีพฤติกรรมสุดโต่ง”
“เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างนี้แหละ สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้”
เซี่ยตงมองไปที่เสิ่นอวี้หลง แล้วพูดว่า “เธอหลับไปนานกว่าหนึ่งปี หากพวกเราพูดเรื่องพวกนี้ให้ฟังภายในสองสามคำก็คงไม่ชัดเจน พวกเรากลัวเธอจะช็อก เลยปิดบังเอาไว้ตลอด”
ทุกเรื่องที่ครอบครัวเสิ่นทำแต่ละอย่างล้วนน่าสะพรึงสุดขีด คนทั่วไปคงทนรับแรงกระแทกแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ
ดังนั้นเพื่อสุขภาพของเสิ่นอวี้หลง ทุกคนจึงต้องปกปิดเอาไว้
และตอนนี้ก็ได้บอกความจริงทั้งหมดกับเสิ่นอวี้หลงอย่างคร่าว ๆ แล้ว
เซี่ยหลานมองเสิ่นอวี้หลงด้วยสีหน้าเครียด กลัวว่าเขาจะรับไม่ได้
“แม่ครับ พี่สาวแท้ ๆ ของผมจะฆ่าผมจริง ๆ เหรอ”
เสิ่นอวี้หลงฟังพวกเขาพูดมาขนาดนี้ ตอนนี้ในหัวมีแต่ประโยคนี้
เสิ่นอวี้อิ๋งพี่สาวแท้ ๆ ของเขา จะวางยาพิษเขางั้นเหรอ
“ตอนนั้นหล่อนใส่ยาลงไปในอาหารเหลวของเธอแล้ว แต่เอ้อร์หลางเห็นจากข้างนอกหน้าต่าง เลยดึงสายยางให้อาหารของเธอออก แล้วก็จับเสิ่นอวี้อิ๋งไว้ได้ ไม่งั้น เฮ้อ…”
ผู้เฒ่าเซี่ยพูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“กฎหมายจะไม่ปล่อยให้คนเลวลอยนวล และจะไม่ลงโทษคนดี พอแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบสารเคมีในยาจนครบถ้วนแล้ว หลักฐานชัดเจนมาก”
เสิ่นอวี้หลงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอาการตกตะลึง ใบหน้าอ่อนเยาว์แสดงสีหน้าตกใจสุดขีดระคนกับโกรธแค้น
“แม่ พาผมไปพบกับเสิ่นอวี้อิ๋งคนนั้นหน่อยสิ ผมอยากรู้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงได้ใจร้ายขนาดนี้”
เขาเป็นแค่ผู้ป่วยอาการโคม่า ทำไมหล่อนถึงต้องมารังแกเขาด้วย
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แต่ละเรื่องที่คนในครอบครัวเสิ่นทำนี่น้อ ใครรู้เข้าก็ช็อคอะ แล้วอวี้หลงเหมือนผ่าเหล่าผ่ากอมาคนเดียวท่ามกลางคนเลวๆ ทั้งหลายในตระกูล
ไหหม่า(海馬)