ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 730 ความกังวลใจ
ตอนที่ 730 ความกังวลใจ
“พ่อครับ ผมขออุ้มหน่อยนะ” เดิมทีเซี่ยตงรู้สึกว่าตัวเองงุ่มง่ามเกินกว่าจะอุ้มเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้ได้ แต่พอเห็นเด็กว่านอนสอนง่ายไม่ตกใจกับคนแปลกหน้าแบบนี้ หัวใจของชายหยาบกระด้างอย่างเขาก็อ่อนลง จนอยากลองอุ้มสักหน่อย
ผู้เฒ่าเซี่ยส่งเด็กให้เซี่ยตงอย่างไม่เต็มใจนัก กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้ระวัง
ขณะนี้พ่อลูกทั้งสองมีแต่เด็กน้อยอยู่ในสายตา เซี่ยตงเป็นคนอุ้ม ส่วนผู้เฒ่าเซี่ยก็ยืนอยู่ข้าง ๆ และเล่นกับเด็ก
หลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าเสิ่นอวี้หลงนั่งอยู่ตรงนั้นตลอดโดยไม่พูดอะไร ท่าทางเหมือนมีเรื่องกังวลใจ
เธอจึงพูดกับเสิ่นอวี้หลงด้วยรอยยิ้มว่า “อวี้หลง นายก็มาดูหลานชายของนายสิ”
ตามหลักแล้ว วันนี้เสิ่นอวี้หลงก็มาเยี่ยมเด็กเป็นครั้งแรกเหมือนกัน เขาน่าจะกระตือรือร้นอยากเห็นเด็กน้อยบ้าง แต่ทำไมเขาถึงมีท่าทีเฉยชาไม่มีความสนใจเลยล่ะ?
เสิ่นอวี้หลงหลุดจากภวังค์หลังได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย เขาตอบรับแล้วขยับเข้าไปหาพวกผู้เฒ่าเซี่ยเพื่อดูเด็กน้อย
ครั้นมองทารกในอ้อมแขนของเซี่ยตง สายตาเย็นชาของเขาก็อ่อนโยนลง
“มา ให้อวี้หลงอุ้มบ้าง”
เสิ่นอวี้หลงมองเด็กตัวเล็ก ๆ เขายื่นมือออกไปแล้วหดกลับ “ผมไม่กล้าอุ้ม”
“เธอทำเหมือนฉันนี่แหละ ใช้มือประคองก็พอ”
เซี่ยตงส่งเด็กให้เสิ่นอวี้หลง เสิ่นอวี้หลงจำต้องรับมาอย่างระมัดระวัง เซี่ยหลานกลัวว่าเขาจะไม่ค่อยถนัดกับการอุ้มเด็ก จึงคอยแนะนำอยู่ข้าง ๆ
ส่วนเซี่ยตงถามหลินเซี่ยว่า “เจียเหอเลิกงานกี่โมง”
หลินเซี่ยตอบว่า “ยังไม่รู้เลยค่ะ ถ้าไม่ทำงานล่วงเวลา ก็มาตอนห้าโมงกว่า ๆ แต่ถ้ามีเหตุพิเศษก็ไม่แน่”
ทำงานเสร็จเมื่อใดก็กลับมาเมื่อนั้น
“แล้วแม่สามีของเธอล่ะ ไปซื้อของหรือ”
หลินเซี่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ค่ะ ฉันให้คุณแม่กลับไปพักผ่อนแล้ว ตอนนี้ฉันทำอะไรเองได้หมดแล้ว”
ผู้เฒ่าเซี่ยได้ยินคำพูดของหลินเซี่ยแล้ว สีหน้าก็ดูหมองคล้ำ “ทำอะไรไร้สาระ ยังไม่ทันได้อยู่เดือนครบกำหนดเลย ให้หล่อนกลับไปได้ยังไง”
แน่นอนว่าผู้เฒ่าเซี่ยโกรธคนในตระกูลเฉินมากกว่า
หลินเซี่ยบอกให้กลับแล้วก็กลับไปเลยเหรอ
หลินเซี่ยกลัวที่จะคุยเรื่องนี้ต่อ เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกับโจวลี่หรงมีปัญหากัน ในฐานะญาติฝ่ายแม่ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด พวกเขาก็ต้องเข้าข้างเธออยู่แล้ว
ด้วยนิสัยคุณตาของเธอ เขาอาจจะโทรไปต่อว่าผู้เฒ่าเฉินทันที แล้วทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด
หลินเซี่ยอธิบายด้วยน้ำเสียงสบายๆ “คุณตาคะ เฉินเจียเหอจะกลับมาดูแลฉันเอง ช่วงนี้แม่สามีของฉันไม่ค่อยสบาย ฉันกลัวว่าท่านจะแพร่เชื้อให้ลูก เลยให้ท่านกลับไปพักสักสองสามวัน”
หลังหลินเซี่ยอธิบายแบบนี้ ผู้เฒ่าเซี่ยถึงได้สงบลง
เซี่ยหลานกำชับหลินเซี่ย
“เธอห้ามซักผ้าหรือจับน้ำเย็นเด็ดขาด ต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้าเจียเหอไม่มีเวลาซัก เธอก็วางไว้ตรงนั้น แล้วรอจนกว่าแม่จะมีเวลามาช่วยซักให้”
คำพูดของเซี่ยหลานทำให้หลินเซี่ยรู้สึกอบอุ่นใจมาก เธอตอบว่า
“ค่ะแม่ ฉันไม่ได้ซัก ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
มากสุดก็แค่อุ่นอาหารให้ตัวเองกิน
ผู้เฒ่าเซี่ยกับเซี่ยตงอยู่พูดคุยด้วยสักพักก็บอกว่าที่บ้านยังมีธุระ จึงตั้งใจจะกลับก่อน
เซี่ยหลานหาโอกาสมาเยี่ยมได้ยาก หล่อนจึงไม่คิดจะกลับไปเร็วๆ นอกจากนี้ก็ยังต้องการหาโอกาสคุยกับหลินเซี่ย
เสิ่นอวี้หลงรู้ความจริงแล้ว หล่อนจึงต้องเตรียมพร้อม และต้องการให้หลินเซี่ยช่วยพูดคุยกับเสิ่นอวี้หลง อย่าให้เขามีภาระทางจิตใจ
เซี่ยหลานพูดกับผู้เฒ่าเซี่ยและเซี่ยตงว่า “พ่อ พี่ตง พวกคุณทั้งสองกลับก่อนได้นะคะ ฉันจะอยู่กับอวี้หลงสักพัก”
ผู้เฒ่าเซี่ยมองเสิ่นอวี้หลงก่อนจะจากไปและพูดว่า “อวี้หลง ไปคุยกับพี่สาวและหลานชายของเธอสักพักเถอะ”
“ครับ”
เสิ่นอวี้หลงมองดูลูกน้อยตลอดเวลา แต่ดูเหมือนจะมีอะไรวุ่นวายในใจจนไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งใดได้
เซี่ยหลานเดินมาหาเขา และรับเด็กน้อยจากมือของเขา
“อวี้หลง ตอนนี้นายรู้สึกยังไงบ้าง” หลินเซี่ยถามเขา
เสิ่นอวี้หลงเงยหน้าขึ้นมา ดูเคร่งเครียด “ก็ดีนะ”
หลินเซี่ยรู้สึกว่าเสิ่นอวี้หลงมีอารมณ์ไม่ดี จึงแกล้งโมโหและพูดว่า “นายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ดูท่าทางไม่สดชื่นเลย ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ นายไม่คิดถึงฉันหรือไง?”
“คิดถึงสิ” เสิ่นอวี้หลงพูดอย่างจริงใจ
“งั้นก็รีบมาคุยกับฉันสิ ฉันรอนายกับแม่มาจนรากจะงอกแล้ว”
“มานี่ กินผลไม้หน่อย เติมวิตามินเยอะ ๆ ดีต่อสุขภาพ” หลินเซี่ยวางผลไม้ทั้งหมดบนโต๊ะไว้ตรงหน้าเสิ่นอวี้หลง “รีบกินสิ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
เสิ่นอวี้หลงมองเห็นความห่วงใยอย่างจริงใจไร้การเสแสร้งของหลินเซี่ยที่มีต่อเขา ความมืดมนในใจของเขาจึงหายวับไปในพริบตา
ความห่วงใยและความรักที่หลินเซี่ยมีต่อน้องชายอย่างเขานั้นเป็นของจริง ถึงแม้เธอจะรู้มานานแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีเหินห่างหรือเสแสร้งแต่อย่างใด
ตอนที่เขาหมดสติไป เธอก็ยังคงอยู่เคียงข้างไม่ทิ้งห่างด้วยใจจริง
ดังนั้นเขามีอะไรต้องกังวลอีกล่ะ?
เหมือนที่คุณตาพูด สิ่งสำคัญที่สุดระหว่างคนกับคนคือความรู้สึก
ตราบใดที่พวกเขายังปฏิบัติต่อกันเหมือนญาติพี่น้องก็เพียงพอแล้ว
เสิ่นอวี้หลงคิดได้ดังนั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
เขาดึงตัวเองออกจากอารมณ์ มองหลินเซี่ย แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “พี่สาว ตอนคลอดลูกต้องเหนื่อยมากเลยสินะ?”
“เหนื่อยนะ แต่พอได้เห็นเจ้าตัวเล็กนี่เติบโตขึ้นทุกวัน ก็รู้สึกภูมิใจแทน” หลินเซี่ย มองลูกในอ้อมแขนของเซี่ยหลานด้วยสายตาเปี่ยมรัก
“แล้วหู่จือล่ะ?” เสิ่นอวี้หลงถาม
“เขาไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว”
“เขาจะกลับมาแค่วันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น” หลินเซี่ยตั้งใจหลีกเลี่ยงการพูดถึงครอบครัวเซี่ย เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปกติเขาจะอยู่บ้านคุณปู่ของเขา”
“อ๋อ”
เสิ่นอวี้หลงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มพูดคุยกับหลินเซี่ยมากขึ้น
ถามโน่นถามนี่
เขาคิดถึงเด็กหัวรั้นอย่างหู่จือพอสมควร
เซี่ยหลานนั่งอยู่ข้าง ๆ ฟังหลินเซี่ยคุยกับเสิ่นอวี้หลง ในใจก็กระวนกระวายไม่สงบ
หล่อนไม่ถนัดในการสื่อสารกับผู้คนอยู่แล้ว ในช่วงสองปีที่ผ่านมา หล่อนเจอเรื่องราวมากมายจนตัวเองก็อยู่ในสภาพที่ใกล้จะพังทลายมาโดยตลอด แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ตัวหล่อนเองก็ยังไม่ฟื้นตัว
เหมือนอย่างตอนนี้ที่หล่อนอยากจะบอกหลินเซี่ยอย่างเปิดเผยว่าเสิ่นอวี้หลงรู้ทุกอย่างแล้ว หล่อนอยากให้กำลังใจและปลอบโยนพี่น้องทั้งสอง หวังว่าความรู้สึกของพวกเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเพราะสายเลือด
แต่เซี่ยหลานพบว่าปากของตนช่างเอ่ยถ้อยคำออกมาได้ยากเย็น
บางทีอาจจะเป็นเพราะเงียบไปนาน กดดันตัวเองมานาน ความสามารถในการพูดคุยจึงเสื่อมถอยไป
เซี่ยหลานอุ้มหลานไว้ เด็กหลับไปแล้วในอ้อมกอดของหล่อน จึงวางเด็กลงในเปล
หล่อนครุ่นคิดครู่หนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกว่าควรจะใช้โอกาสนี้พูดเรื่องนี้ให้กระจ่าง
ในขณะที่กำลังลังเลใจอยู่ เสิ่นอวี้หลงก็พูดกับหล่อน “แม่ ช่วยพี่สาวผมทำงานบ้านหน่อยสิ แม่พูดอยู่เรื่อยว่าไม่ให้พี่สาวทำงาน แต่ตัวเองก็ไม่อยู่บ้าน ตอนนี้หล่อนทำอะไรเองไม่ได้แล้ว”
“ดูสมองแม่สิ” เซี่ยหลานได้ยินคำพูดของลูกชาย ลุกขึ้นยืนแล้วถามหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย มีผ้าเปื้อนไหม แม่จะไปซักผ้า”
“แม่ เฉินเจียเหอซักเสร็จหมดแล้ว ไม่มีผ้าเปื้อนแล้วค่ะ”
เซี่ยหลานถามอีกว่า “แล้วเธอหิวหรือยัง? ฉันจะทำอาหารให้เธอ”
เมื่อเซี่ยหลานถามแบบนี้ หลินเซี่ยจึงคิดสักครู่แล้วพูดว่า “แม่คะ ในครัวมีผักอยู่ งั้นแม่ช่วยทำกับข้าวให้พวกเราหน่อย แล้วก็ทำบะหมี่ที่แม่ถนัดด้วย ฉันคิดถึงบะหมี่ฝีมือแม่ค่ะ”
ได้ยินหลินเซี่ยบอกว่าอยากกินบะหมี่ฝีมือตน เซี่ยหลานก็ดีใจมาก รีบพูดว่า “ได้ ฉันจะไปทำให้”
หลินเซี่ยจำรสชาติอาหารที่เซี่ยหลานทำไม่ได้แล้ว
รสชาติที่เคยกินยังคงติดอยู่ในความทรงจำจากชาติก่อน
คิดถึงจริง ๆ เลย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อะไรที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ ไม่ต้องกังวลนะคะคุณแม่
ไหหม่า(海馬)