ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 732 ปล่อยวางความระแวงใจ
ตอนที่ 732 ปล่อยวางความระแวงใจ
“แม่ครับ อาหารสุกหรือยัง แม่ทำมานานแค่ไหนแล้ว”
เสิ่นอวี้หลงลุกขึ้นไปดูในครัว แล้วก็เห็นเซี่ยหลานกำลังแอบเช็ดน้ำตาอยู่
เซี่ยหลานได้ยินเสียงเสิ่นอวี้หลง จึงเช็ดหน้าแล้วรีบฝืนยิ้ม “เสร็จแล้ว ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ลูกลองไปถามพี่สาวดูซิว่าจะเก็บข้าวไว้ให้พี่เขยลูกไหม”
หลินเซี่ยเดินตามมาด้วย ได้ยินคำพูดของเซี่ยหลานก็หัวเราะแล้วพูดว่า “แม่คะ แม่ทำเยอะไหม เฉินเจียเหอน่าจะกลับมาแล้วนะ”
“แม่นวดแป้งไว้เยอะ งั้นเรารอสักครู่ พอเขากลับมาแม่ค่อยทำเส้นบะหมี่”
“ได้ค่ะ งั้นแม่ออกมาพักก่อน ในครัวมันร้อนเกินไป”
เพิ่งพูดจบ หลินเซี่ยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าบนทางเดินในตึก
แถมยังมีเสียงคุยกันด้วย
ฟังเสียงแล้วเหมือนเสียงของหู่จือ
“อวี้หลง ไปเปิดประตูให้หน่อย พี่เขยน่าจะกลับมาแล้วใช่ไหม?”
เสิ่นอวี้หลงลุกขึ้นไปเปิดประตู ก็เห็นเฉินเจียเหอกำลังหยิบกุญแจออกมาจะเปิดประตูพอดี
เขาถือของมาเยอะจนล้นมือ จึงยังไม่ทันได้หยิบกุญแจออกมา
“อวี้หลง”
พอเฉินเจียเหอเห็นเสิ่นอวี้หลง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เปื้อนรอยยิ้ม “นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“พวกผมเพิ่งมาไม่นาน”
หู่จือที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินเจียเหอเห็นเสิ่นอวี้หลงแล้วก็ดีใจ แทรกตัวออกมาจากข้างขาของเฉินเจียเหอ เงยหน้าขึ้นร้องเรียกอย่างตื่นเต้น “น้าเล็ก คุณมาแล้วหรือ ผมคิดถึงคุณมากเลย”
เสิ่นอวี้หลงสบตากับดวงตาสดใสของหู่จือ ครั้นได้ยินเสียงที่เรียกเขาว่าน้าเล็กอย่างจริงใจ หัวใจของเขาถูกสะกิดอย่างแรง
หู่จือเดินเข้าประตูมา ก่อนกระโดดโลดเต้นวิ่งไปที่เปลเด็ก
แต่แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ รีบหมุนตัววิ่งไปอีกทาง แล้วเข้าห้องน้ำไปล้างมือ
ล้างมือเสร็จ เขาก็วิ่งออกมาดูน้องชายที่เปลเด็ก
เสิ่นอวี้หลงแปลกใจกับการกระทำของเขาอีกครั้ง ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้ถูกสอนมาดีมาก รู้จักคิด
เขายิ้มแล้วพูดว่า “เธอค่อนข้างใส่ใจเรื่องสุขอนามัยเหมือนกันนะเนี่ย”
หู่จือกระซิบกับเขา “ถ้าไม่ล้างมือ ย่าจะดุผม วันนี้ย่าไม่อยู่บ้านใช่ไหม?”
เด็กน้อยถามเสิ่นอวี้หลงอย่างลึกลับ
เป็นเพราะเขาได้ยินว่าย่าไม่อยู่บ้าน เขาถึงยอมกลับมา
เสิ่นอวี้หลงยักไหล่ “น่าจะไม่อยู่”
หู่จือทักทายเซี่ยหลาน แล้ววิ่งไปดูรอบ ๆ ห้องนอน ครั้นพบว่าคุณย่าของเขาไม่อยู่จริง ๆ เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พ่อของเขาไม่ได้โกหก
คุณย่าไม่อยู่บ้าน
หู่จือรู้สึกผ่อนคลายในทันที
หลินเซี่ยมองการกระทำของหู่จือด้วยความขบขันและสงสาร
เด็กคนนี้ตื่นตกใจกลัวคุณย่าของเขาจริง ๆ
เมื่อปล่อยวางความระแวงใจได้แล้ว หู่จือก็มีท่าทางผ่อนคลายลง วิ่งเข้ามากอด หลินเซี่ยที่ขาแล้วเริ่มออดอ้อน
“แม่ครับ ผมคิดถึงแม่กับน้องจังเลย”
“พวกเราก็คิดถึงลูก”
หลินเซี่ยได้บอกเฉินเจียเหอตั้งแต่เช้าแล้วว่าเซี่ยหลานกับเสิ่นอวี้หลงจะมาเยี่ยมตอนบ่าย ดังนั้นเฉินเจียเหอจึงไปซื้อของมาโดยเฉพาะ
ตั้งใจจะต้อนรับพวกเขาอย่างดี
ตอนนี้เซี่ยหลานได้ทำอาหารเสร็จแล้ว เฉินเจียเหอหยิบผักและเนื้อเข้าไปในครัว แล้วหยิบขนมและเครื่องดื่มออกมาจากถุงอีกมากมาย
เหตุผลหลักคือเขารู้สึกว่าเสิ่นอวี้หลงดูเหมือนจะมีอคติต่อเขาอยู่บ้าง เขาจึงอยากปฏิบัติต่อน้องภรรยาให้ดีขึ้น เพื่อให้เขามองตัวเองในแง่ดี
สำหรับทุกคนที่หลินเซี่ยใส่ใจ เขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะเสิ่นอวี้หลงที่ประสบชะตากรรมอันโหดร้าย ยิ่งทำให้ผู้คนสงสาร
เสิ่นอวี้หลงในวันนี้ดูสุภาพผิดปกติ เมื่อเห็นเฉินเจียเหอยื่นเครื่องดื่มและขนมให้ เขาก็ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะรับมาจากมือของอีกฝ่าย จากนั้นกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจ
ท่าทางของเขาทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกประหลาดใจ
ครั้งที่แล้วที่พบกันไม่ได้เป็นแบบนี้
ใบหน้าหล่อเหลาของเขากระตุกเล็กน้อย เลิกคิ้วมองเสิ่นอวี้หลงอย่างสงสัย
หลินเซี่ยยิ้ม พูดกับเสิ่นอวี้หลงว่า “ดูสิ พี่เขยของนายใจดีกับนายขนาดไหน เขากลัวว่านายจะไม่พอใจที่เขาเป็นพี่เขย เลยพยายามเอาใจนายสุดฤทธิ์”
เสิ่นอวี้หลงยิ้มแหยๆ อย่างอึดอัด
“แน่นอนอยู่แล้ว ต้องเอาใจน้องภรรยาให้ดี ไม่งั้นวันหน้าถ้าผมทะเลาะกับคุณ น้องภรรยาจะมาช่วยคุณ แล้วผมจะทำอะไรไม่ได้เลย”
ได้ยินคำพูดของทั้งสองสามีภรรยา เสิ่นอวี้หลงที่แต่เดิมมีใจซับซ้อนอยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกแปลกๆ ในใจ
เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยรู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเขามานานแล้ว แต่ก็ยังคงยินดีมองเขาเป็นญาติผู้ใหญ่เสมอมา
หลินเซี่ยไม่ได้ตัดขาดจากเขาเพียงเพราะเขาไม่ใช่น้องชายแท้ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังเป็นคนป่วยอีกด้วย
เป็นเจ้าชายนิทราที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
เธอไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเขา พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ตระกูลเสิ่นได้ส่งเธอกลับไปอยู่ชนบทแล้ว ต่อให้เธอจะกลับมาในเมืองอีกครั้ง พวกเขาก็สามารถตัดขาดจากกันได้อย่างสิ้นเชิง
แต่หลินเซี่ยไม่ได้ทำแบบนั้น
เธอยังคงระลึกถึงความผูกพันฉันพี่น้องระหว่างพวกเขาเสมอ
เซี่ยหลานเห็นว่าเฉินเจียเหอผู้เป็นพี่เขยดูรักใคร่เสิ่นอวี้หลงมาก หล่อนพลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
จากนั้นหล่อนก็ตั้งใจจะไปทำบะหมี่ หู่จือจึงรีบตามเข้าไป
เด็กชายเขย่งปลายเท้ามองเข้าไปในหม้อ “ยาย ทำอะไรอร่อยๆ หรือฮะ”
เซี่ยหลานยิ้มตอบ “บะหมี่จ้ะ”
หลินเซี่ยสั่งหู่จือ “รีบเอาน้ำส้มสายชูกับพริกไปวางข้างนอกเร็ว”
“ได้ฮะ”
หู่จือช่วยงานอย่างขยันขันแข็ง
เฉินเจียเหอเข้ามาในครัวเช่นกัน และบอกให้หลินเซี่ยออกไปพักผ่อน เพราะเขาจะมาช่วยเอง
“เซี่ยเซี่ย คุณต้องเชื่อฟัง อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อย ตอนนี้ยังไม่ถึงกำหนดเวลา ต้องพักผ่อนให้เยอะๆ”
หลินเซี่ยอธิบาย “ฉันนั่งมาตลอดแล้ว เลยอยากลุกขึ้นมาขยับเขยื้อนร่างกายหน่อยน่ะ”
“เอาล่ะ พวกเธอออกไปข้างนอกกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะเรียกเมื่อสุกแล้ว”
เซี่ยหลานไล่พวกเขาออกจากห้องครัว
เฉินเจียเหอเห็นเสิ่นอวี้หลงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอาการใจลอย มือก็ไม่ได้หยิบขนมสักชิ้น เขาจึงมองหลินเซี่ยด้วยความสงสัย
หลินเซี่ยสบตากับเขา พูดเบา ๆ ว่า “อวี้หลงรู้เรื่องราวความเป็นมาของฉันแล้วค่ะ”
เฉินเจียเหอได้ยินดังนั้นก็เข้าใจ
“คุณไปพูดกับเขาหน่อย เขาอาจรู้สึกว่าฉันไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ ของเขา และคุณก็ไม่ใช่พี่เขยแท้ ๆ เขาเลยเริ่มเก็บตัว”
เฉินเจียเหอเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าอยู่ โอบไหล่เขา ยิ้มแล้วพูดว่า “อวี้หลง เรื่องพวกนั้นผ่านไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับพี่สาวจะไม่เปลี่ยนแปลงไปหรอกตราบใดที่นายยังต้องการ นายผ่านความยากลำบากมาแล้ว ตอนนี้ฟื้นตัวได้ดี ก็ควรจะรักชีวิตให้มากขึ้น รักคนที่อยู่ตรงหน้า พวกเราก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”
“อวี้หลง พี่เขยพูดถูก มองไปข้างหน้า อย่าไปใส่ใจกับคนที่ไม่คู่ควรเลย”
เสิ่นอวี้หลงเงยหน้ามองเธอ ถามว่า “พี่ แล้วทำไมเสิ่นอวี้อิ๋งถึงวางยาพิษผมล่ะ”
ยิ่งเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยปฏิบัติต่อเสิ่นอวี้หลงดีเท่าใด เสิ่นอวี้หลงก็ยิ่งคิดไม่ตก
อุบัติเหตุรถยนต์ไม่ได้พรากชีวิตเขาไป แต่เขากลับเกือบตายด้วยน้ำมือพี่สาวแท้ ๆ ของตัวเอง
เสิ่นอวี้หลงรู้สึกโกรธแค้นและหวาดกลัวในใจ
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินชื่อของเสิ่นอวี้อิ๋ง สีหน้าเธอก็เย็นชาลงเล็กน้อย
“อวี้หลง บางคนเกิดมาเพื่อเป็นคนชั่วร้ายอยู่แล้ว นั่นเป็นสันดานของหล่อนเอง”
“ผมได้ยินมาว่าพี่บอกให้พี่เอ้อร์เลิ่งเตรียมการป้องกันไว้ก่อน แสดงว่าพี่รู้มาก่อนแล้วใช่ไหมว่าหล่อนจะทำร้ายผม” เสิ่นอวี้หลงถามด้วยความสงสัย
หลินเซี่ยอธิบายว่า “ระยะหลังนี้ตระกูลเสิ่นตกต่ำลง ยิ่งหลังจากที่เสิ่นอวี้อิ๋งคลอดลูก ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงไปมาก หล่อนที่ไม่อาจปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เลยเหมือนหมาจนตรอกที่กระโดดข้ามกำแพงไปกัดคนอื่น แล้วยังร่วมมือกับคนอื่นลักพาตัวหู่จืออีก ฉันกลัวว่าหล่อนจะทำอะไรแบบสุดขั้วเลยให้เอ้อร์เลิ่งระวังเอาไว้”
“แม้แต่หู่จือยังกล้าลักพาตัว แล้วจะมีเรื่องอะไรที่พวกหล่อนทำไม่ได้อีกล่ะ”
เสิ่นอวี้หลงอดไม่ได้ที่จะเริ่มคาดเดา “หรือว่าหล่อนอยู่ในชนบทแล้วไม่มีความสุข เลยเก็บความแค้นเอาไว้ในใจ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สงสารหู่จือจังเลย กลายเป็นเด็กที่กลัวย่าไปแล้ว
ยัยอวี้อิ๋งมันเลวด้วยกมลสันดานอยู่แล้ว พาไปรดน้ำมนต์กี่วัดก็ไม่หาย ไม่รู้ว่าจะมีวันคิดได้หรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)