ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 737 อยากมีลูกมาเล่นด้วยกันไหม
ตอนที่ 737 อยากมีลูกมาเล่นด้วยกันไหม
ตกค่ำ โจวเจี้ยนกั๋วกับหวังอวี้เสียพูดกันว่าจะไปพักที่โรงแรม แต่เฉินเจียเหอเอ่ยรั้งให้พวกเขาพักที่บ้าน
โจวเจี้ยนกั๋วจึงเอ่ยปากอย่างลำบากใจ “แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง จะรบกวนเวลาพักผ่อนของเด็ก ๆ เอานะ”
เฉินเจียเหอพูดว่า “ไม่รบกวนหรอกครับคุณน้า คุณกับน้าสะใภ้มาพักที่บ้านเถอะ ที่นี่กว้างขวางดี พวกคุณมาพักได้สบาย ๆ ไม่ต้องไปพักโรงแรมข้างนอกแล้ว”
หลินเซี่ยก็เห็นด้วย
“น้ากับน้าสะใภ้มาพักห้องของหู่จือได้นะคะ ให้เขามานอนกับพวกเราแทน”
นอกจากนี้ยังมีห้องพักแขกอีกห้องที่เก็บของไว้เยอะแยะและยังไม่ได้จัดเก็บ ซึ่งช่วงนี้ เฉินเจียเหอยุ่งจนแทบไม่มีเวลาจัดห้องนอนให้พวกเขา
หู่จือไม่ได้อยู่กับพ่อแม่มานานแล้ว พอได้ยินว่าคืนนี้จะได้รับการปฏิบัติแบบนี้ เขาจึงรู้สึกเป็นเกียรติ แต่ก็รู้สึกอายนิดหน่อย
เขาเป็นเด็กผู้ชายตัวน้อยที่กำลังจะอายุ 7 ขวบแล้ว การยังนอนกับพ่อแม่อยู่มันเหมาะสมหรือ
เฉินเจียซิ่งกับหยางหงเสียเพิ่งย้ายออกไปเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้ภายในบ้านดูเงียบเหงา
พอเหล่าคนชราได้ยินว่าพวกโจวเจี้ยนกั๋วมาแล้ว ผู้เฒ่าเฉินก็ฝากโจวลี่หรงขณะออกจากบ้านว่าให้เชิญพวกโจวเจี้ยนกั๋วมาพักที่บ้าน
โจวลี่หรงกำลังจะเอ่ยปาก แต่หวังอวี้เสียยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “งั้นก็ได้ พวกเราจะไม่เกรงใจแล้วกัน”
พอหวังอวี้เสียพูดแบบนี้ คำพูดที่ติดตรงปากของโจวลี่หรงก็ถูกกลืนกลับลงคอไป
โจวเจี้ยนกั๋วได้ยินว่าภรรยากล่าวอย่างนั้น เขาก็ตอบตกลงอย่างยินดี
เซี่ยเหลยเอ่ยขึ้น “ได้ งั้นพวกคุณก็พักอยู่กับเซี่ยเซี่ยนี่แหละ พรุ่งนี้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของพวกเรากัน ตอนเที่ยงให้จินซานมารับพวกคุณ”
หวังอวี้เสียรีบยิ้มแล้วปฏิเสธอย่างสุภาพ “พี่ใหญ่เซี่ย คุณอย่าลำบากเลยค่ะ พวกเราจะออกไปซื้อของมาทำกินเองตอนเช้า เจียเหอก็ทำอาหารเป็นอยู่แล้ว เซี่ยเซี่ย ก็ต้องกินอยู่ดี ในเมื่อฉันมาแล้ว ก็จะทำอาหารให้สองมื้อ”
“งั้นก็ได้ พวกเราคงไม่ต้องส่งอาหารแล้ว”
พวกเซี่ยเหลยคุยกับหวังอวี้เสียและโจวเจี้ยนกั๋วอย่างสนิทสนมและอบอุ่นเป็นกันเอง ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องมองพวกเขาเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่กัน
พวกเขาทั้งหมดคุยกันอย่างสนุกสนานและถูกคอ
เซี่ยไห่กับเซี่ยอวี่ยืนอยู่ข้างเปลเด็กมองลูกน้อยตลอด ผู้นำแฟชั่นสมัยใหม่ทั้งสองคนในตอนนี้ต่างมีแววตาที่อ่อนโยนเมตตาเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“พี่สาว ฉันรู้สึกว่ามีลูกสักคนก็ดีนะ” เซี่ยไห่ลูบมือน้อย ๆ ของเด็กทารก สายตาอ่อนโยนและใจดี
“อยากมีลูกแล้วเหรอ” เซี่ยอวี่เลิกคิ้วมองเซี่ยไห่ พูดเย้าแหย่
เซี่ยไห่ถอนหายใจ “ฉันอยากมีลูกจะมีประโยชน์อะไร ฉันเป็นผู้ชายก็ให้กำเนิดไม่ได้อยู่ดี”
เขาพูดจบก็มองไปที่เซี่ยอวี่ ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “พี่สาว เธอเห็นเด็กน้อยคนนี้แล้วรู้สึกยังไง รู้สึกถึงสัญชาตญาณแม่แบบท่วมท้นจนอยากมีลูกสักคนมาเล่นด้วยไหม”
มีลูกสักคนมาเล่นด้วย?
พอเซี่ยไห่ถามแบบนี้ เซี่ยอวี่ที่มีเรื่องหนักอกหนักใจอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกหนักใจมากขึ้น
ต้องยอมรับว่าคำพูดของเซี่ยไห่ทะลุตรงใจหล่อนจริง ๆ
ก่อนหน้านี้หล่อนไม่เคยมีความคิดเกี่ยวกับเด็กเลย ทว่าตั้งแต่หลานสาวมีลูก ขณะมองดูก้อนเนื้อเล็ก ๆ นี่แล้วมองดูครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่นและมีความสุขของพวกเขา หล่อนก็นึกอิจฉาขึ้นมาจริง ๆ
เริ่มใฝ่ฝันถึงชีวิตครอบครัวโดยไม่รู้ตัว
หล่อนมีเย่ไป๋เป็นแฟนหนุ่มแล้ว แถมยังตอบตกลงคำขอแต่งงานของเขาด้วย ดังนั้นขั้นต่อไปจึงควรพิจารณาเรื่องมีลูก
แต่ด้วยวัยของหล่อนตอนนี้แล้วจะยังมีลูกได้อีกหรือ?
เซี่ยอวี่จึงตั้งใจว่าจะไปตรวจร่างกายเองโดยไม่บอกเย่ไป๋
แทนที่จะนั่งคิดเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว ไปตรวจดูสภาพร่างกายให้เห็นจริงดีกว่า
หากหล่อนตั้งครรภ์ยากเพราะปัญหาเรื่องอายุ หล่อนก็จะไม่เป็นอุปสรรคขวางทางเย่ไป๋
ถึงแม้เย่ไป๋จะบอกว่าเขาเคารพการตัดสินใจทุกอย่างของหล่อน และต้องการตัวหล่อนเท่านั้น
แต่เบื้องหลังเย่ไป๋ก็ยังมีครอบครัวของเขาอยู่ หล่อนไม่อาจเห็นแก่ตัวแบบนั้นได้
เซี่ยอวี่คิดวกวนในใจ สายตามองไปที่เด็กน้อย แต่จิตใจกลับจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
ส่วนเซี่ยไห่ที่มองเด็กอยู่ก็มีแผนการเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเองอยู่ในหัวเช่นกัน
เขาพูดกับเซี่ยอวี่ในทันใดว่า “พี่ ผมว่าเราควรให้ลินดามาเยี่ยมเด็ก ๆ บ่อย ๆ นะ บางทีหล่อนอาจจะเกิดสัญชาตญาณความเป็นแม่ มีแรงผลักดันอยากเป็นแม่ขึ้นมาก็ได้”
เซี่ยอวี่ไม่ได้ต่อว่าเขาเหมือนที่ผ่านมา แถมยังสนับสนุนความคิดของเขาด้วย ทำให้เซี่ยไห่ตาสว่างวาบ พูดว่า “ผมชวนหล่อนแล้ว แต่หล่อนไม่ยอมมา คราวหน้าที่พี่มา พี่ช่วยพาหล่อนมาด้วยนะ แล้วตอนนั้นก็ให้หล่อนรับรู้ถึงความรู้สึกด้วยการอุ้มเด็กเยอะ ๆ ดู”
เซี่ยอวี่พูดว่า “อีกสองวันเด็กก็มีอายุครบเดือนแล้ว”
“โอ้ ใช่ ๆๆ อีกสองวันผมจะต้องให้หล่อนอุ้มเด็กเยอะ ๆ เลย”
เซี่ยไห่เห็นสายตาอ่อนโยนของพี่สาวที่มองเด็ก ๆ ราวกับเป็นแม่ผู้เมตตา
เขาจึงเชื่อว่าถ้าลินดาได้ใกล้ชิดกับเด็ก ๆ มากขึ้น หล่อนจะต้องเปลี่ยนความคิดในตอนนี้แน่นอน
อยากมีลูกสักคนจังเลย
“พวกเธอสองคนกระซิบกระซาบอะไรกันน่ะ กลับกันได้แล้ว”
ได้ยินเสียงของเซี่ยเหลย สองพี่น้องจึงละสายตาออกจากใบหน้าเด็กน้อยพร้อมกัน แล้วขานรับ
“อ้อ”
“เซี่ยเซี่ย งั้นพวกฉันไปก่อนนะ เจอกันมะรืนนี้”
“ถ้าแจ้งให้ครอบครัวเขารู้ พวกเขาต้องมาแน่ ๆ”
ตระกูลเซี่ยกำลังจะกลับ ส่วนโจวลี่หรงเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้ว หล่อนจึงตัดสินใจกลับเช่นกัน
ในเมื่อโจวเจี้ยนกั๋วกับหวังอวี้เสียตัดสินใจจะพักอยู่บ้านของเฉินเจียเหอ โจวลี่หรงจึงไม่ได้ชวนพวกเขาอีก
“เจี้ยนกั๋ว อวี้เสีย งั้นฉันก็กลับด้วยแล้วกัน พรุ่งนี้พวกเธอแวะมาบ้านฉันด้วยนะ”
“ครับ” โจวเจี้ยนกั๋วตอบ “พี่ พรุ่งนี้พวกเราจะไปเยี่ยมลุงเฉินกับครอบครัว พี่ไปทำธุระของตัวเองเถอะ พวกเราจะไปเองพรุ่งนี้”
ก่อนจะจากไป โจวลี่หรงมองไปที่หู่จือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “หู่จือ เธอจะกลับบ้านพร้อมกับย่าไหม”
เมื่อหู่จือได้ยินคำพูดของโจวลี่หรง ใบหน้าน้อย ๆ ของเขาก็เผยความหวาดกลัวเล็กน้อย ส่ายหน้าโดยไม่ลังเลใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากอยู่กับพ่อแม่ของผม”
หู่จือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ทำให้สีหน้าของโจวลี่หรงหม่นลงเล็กน้อย
“แม่คะ ให้เด็กอยู่กับพวกเราสักคืนเถอะ เตียงใหญ่ขนาดนี้ไม่แออัดหรอก” หลินเซี่ยพูดกับโจวลี่หรง
โจวลี่หรงไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็จากไปพร้อมกับเซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นผ้าอ้อมเด็กที่ยังไม่ได้ซักในอ่างน้ำในห้องน้ำ หล่อนก็พับแขนเสื้อขึ้นและกำลังจะเริ่มซัก
เฉินเจียเหอเห็นดังนั้นจึงรีบห้ามไว้ “น้าสะใภ้ อย่าทำเลยครับ เดี๋ยวผมซักเอง”
หวังอวี้เสียยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรจ้ะ เธอไปนั่งคุยกับน้าของเธอเถอะ ฉันว่างอยู่แล้ว ฉันจะซักเอง”
แต่เฉินเจียเหอยืนกรานไม่ยอม “น้าสะใภ้ครับ รีบออกไปพักผ่อนเถอะ ผมซักเองได้ ผมซักทุกคืนอยู่แล้ว มันไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ตอนกลางวันก็แค่เปลี่ยนผ้าอ้อมไปนิดหน่อย มือผมใหญ่ขนาดนี้ ขยี้สองสามทีก็เสร็จแล้ว”
เฉินเจียเหอยืนกรานไม่ให้หวังอวี้เสียซักผ้าอ้อมให้เด็ก เขาดันหล่อนออกไปพร้อมกับพูดโน้มน้าว
หวังอวี้เสียที่ถูกเฉินเจียเหอดันออกมาจึงพูดด้วยรอยยิ้มอัศจรรย์ใจ “เจียเหอเปลี่ยนไปมากเลยนะหลังจากเป็นพ่อ รู้สึกว่าตอนนี้เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและรักครอบครัวไปแล้ว บุคลิกไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด ก่อนหน้านี้เขาเย็นชามาก แต่ตอนนี้กลายเป็นคนที่อ่อนโยนมาก”
“พ่อของผมเป็นพ่อมานานแล้วล่ะ” หู่จือเอ่ยแทรกขณะวิ่งออกมาจากห้องนอนอย่างกระทันหัน
หลินเซี่ยรีบเปลี่ยนเรื่อง “ใช่ ๆๆ ตอนหู่จือยังเด็ก เขาก็ซักผ้าอ้อมอยู่แล้ว นับว่ามีประสบการณ์เยอะ ปล่อยให้เขาซักเถอะค่ะ”
เธอพูดกับโจวเจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ว่า “น้า น้าสะใภ้ ถ้าพวกคุณเหนื่อยแล้วก็ไปพักผ่อนสักหน่อยนะคะ ได้นอนเต็มอิ่มแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อ”
หวังอวี้เสียไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย หล่อนอุตส่าห์มาที่นี่ทั้งทีก็ยังอยากคุยกับหลินเซี่ยอีกมาก อยากฟังหลินเซี่ยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเสื้อผ้า ทรงผม และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผู้หญิงในเมืองนิยมใช้กันตอนนี้ และอยากเก็บเกี่ยวความรู้กลับไปสอนเพื่อนร่วมงานที่โรงงานด้วย
ขณะที่เพิ่งจะบอกว่าไม่เหนื่อย โจวเจี้ยนกั๋วก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “ได้เลย เซี่ยเซี่ย เธอก็กลับไปพักผ่อนในห้องเถอะ เธอเพิ่งคลอดลูก ห้ามเหนื่อยเด็ดขาดนะ”
โจวเจี้ยนกั๋วไปพักผ่อนกับหวังอวี้เสีย ส่วนหลินเซี่ยกับหู่จือก็กลับเข้าห้องนอน
หู่จือกำลังทำการบ้าน ส่วนหลินเซี่ยป้อนนมให้ลูกน้อยแล้ววางเขาไว้บนเตียง จากนั้นหู่จือก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น และเล่นกับน้องชายด้วยกัน
“แม่ครับ ดูสิ เสี่ยวหู่หน้าเหมือนผมไหม”
“แน่นอน…” หลินเซี่ยตอบอย่างเผลอไผล แต่แล้วก็รีบเปลี่ยนอารมณ์ “แน่นอนว่าต้องเหมือนสิ พวกลูกเป็นพี่น้องกันจะไม่เหมือนกันได้ยังไง”
“ไม่เหมือนกันหรอก ผมได้ยินยายกับคนอื่น ๆ พูดว่าน้องชายหน้าเหมือนแม่ แต่ผมไม่ได้เกิดจากแม่นี่ ผมจะไปเหมือนเขาได้ยังไง”
“แล้วผมก็ดูไม่เหมือนพ่อเลย” หู่จือลูบคางครุ่นคิด “งั้นผมอาจจะหน้าเหมือนแม่ที่ให้กำเนิดผมหรือเปล่านะ”
เมื่อสบตากับหู่จือที่กำลังอยากรู้อยากเห็น สีหน้าของหลินเซี่ยก็ดูซับซ้อนขึ้นมานิดหน่อย
เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ยังไงดี
“แม่ครับ เมื่อวานซืนนี้ป้าจางเหมยมาหาผมด้วยล่ะ หล่อนจะพาผมไปสวนสนุก แต่ อารองพาผมไปแล้ว ผมเลยไม่อยากไปกับหล่อน หล่อนเลยพาผมไปกินของอร่อยแทน”
พอหู่จือพูดถึงจางเหมย หลินเซี่ยก็รู้สึกคับข้องใจ แต่ยังคงฟังเขาพูดอย่างอดทน
“อ้อใช่ ตอนที่ป้าจางเหมยพาผมไปกินข้าววันนั้น พอหล่อนเห็นกระจกในร้านอาหาร หล่อนบอกว่ารู้สึกว่าผมหน้าเหมือนหล่อนนิดหน่อย”
พอได้ยินคำพูดของหู่จือ สีหน้าของหลินเซี่ยก็เปลี่ยนไปทันที หันไปมองเขาแล้วถามว่า “หล่อนพูดกับลูกแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อาหญิงลองไปตรวจร่างกายหน่อยไหมคะ เผื่อจะเจอเซอร์ไพร์ส
ความลับเรื่องแม่แท้ๆ ของหู่จือจะถูกเปิดเผยไหมนะ
ไหหม่า(海馬)
……….