ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 743 พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรสกันเถอะ
ตอนที่ 743 พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรสกันเถอะ
เย่ไป๋รับใบตรวจผลจากมือของหล่อนแล้วตรวจดูอย่างรวดเร็ว
มันเป็นใบตรวจจากโรงพยาบาลไห่เฉิงหมายเลขสอง
ขณะมองภาพถุงตัวอ่อนบนใบอัลตราซาวด์ หัวใจของเขาก็สั่นระริกอย่างรุนแรง มือที่ถือกระดาษก็สั่นเทา
เซี่ยอวี่เห็นปฏิกิริยาของเขา สายตาของหล่อนก็อ่อนโยนขึ้น
เขาชอบเด็ก
“คุณไปตรวจคนเดียวเหรอ” สักพักเย่ไป๋จึงละสายตาจากใบอัลตราซาวด์ มองไปที่หล่อน
เซี่ยอวี่พยักหน้า “ใช่ค่ะ”
ตอนนี้ในใจของเย่ไป๋มีทั้งดีใจที่หล่อนตั้งครรภ์ และรู้สึกผิดเต็มไปหมด
ช่วงเวลาสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกของการตรวจครรภ์ เป็นสิ่งที่หล่อนต้องเผชิญคนเดียว
ในฐานะคู่ชีวิตของหล่อน พ่อของลูก เขาไม่ควรบกพร่องในหน้าที่ตรงนี้จริงๆ
หล่อนเป็นบุคคลสาธารณะ เขาแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าหล่อนต้องเผชิญกับแรงกดดันขนาดไหนกว่าจะเดินเข้าโรงพยาบาลได้
“ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง ฉันเลยคิดว่าฉันป่วย”
เซี่ยอวี่พูดถึงตรงนี้ หล่อนก็เริ่มสะอื้นเพราะความน้อยใจ
มีสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าช่วงนี้ใจของหล่อนทรมานแค่ไหน
หล่อนถูกแม่ตัวเองคอยเร่งรัดให้แต่งงานและมีลูกทุกวัน เอาหล่อนไปเปรียบเทียบกับหลินเซี่ยที่อายุน้อยกว่า พูดกรอกหูหล่อนตลอดว่าอายุมากแล้วไม่ดีต่อการมีลูก แถมยังอาจจะมีลูกไม่ได้ด้วย
ทำให้หล่อนไม่เพียงแต่กังวลเรื่องอายุ แต่ยังกังวลเรื่องการมีลูกอีก จนเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว
ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะท้องโดยไม่รู้ตัว เย่ไป๋ไอ้เวรนั่นเดาได้ตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่บอกหล่อน
เซี่ยอวี่ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ และโกรธมากขึ้น
ปล่อยให้หล่อนกัดระบายอารมณ์
“ไอ้บ้า คุณรู้ว่าฉันท้องแล้วทำไมไม่บอกฉัน?” เซี่ยอวี่มีน้ำตาคลอ จ้องเขาอย่างดุดัน ทุบเขาสองหมัด “คุณมีความรับผิดชอบบ้างไหม เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังกล้าปิดบังฉัน ไม่กลัวว่าท้องฉันจะเป็นอะไรไปหรือไง?”
หล่อนคิดแล้วก็ยังขนลุก โชคดีที่ช่วงนี้ไม่ได้ทำงาน พักอยู่บ้าน ไม่งั้นถ้าลูกหลุดไป หล่อนอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้
เย่ไป๋รวบหล่อนเข้ามาในอ้อมกอด อธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวอวี่ ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจปิดบัง จำได้ไหมตอนที่เราไปหาคุณปู่รอง ท่านจับชีพจรคุณแล้วรู้สึกเหมือนเป็นชีพจรของคนท้อง แต่เวลาผ่านไปไม่นานท่านก็ไม่กล้าแน่ใจ เลยบอกให้พวกเราเตรียมใจไว้ แล้วค่อยกลับไปตรวจซ้ำอีกทีตอนอายุครรภ์มากขึ้น
ในใจผมกังวลมาก ใจหนึ่งกลัวว่าเข้าใจผิดแล้วจะดีใจเก้อ อีกใจผมก็กลัวจริง ๆ ผมกลัวว่าคุณจะยังไม่พร้อมเป็นแม่ กลัวว่าคุณจะไม่ต้องการเด็กคนนี้ ผมเลยลังเลใจมาก ผมกลัว…”
เย่ไป๋ตื่นเต้น เขาจับมือหล่อน มองหล่อนแล้วถามย้ำ “เสี่ยวอวี่ คุณคิดแบบนี้จริง ๆ เหรอ”
หล่อนมองเขาด้วยสายตาดุดัน เตือนเขาล่วงหน้าว่า “มีลูกได้ แต่ถ้าให้ฉันต้องเลิกงานเพื่อเลี้ยงลูก เป็นแม่บ้าน ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน”
“จะไม่เป็นแบบนั้นหรอก ไม่มีทางเลย” เย่ไป๋พูด “พวกเราแต่งงานกัน พอคลอดลูกเสร็จคุณก็ไปทำงานต่อได้เลย ให้แม่ผมช่วยเลี้ยงลูก ผมเองก็จะดูแลครอบครัวอย่างดี”
เซี่ยอวี่หัวเราะเย็นชา “ที่คุณรีบร้อนขนาดนี้ เพราะอยากให้ฉันให้กำเนิดทายาทสืบสกุลให้คุณใช่ไหม?”
“ผมไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้นหรอก” เย่ไป๋ลูบหัวหล่อน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมเห็นความเย็นชาของมนุษย์ การพลัดพรากจากกันมามากเกินไปตอนอยู่โรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าผมใช้ชีวิตอย่างเข้าใจโลกมาก จนกลายเป็นคนไร้ความรู้สึก แต่พอยิ่งอายุมากขึ้น ผมก็พบว่าความคิดตัวเองเปลี่ยนไป จิตใจผมเริ่มอ่อนโยนลง ผมค่อย ๆ เข้าใจแล้วว่า ความรักที่เป็นนิรันดร์ระหว่างคนในครอบครัวนั้นไม่มีความสัมพันธ์อื่นใดมาแทนที่ได้ ผมกลัวว่าถ้าเราไม่มีลูก ต่อไปพอแก่ตัวแล้ว ความรักจะไม่ได้รับการสืบทอด พวกเราจะอ้างว้างมากเมื่อแก่ตัว”
เซี่ยอวี่แสดงความเห็นด้วยกับคำพูดของเขา “เรามีความคิดเหมือนกันเลย”
ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างมุ่งแต่เรื่องงาน ยุ่งทุกวัน แทบจะทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง
ตั้งแต่พวกเขากลับมาเมืองปินเฉิง จากตอนที่พี่ใหญ่ของหล่อนรับลูกสาวกลับมา ไปจนถึงแต่งงาน ชีวิตของครอบครัวใหญ่ของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้พอกลับถึงบ้าน มีแต่พี่ใหญ่ที่ป่วยไข้และแม่ที่โดดเดี่ยวเป็นทุกข์ บ้านหลังนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นหรือมีความสุขเลย
หล่อนและเซี่ยไห่ต่างก็ให้ความหมายใหม่กับคำว่า “บ้าน”
ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มปรารถนาที่จะแต่งงานสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ของตัวเอง และใฝ่ฝันที่จะมีลูก
“เสี่ยวอวี่ อย่าโกรธผมเลย เราแต่งงานกันนะ?”
“ได้ พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนกัน”
ในที่สุดเซี่ยอวี่ก็ตอบตกลงคำขอของเขาอย่างเป็นทางการ ยินดีที่จะไปจดทะเบียนสมรสกับเขา ทำให้หัวใจของเย่ไป๋อดสั่นระรัวไม่ได้ ดวงตาของเขาชื้นหยาดน้ำ
เขากอดหล่อนในอ้อมกอดแน่น
“ขอบคุณนะ” เสียงของเขาแหบพร่า “เสี่ยวอวี่ ขอบคุณที่คุณยินดีทำทุกอย่างเพื่อผม”
เซี่ยอวี่ปฏิเสธที่จะเข้าข้างใคร ผลักเขาออก มองเขาอย่างจริงจัง แล้วเอ่ยปาก “ฉันไม่ได้ทำเพื่อคุณ ฉันทำเพื่อตัวเองด้วย ฉันทำตามใจตัวเองโดยไม่ได้ประนีประนอมใคร”
หล่อนพร้อมแล้วที่จะเป็นแม่ ถึงได้ยินดีต้อนรับชีวิตเล็ก ๆ นี้
วันนี้หลังจากตรวจเสร็จแล้วได้ยินหมอบอกว่าท้อง หล่อนอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูกจริง ๆ
ความหวาดกลัว ความกังวลที่ผ่านมาช่วงนี้ ได้กลายเป็นความสุขล้นเหลือในขณะนั้น
เขาถามเสียงอ่อนโยน “หิวไหม? อยากกินอะไรไหม?”
“ไม่หิว วันนี้ฉันกินมื้อใหญ่ไปแล้ว”
ตอนที่ตรวจร่างกายเสร็จเดินออกมาจากโรงพยาบาล หล่อนก็นึกถึงตัวเองที่ช่วงนี้เฉา ๆ ซึม ๆ เพราะแรงกดดันต่าง ๆ ทั้งยังเบื่ออาหารไม่ได้กินอะไรมากนักจนตัวผอมลงไปเป็นกอง แล้วรู้สึกเสียใจมาก
กลัวว่าเด็กในท้องจะหิว ขาดสารอาหาร เพราะหล่อนไม่ได้กินข้าวดี ๆ
ถึงแม้จะเป็นแค่กลุ่มเซลล์เล็ก ๆ แต่ก็ต้องการสารอาหาร ถึงจะค่อย ๆ เติบโตเป็นคนได้
“คุณกินหรือยัง?”
เซี่ยอวี่เพิ่งนึกถามเย่ไป๋ขึ้นมา
ได้ยินเขาบอกว่าเหมือนจะตามหาหล่อนทั้งบ่าย
เซี่ยอวี่ดันตัวผู้ชายที่แนบชิดอยู่กับหล่อน “คุณไปซื้ออะไรกินมาหน่อย เผื่อเดี๋ยวฉันอยากกินอีก ตอนนี้ฉันต้องกินเยอะ ๆ เพื่อเติมเต็มสารอาหาร”
“ได้ครับ”
ก่อนที่เย่ไป๋จะออกจากห้อง เขาไปที่ห้องน้ำก่อน “ผมจะไปต้มน้ำ พอกลับมาจะอาบน้ำให้คุณ”
“พูดอะไรน่ะ” เซี่ยอวี่จ้องมองเขาอย่างแง่งอน
เย่ไป๋ตอบอย่างไม่เกรงใจ “หญิงตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการลื่นล้มที่สุด ผมอาบน้ำให้จะปลอดภัยกว่า”
เย่ไป๋ต้มน้ำอย่างขยันขันแข็ง จากนั้นก็ออกไปซื้อของกิน
พอเย่ไป๋ออกไป เซี่ยอวี่ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องชาร์จโทรศัพท์มือถือ
พอโทรศัพท์เปิดเครื่อง มันก็ส่งเสียงอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งหลินเซี่ยและคุณแม่เซี่ยต่างโทรมา
คุณแม่เซี่ยถามเสียงดังว่า “เสี่ยวอวี่ แกไปไหนมา ทำไมกลับมาดึกขนาดนี้”
“แม่คะ ฉันอยู่กับเย่ไป๋น่ะค่ะ” เซี่ยอวี่ตอบด้วยน้ำเสียงเขินอายเล็กน้อย
เมื่อได้ยินดังนั้น คุณแม่เซี่ยก็ไม่ได้เร่งให้หล่อนกลับบ้านอีก พูดอย่างเข้าใจว่า “งั้นพรุ่งนี้อย่าลืมมาเจอกันที่ร้านอาหารแต่เช้านะ”
เซี่ยอวี่ย่นจมูกแล้วตอบรับ “ค่ะ”
หล่อนรู้อยู่แล้วว่าแม่ผู้ชราอยากจะผูกดองหล่อนกับเย่ไป๋เข้าด้วยกันให้ได้
ซึ่งในคืนนี้พวกเขาก็ “ผูกพัน” กันจริง ๆ เพราะในท้องของหล่อนมีชีวิตน้อย ๆ อยู่ โลกของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนจากสองคนกลายเป็นครอบครัวสามคน หัวใจของพวกเขาทั้งสองก็แนบชิดกันมากขึ้นด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อาหญิงจะมีน้องแล้ว เสี่ยวหู่จะมีน้องแล้วนะครับ
ไหหม่า(海馬)
……….