ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 745 พิธีการจากครอบครัวฝ่ายแม่
ตอนที่ 745 พิธีการจากครอบครัวฝ่ายแม่
“พี่สะใภ้ เป็นยังไงบ้าง? พอใจไหม?”
เฉินเจียซิ่งพูดว่า “นี่เป็นผลงานที่ผมกับหงเสียและเจ้าสามช่วยกันจัดเมื่อวานตอนบ่ายเลยนะ”
“สวยมากเลยล่ะ” หลินเซี่ยมองพวกเขาด้วยความซาบซึ้ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณทุกคนนะคะ จิ่งชูถูกล้อมรอบไปด้วยความรักจากทุกคนเลย เขาช่างโชคดีจริง ๆ ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พวกเราเป็นลุงป้าน้าอาของเขานะ”
“มา อุ้มเขาไปดูด้วยกันเถอะ”
เฉินเจียซิ่งรับหลานชายมาจากอ้อมแขนเฉินเจียเหอ อุ้มเขาไปชมสถานที่จัดงานที่พวกเขาจัดไว้เมื่อวานนี้
เขาพูดด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “เสี่ยวหู่ เข้าใจไหม? วันนี้เป็นวันครบเดือนของหนูแล้ว พวกเราจะจัดพิธีครบเดือนให้หนู พอวันนี้ผ่านไป หนูกับแม่ก็จะออกเดือนแล้ว”
โจวลี่หรงกลัวว่าเฉินเจียซิ่งจะอุ้มเด็กวิ่งไปมา จึงรับเด็กมาจากเขา
ระหว่างที่ยังไม่ต้องต้อนรับแขกผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าเฉินหยิบซองแดงใบใหญ่ออกมา จากนั้นเฉินเจิ้นเจียงก็ยัดซองให้เด็กเช่นกัน
คุณย่าเฉินหยิบกำไลเงินคู่หนึ่งสำหรับเด็กออกมาจากกระเป๋า บอกว่านางกับโจวลี่หรงเอาเครื่องประดับของพวกหล่อนไปทำให้เด็กโดยเฉพาะ
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินว่านี่คือกำไลเงินที่ทำมาจากเครื่องประดับของย่ากับแม่สามี เธอก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
เธอรู้ดีว่าคุณย่าเฉินกับโจวลี่หรงเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ ทั้งคู่ไม่มีเครื่องประดับมีค่าอะไรมากนัก
กำไลคู่นี้คงเป็นของเก่าที่ทั้งสองเอามาหลอมขึ้นแน่ ๆ
หลินเซี่ยมองคนแก่ที่กำลังค่อย ๆ สวมกำไลให้ทารกด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อย
เฉินเจิ้นเจียงพูดว่า “เซี่ยเซี่ย พวกเรายังไม่ได้ซื้ออะไรให้เด็กเลย ญาติและเพื่อน ๆ เอาเสื้อผ้ารองเท้ามาให้เด็กเยอะจนใส่ไม่หมด รอให้เขาโตอีกหน่อยค่อยซื้อให้ เงินนี่เก็บไว้ให้เด็กนะ”
เฉินเจียซิ่งและหยางหงเสียก็ยื่นซองแดงมาให้ด้วย
หลินเซี่ยไม่คิดว่าน้องสามีและน้องสะใภ้ของเธอจะใจกว้างขนาดนี้ เธอปฏิเสธ “พวกเธอสองคนไม่ต้องหรอก ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น”
เฉินเจียซิ่งรู้สึกอึดอัดที่ซองแดงของตัวเองบางกว่าของปู่และพ่อ พอได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย อารมณ์ของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “หมายความว่ายังไงที่บอกว่าพวกเราสองคนไม่ต้อง ดูถูกพวกเราเหรอ”
เฉินเจียเหอกลัวว่าเฉินเจียซิ่งจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อีก จึงรีบรับซองนั้นมา “ได้ ๆ พวกเราจะรับไว้”
เฉินเจียวั่งหยิบรูปปั้นที่ทำอย่างประณีตออกมาจากกระเป๋า
เป็นรูปปั้นครอบครัวสี่คน
“นี่ฉันทำเอง”
หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอต่างตกตะลึงเมื่อเห็นรูปปั้นครอบครัวสี่คนที่ดูมีชีวิตชีวา
“นายทำเองเหรอ”
หลินเซี่ยมองเฉินเจียวั่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
เฉินเจียวั่งพยักหน้ารับ
หลินเซี่ยพินิจพิเคราะห์ผลงานชิ้นเอกของเขาอย่างระมัดระวัง อดร้องอุทานออกมาไม่ได้
“เธอเรียนสถาปัตยกรรม ยังต้องปั้นตุ๊กตาดินอีกเหรอ?”
“นี่ไม่ใช่ตุ๊กตาดิน แต่เป็นเซรามิกสีที่ผมเผาเอง”
หู่จือมองเห็นรูปปั้นของตัวเองได้ในทันที “อาสาม คุณเก่งมาก ปั้นผมออกมาได้หล่อเหลาขนาดนี้เชียว ขอบคุณมากครับ”
หู่จือเป็นเด็กที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมาก เมื่อเห็นตุ๊กตาหน้าตาหล่อเหลาของตัวเอง เขายิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“น้องชายก็หล่อมากเลย มีผมแสกกลางเหมือนพวกเราด้วย”
“อาสามมีความสามารถรอบด้านจริง ๆ ”
หลินเซี่ยมองเฉินเจียวั่ง พูดยิ้ม ๆ ว่า “เจียวั่ง ขอบคุณนะ”
เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งที่เขามอบให้เธอตอนเปิดร้านเสริมสวย ตอนนี้ยังคงตั้งอยู่ในร้าน เพื่อนำโชคลาภมาสู่พวกเขา
ของขวัญที่เขามอบให้ล้วนมีความหมายมาก และเป็นมงคลอย่างยิ่ง
หลินเซี่ยอุ้มลูกอยู่กับคุณย่าเฉินในห้อง VIP ส่วนคนอื่น ๆ ต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง
ไม่นานนัก ครอบครัวเซี่ยก็มาถึง
ไม่เพียงแต่เซี่ยไห่ขับรถมา กระทั่งรถบรรทุกขนาดเล็กที่ใช้ขนของเข้าโรงงานยังจอดอยู่หน้าร้านอาหาร
หลินจินซานรับหน้าที่ขับรถ ส่วนเซี่ยเหลยนั่งอยู่ในตู้รถคอยประคองของ
เฉินเจียเหอกับเฉินเจิ้นเจียงต่างก็ออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นพวกเขามาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“คุณย่า เดินช้า ๆ นะครับ”
เฉินเจียเหอประคองคุณแม่เซี่ยลงจากรถ
เซี่ยเหลยกำลังจะกระโดดลงจากกระบะรถบรรทุก
เฉินเจิ้นเจียงเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปรับเขาไว้
ขาของเซี่ยเหลยไม่ค่อยดี การกระโดดแบบนี้ดูเสี่ยงเกินไป
เฉินเจิ้นเจียงมองไปที่กระบะรถบรรทุก สีหน้าเบิกบานเล็กน้อย “ญาติสะใภ้ ทำไมพวกคุณเอาของมาเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ?”
เซี่ยเหลยตอบ “ทุกคนซื้อมาทั้งนั้นแหละ”
หลินจินซานหยิบตะกร้าสองใบลงมาจากรถบรรทุกก่อน แล้วใช้ไม้คานหาบ
จากนั้น เขาก็หยิบเสื้อผ้าและรองเท้าใหม่ทั้งของผู้ใหญ่และเด็กที่ยังไม่ได้แกะห่อจำนวนมากลงมา
อีกทั้งยังมีรถเข็นเด็กอีกสองคัน
วันนี้หลินจินซานแต่งตัวดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
เขาใส่กางเกงสแล็คสีขาว เสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนคไทสีแดง แต่งผมอัดสเปรย์จนอยู่ทรง รองเท้าหนังก็ขัดจนเงาวับ
“เด็กครบรอบหนึ่งเดือนแล้ว ในฐานะญาติทางฝ่ายแม่ของเขา พวกเราต้องซื้อของขวัญให้เด็กอยู่แล้ว”
หลินจินซานแบกไม้คานที่มีตะกร้าสองใบอยู่ข้างหน้า ส่วนเซี่ยไห่ หลินเยี่ยน และชุนฟางต่างก็ถือของมากมายไว้ในมือ เฉินเจียวั่งเห็นพวกเขากำลังจะเข้าร้านอาหาร จึงรีบจุดประทัดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อต้อนรับ
เฉินเจียเหอไม่เห็นเย่ไป๋และเซี่ยอวี่ จึงถามเซี่ยไห่ว่า “ทำไมไม่เห็นเย่ไป๋กับอาหญิงล่ะ”
พอพูดถึงพวกเขา น้ำเสียงของเซี่ยไห่ก็ไม่ค่อยดี “ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาไปทำอะไรกัน บอกว่าจะมาช้าหน่อย”
วันสำคัญขนาดนี้ พวกเขายังมาสายได้ เซี่ยไห่รู้สึกไม่พอใจคนทั้งสองจากใจจริง
เขาแม้กระทั่งคาดเดาว่าพวกเขาอาจจะคลุกคลีกันจนตื่นสายไปหรือเปล่า หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน
ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ
“เข้าไปข้างในเร็วเข้า”
ครอบครัวเฉินต่างรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นหลินจินซานแบกตะกร้ามา
หวังอวี้เสียอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือข้าวของอวยพรจากญาติฝั่งแม่ของเสี่ยวหู่ มันเป็นประเพณีของบ้านเกิดพวกเรา ข้างในบรรจุหมั่นโถวยักษ์ เป็นสัญลักษณ์ว่าต่อไปลูกจะได้เป็นจ้วงหยวนในอนาคต”
หลินจินซานวางตะกร้าลง เปิดผ้าห่มที่คลุมอยู่ด้านบน ในแต่ละตะกร้าปรากฏหมั่นโถวกลมใหญ่ห้าอัน ด้านบนฝังพุทรา วอลนัท และของมงคลอื่นๆ
หลินจินซานแนะนำด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจมาก “นี่คือสิ่งที่แม่ของผมทำเองกับมือ”
หมั่นโถวยักษ์ที่หลิวกุ้งอิงเป็นคนทำช่างมีความหมายเป็นมงคลยิ่ง
หวังอวี้เสียมองหมั่นโถวในตะกร้า ชูนิ้วโป้งให้หลิวกุ้ยอิง
“พี่อิงจื่อเก่งมากเลย ฝีมือดีจริง ๆ ”
สำหรับชาวชนบทแล้ว ในงานรับขวัญครบเดือนให้เด็ก ญาติฝ่ายแม่จะเอาหมั่นโถวแบบนี้มาต้อนรับ ซึ่งเป็นการทดสอบฝีมือทำอาหารของคุณยายไปในตัว
ญาติ ๆ ต่างรอกินหมั่นโถวมงคลของวันนี้
โดยเฉพาะลูกสะใภ้ที่เพิ่งแต่งงานจะกินพุทราและวอลนัทบนหมั่นโถวนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวว่าให้ตั้งครรภ์ไวๆ
เพิ่งพูดจบ เซี่ยไห่ก็ถือของใหญ่ของเล็กเต็มมือ ส่วนชุนฟางอุ้มรถเข็นเด็กมาวางรวมกันในห้อง
ทันใดนั้นพื้นที่ห้องก็ถูกยึดไปครึ่งหนึ่ง
หลินเซี่ยเห็นพวกเขาขนของราวกับยกห้างสรรพสินค้ามาทั้งห้าง หางตาก็กระตุก “อารอง ทำไมพวกคุณเอาของมาเยอะแยะจังคะ”
เซี่ยไห่กางมือ “ไม่เยอะสักหน่อย นี่ยังซื้อไม่ครบเลย”
เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงเดินเข้ามาพร้อมกับเฉินเจิ้นเจียง
หลิวกุ้ยอิงยิ้มแล้วหยิบล็อกเก็ตเงินอายุยืนออกจากกระเป๋าสวมคอให้เด็ก
เซี่ยเหลยพูดขึ้น “เสี่ยวหู่ ดูสิ คุณยายซื้อล็อกเก็ตอายุยืนให้ ใส่แล้วต้องโตมาอย่างแข็งแรงปลอดภัยนะ”
“มา อารองให้อั่งเปานายหน่อย”
เซี่ยไห่ตบอั่งเปาซองใหญ่ใส่มือเด็กน้อยทันที
มือน้อยๆ ของเด็กชายถึงกับสั่นไหว
หลินเซี่ยมองซองแดงหนาหนักนั่นแล้วรู้สึกกดดันไม่น้อย “อารอง อย่าทำแบบนี้สิ อาซื้อของมาตั้งเยอะแยะแล้วนะ”
“ของส่วนใหญ่เป็นของที่จินซาน ชุนฟาง และเสี่ยวเยี่ยนซื้อ ส่วนซองแดงนี่เป็นของฉันกับอาสะใภ้ในอนาคตของเธอ”
พูดจบ เขาก็มองหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาอ่อนโยนดุจสายน้ำ
วันนี้ลินดาดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ ยืนอยู่ข้างเซี่ยไห่ราวกับภรรยาผู้เชื่อฟังสามี
ดูแล้วเหมือนโดนเซี่ยไห่ตกปากรับคำจนยอมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่นี้อย่างสมบูรณ์
ลินดาพูดว่า “เราซื้อของมาเยอะเกินไป พวกเธอคงใช้ไม่หมดหรอก เก็บเงินไว้ซื้อของที่ต้องการเองเถอะ”
“งั้นฉันขอขอบคุณคุณตารองกับคุณยายรองแทนเสี่ยวหู่ด้วยนะคะ”
หลินเซี่ยมองหาเซี่ยอวี่ในกลุ่มคนแต่ไม่เห็น จึงถามด้วยความสงสัยว่า “อาหญิงยังไม่มาเหรอคะ”
“หล่อนน่ะ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ยังไม่กลับบ้านเลย” เซี่ยไห่พูดด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ “เซี่ยเซี่ย ฉันว่าตอนนี้อาหญิงเธอกำลังเป็นพวกคลั่งรักอย่างที่เธอเคยพูดไว้แล้วละ ในใจมีแต่เย่ไป๋ไม่มีพวกเราสักนิด”
หลินเซี่ยได้ยินคำบ่นของเซี่ยไห่แล้วก็ยิ้ม
ดูท่าทางตอนนี้ทุกคนยังไม่รู้เรื่องที่เซี่ยอวี่ท้อง
เย่ไป๋น่าจะบอกข่าวนี้ให้เซี่ยอวี่รู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วใช่ไหมนะ
ทั้งคู่ยังไม่โผล่มาจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าเซี่ยอวี่จะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้ว่าตัวเองท้อง หล่อนจะคิดอย่างไรกันแน่
เย่ไป๋บอกว่าเช้านี้มีธุระต้องทำ ส่วนเซี่ยอวี่ก็ยังไม่มา ทำให้หลินเซี่ยอดกังวลไม่ได้
กลัวว่าพวกเขาจะทำเรื่องโง่ ๆ
ตระกูลเฉินกำลังยุ่งอยู่กับการต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน หลิวกุ้ยอิงและหวังอวี้เสียคอยดูแลหลินเซี่ยกับเด็ก ๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
หลินเซี่ยอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วโทรหาเซี่ยอวี่
เธอเป็นห่วงมากว่าเซี่ยอวี่จะยอมทิ้งลูกในท้องเพื่อหน้าที่การงาน
เย่ไป๋รักหล่อนมาก เขาต้องสนับสนุนการตัดสินใจของเซี่ยอวี่อย่างไม่มีเงื่อนไขแน่นอน
โทรไปสองครั้ง แต่โทรศัพท์ปิดอยู่
ความกังวลใจของหลินเซี่ยยิ่งทวีคูณ ในตอนนั้นเองหลินเยี่ยนก็ตะโกนเรียกเธอจากข้างนอก เธอจึงต้องเก็บโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
หลินเยี่ยนบอกเธอว่า “พี่ ผู้เฒ่าเซี่ย คุณหมอเซี่ย และคนอื่น ๆ มาถึงแล้ว พี่ไปดูสิ”
“ได้จ้ะ” หลินเซี่ยเข้าไปในห้อง และเห็นผู้เฒ่าเซี่ยกับภรรยา เซี่ยตงกับภรรยาของเขา เซี่ยหลานกับเสิ่นอวี้หลง ทั้งครอบครัวมากันพร้อมหน้า
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ของเยอะขนาดนี้จะขนกลับหมดไหมเนี่ย เป็นเด็กที่โชคดีจริงๆ เลยเสี่ยวหู่
ไหหม่า(海馬)
……….