ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 747 จะทำเรื่องโง่ ๆ หรือเปล่านะ
ตอนที่ 747 จะทำเรื่องโง่ ๆ หรือเปล่านะ
ผู้เฒ่าเย่ก็ได้สอบถามทางอ้อมเกี่ยวกับเซี่ยอวี่จากพ่อแม่ของเย่ไป๋
ผลปรากฏว่าทั้งสองไม่รู้อะไรเลย
ลูกชายคนโตของเขาเป็นเพียงหนอนหนังสือ มัวแต่ก้มหน้าก้มตาสร้างสรรค์ผลงาน ไม่สนใจเรื่องของลูกชายเลย
แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดังว่าเคารพความคิดของคนรุ่นใหม่อีกต่างหาก
แน่นอนว่าลูกทั้งสองของพวกเขาก็เก่งจริง ๆ ไม่ต้องให้พ่อแม่เป็นห่วง
แต่ในเรื่องการแต่งงาน การปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเองมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
ผู้เฒ่าเย่มองไปที่โต๊ะของเย่เจิ้งหัว พวกเขาสองสามีภรรยานั่งอยู่กับหลิวกุ้ยอิง และคู่สามีภรรยาโจวเจี้ยนกั๋ว คุยกันอย่างออกรส คาดว่าคงไม่ได้สังเกตเห็นว่าลูกชายยังไม่มาจนถึงตอนนี้
ผู้เฒ่าเย่ทำสีหน้าครุ่นคิด จนผู้เฒ่าเซี่ยเข้าใจผิดคิดว่าไม่ได้ให้เขาอุ้มเด็ก เขาจึงไม่พอใจ จึงยิ้มแย้มแจ่มใสส่งทารกน้อยให้
“เหล่าเย่ คุณก็อุ้มหน่อยสิ พวกเราอุ้มกันหมดแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเจอเด็กคนนี้นะ”
พร้อมกันนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
ตอนที่หลินต้าฝูอุ้มเสิ่นอวี้อิ๋งมาให้เขารักษาโรคนั้น หล่อนก็เพิ่งมีอายุครบเดือนพอดี
เพียงแต่อวี้อิ๋งเกิดก่อนกำหนด ทั้งยังป่วย ไม่ได้ขาวอวบอ้วนเหมือนเด็กคนนี้เลย
ดูเหมือนลูกหนูแรกเกิดอย่างไรอย่างนั้น
ผู้เฒ่าเย่มองหลินเซี่ย แล้วก็มองคนอื่น ๆ ในงาน ในใจก็อดคิดไม่ได้
เขาถือเป็นคนเดียวที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนสองรุ่นนี้มาตลอดยี่สิบปี ตั้งแต่ตอนที่หลินต้าฝูอุ้มเสิ่นอวี้อิ๋งที่ยังเป็นทารกมาขอให้เขาช่วยชีวิต จนถึงตอนนี้ที่หลินเซี่ยกำลังอุ้มลูกของเธออยู่
น่าเสียดายที่เขาสามารถรักษาโรคทางกายของเสิ่นอวี้อิ๋งได้ แต่กลับรักษานิสัยของหล่อนไม่ได้
“เซี่ยเซี่ย อาหญิงของเธอไม่มาหรือ” ผู้เฒ่าเย่อุ้มเด็กอยู่สักพัก เด็กก็เริ่มร้องไห้งอแงในอ้อมกอดของเขา ซึ่งคาดว่าคงจะหิวนม เขาจึงยื่นเด็กให้หลินเซี่ยและเอ่ยถาม
หลินเซี่ยตอบ “คุณปู่เย่ คุณหมอเย่กับอาหญิงดูเหมือนจะมีธุระต้องทำ พวกเขาคงจะมาช้าหน่อยน่ะค่ะ”
ไม่รู้ว่าสองคนนั้นมีธุระสำคัญอะไรกัน ถึงได้เลือกวันนี้ที่ลูกมีงานเลี้ยงครบเดือน ทั้งที่คนหนึ่งเป็นยาย อีกคนเป็นตา แต่ตอนนี้กลับยังไม่เห็นหน้า
นี่มันไม่ใส่ใจเธอเกินไปแล้ว
หลินเซี่ยอุ้มลูกกลับเข้าไปในห้องวีไอพีเพื่อให้นมลูก เฉินเจียเหอเดินตามเข้าไป ปิดประตูแล้วยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู กันไม่ให้ใครเข้ามารบกวน
“คุณโทรหาคุณหมอเย่หรือยังคะ” หลินเซี่ยถามเขา
เฉินเจียเหอส่ายหัว น้ำเสียงเจือความไม่พอใจ “ไม่ได้โทร หมอเย่เป็นคนบ้างาน พวกเราไม่ควรไปรบกวน ถ้าจะมาก็คงมาเอง”
ถึงแม้คำพูดของเฉินเจียเหอจะฟังดูเข้าใจคนอื่น แต่หลินเซี่ยก็ยังได้ยินกระแสความไม่พอใจของเขา
ในฐานะเพื่อนสนิทที่สุด ตอนนี้ก็เป็นญาติ แถมยังเป็นผู้ใหญ่ เย่ไป๋ไม่ได้ให้เหตุผลที่ชัดเจนกับพวกเขาและยังขาดงานเลี้ยงครบเดือนของเด็ก เฉินเจียเหอต้องมีความคิดเล็กน้อยแน่ๆ
“คุณว่าเย่ไป๋กับอาหญิงของฉันจะไปโรงพยาบาลหรือเปล่า” หลินเซี่ยคิดอยู่นานก็เอ่ยความกังวลในใจออกมากับเฉินเจียเหอ
พูดตามตรง ถึงแม้จเซี่ยอวี่จะอายุ 36-37 ปีแล้ว แต่หล่อนอาจดูไม่เป็นผู้ใหญ่สักเท่าใดเพราะอยู่ในวงการนี้มาตลอด กินอาหารเพื่อความอ่อนเยาว์
เย่ไป๋ก็รักและเคารพหล่อนมากพอ
แม้หล่อนจะมีความคิดที่เกินเลย เขาก็คงจะตามใจหล่อนเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้
ถึงอย่างไรตอนนี้เซี่ยอวี่ก็ยังถ่ายหนังไม่เสร็จ ถ้าพวกเขาต้องเสียอะไรบางอย่างไป ก็เพราะเหตุผลด้านงานจริง ๆ
เฉินเจียเหอได้ยินคำพูดของหลินเซี่ยแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้น เอ่ยว่า “ไม่น่าเป็นไปได้นะ พวกเขารวมกันแล้วอายุเกือบ 70 ปี น่าจะไม่ทำเรื่องไร้สาระขนาดนั้นหรอก”
หลินเซี่ยพูดว่า “โดยหลักการแล้วไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ คุณหมอเย่เป็นคนที่ตามใจอาหญิงของฉันมาก ตั้งแต่ตอนที่เริ่มคบกัน เขาก็บอกว่าเรื่องมีลูกแต่งงานพวกนี้ เขาจะเคารพการตัดสินใจของอาหญิงทั้งหมด ถ้าอาหญิงอยากทำอะไรขึ้นมา คุณหมอเย่ก็ไม่พยายามเถียง”
ถึงแม้หลินเซี่ยในใจจะคิดว่าเซี่ยอวี่ไม่น่าจะทำเรื่องสุดโต่งขนาดนั้น ถึงอย่างไรผู้หญิงพอเป็นแม่แล้วมุมมองก็จะเปลี่ยนไปหมด
แต่นั่นก็ต่อเมื่อได้เป็นแม่แล้ว
ตอนนี้ในท้องของเซี่ยอวี่ก็ยังเป็นแค่ตัวอ่อนอยู่เลย
“ผทจะลองโทรไปถามเย่ไป๋อีกทีหนึ่ง”
หลินเซี่ยป้อนนมลูกเสร็จแล้ว เฉินเจียเหอก็ไม่รีบออกไปต้อนรับแขกข้างนอก เขาโทรหาเย่ไป๋อีกครั้ง
“ฉันอยู่ข้างนอก” ดูเหมือนเย่ไป๋กำลังจะขับรถ พูดว่า “น่าจะใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง”
“ได้สิ”
“นายอยู่โรงพยาบาลหรือเปล่า” เฉินเจียเหอถามอย่างลองเชิง
“ไม่ใช่ อยู่บนถนน วางสายก่อนนะ”
เสียงวุ่นวายเล็กน้อยดังมาจากฝั่งของเย่ไป๋ เขาพูดจบแล้ววางสาย
เฉินเจียเหอก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย
“ไม่ต้องกังวลหรอก พวกเขาจะมาถึงในครึ่งชั่วโมงนี้แหละ”
พอเฉินเจียเหอพูดแบบนั้น หลินเซี่ยก็คลายความกังวลลงบ้าง
ถ้าพวกเขาทำเรื่องโง่ ๆ จริง ๆ ก็คงไม่มาร่วมงานเลี้ยงหรอก
“ไปกันเถอะ อุ้มเด็กไปข้างนอก ให้ทุกคนได้ดูหน่อย”
วันนี้พ่อแม่ของเย่ไป๋ตั้งใจจะคุยกับคุณแม่เซี่ยเรื่องแต่งงานของเย่ไป๋กับเซี่ยอวี่ ว่าจะจัดงานเมื่อใดดี ส่วนใหญ่เพราะทางบ้านของพวกเขาอยากจะเตรียมบ้านใหม่ให้
จึงอยากจะฟังความเห็นจากทางตระกูลเซี่ย
ถึงแม้จะรู้ว่าฐานะทางเศรษฐกิจของเซี่ยอวี่ดีกว่าพวกเขามาก แต่ในฐานะฝ่ายชาย พวกเขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมบ้านใหม่ให้พวกเขา
ตอนนี้คุณแม่เซี่ยนั่งอยู่ที่โต๊ะหลักกับสองผู้เฒ่าตระกูลเฉิน เซี่ยเหลยเองก็นั่งอยู่ที่นั่น พวกเขาเลยไม่มีโอกาสไปคุยมากนัก ได้แต่คุยกับหลิวกุ้ยอิงและเซี่ยไห่ เท่านั้น
เย่ไป๋กับเซี่ยอวี่ยังไม่มาถึงจนถึงตอนนี้ ในฐานะพ่อแม่แล้วก็รู้สึกอึดอัดใจพอสมควร
เด็กคนนั้น ในโอกาสสำคัญขนาดนี้ ยังไม่รู้จักให้ความสำคัญเลย
ไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเขามีธุระสำคัญอะไร ถึงได้ต้องมาทำในวันนี้
ในตอนนั้นเอง เย่เชี่ยนกับจางซ่วนก็มาถึงพร้อมกัน
จางซ่วนยังคงมีบุคลิกลอยชายเหมือนเดิม สวมเสื้อเชิ้ตลายดอก กางเกงยีนส์ขาบาน แถมยังสะพายกล้องถ่ายรูปเหมือนปกติ
ส่วนเย่เชี่ยนถือกระเป๋าใบงามมาด้วย
พอเห็นเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ย พวกเขาก็เดินเข้ามาหา
เย่เชี่ยนมองจางซ่วน แล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “ใช่ พวกเรามาด้วยกัน”
“นี่เป็นเสื้อผ้าที่ฉันกับจางซ่วนซื้อให้เด็ก ๆ น่ะ” เย่เชี่ยนพูดจบก็รู้สึกว่าประโยคนี้ไม่ค่อยเหมาะสม จึงอธิบายเพิ่มว่า “พวกเราเอาของที่ซื้อมารวมกันน่ะ”
“พวกคุณช่างมีน้ำใจจริง ๆ ” หลินเซี่ยพูด “เชิญนั่งทางนี้เลยค่ะ”
หลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าจางซ่วนยังคงสะพายกล้องถ่ายรูปอยู่ จางซ่วนสบตากับเธอ แล้วจึงอธิบายว่า “คุณหลิน ผมเอากล้องมาด้วย เดี๋ยวจะถ่ายรูปครอบครัวให้พวกคุณ”
หลินเซี่ยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขอบคุณ “ขอบคุณนะคะ คุณช่างใส่ใจรายละเอียดจริง ๆ ”
เธอไม่ได้บอกว่าจริง ๆ แล้วเฉินเจียซิ่งก็เตรียมกล้องมาด้วย ตั้งใจจะถ่ายรูปเหมือนกัน
แน่นอนว่าการให้จางซ่วนช่างภาพใหญ่มาถ่ายรูปครอบครัวให้ ผลลัพธ์ต้องดีกว่าแน่ ๆ
เฉินเจียซิ่งกำลังช่วยต้อนรับแขก พอเห็นจางซ่วนมา เขาจึงบอกเฉินเจียวั่งให้ไปต้อนรับแขกแทน แล้วก็วิ่งกระโดดโลดเต้นมาหา
“อาจารย์ซานเหยีย คุณมาแล้วหรือครับ?” ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของจางซ่วน เมื่อเห็นจางซ่วนกับเย่เชี่ยนเดินมา เขาก็ต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “อาจารย์ซานเหยีย อาจารย์เย่ เชิญทั้งสองท่านทางนี้ครับ”
เฉินเจียซิ่งเชิญชวนให้พวกเขาไปนั่ง เย่เชี่ยนจึงให้จางซ่วนไปนั่งก่อน ส่วนตัวหล่อนจะไปทักทายพ่อแม่
จางซ่วนมองไปทางที่พ่อแม่ของเย่เชี่ยนอยู่ แล้วพูดว่า “ไปด้วยกันเถอะ”
“ได้สิ”
จางซ่วนเดินตามหลังเย่เชี่ยนไปหาพ่อแม่ของหล่อน จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น
“พ่อ แม่ ฉันมาแล้วค่ะ” เย่เชี่ยนเห็นหลิวกุ้ยอิงกับเซี่ยไห่แล้วก็ยิ้มทักทายพวกเขาด้วย “พี่สะใภ้ เถ้าแก่เซี่ย สวัสดีทุกคนค่ะ”
เซี่ยไห่ก็ทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเองมาก “อาจารย์เย่ คุณซานเหยีย เชิญนั่งเลยครับ”
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราไปนั่งตรงโน้นดีกว่า”
เย่เชี่ยนจะไปทักทายพ่อแม่ของตน จางซ่วนก็ตามไปด้วย
จางซ่วนก้าวไปข้างหน้าก่อน ทักทายอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับลุง สวัสดีครับป้า”
เห็นลูกสาวพาหนุ่มหล่อคนนี้มากะทันหัน พ่อแม่ของหล่อนก็มองไปที่จางซ่วนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เย่เชี่ยนแนะนำว่า “นี่คือจางซ่วนเพื่อนสมัยมัธยมปลายของฉันค่ะ ตอนนี้เขาใช้ชื่อว่าคุณซานเหยีย เป็นช่างภาพที่เก่งมากๆ เลย เขาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้ลูกค้าที่ร้านเช่าชุดแต่งงานของเซี่ยเซี่ยน่ะค่ะ”
ได้ฟังคำแนะนำของเย่เชี่ยน เย่เจิ้งหัวก็ลอบประเมินจางซ่วนอย่างไม่แสดงอาการ
สามีภรรยาสบตากัน ในดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แม่ของเย่เชี่ยนยิ้มแล้วพูดว่า “ช่างภาพเหรอคะ? หน้าตาดีจริงๆ เลย”
ครั้นจางซ่วนถูกชม ใบหน้าเย็นชาของเขาปรากฏความดีใจเล็กน้อย ยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัว
“ใช่แล้ว คุณติดต่อพี่ชายคุณหรือยัง? ทำไมเขายังไม่มาอีก?”
เย่เชี่ยนตอบว่า “เช้านี้พี่ชายฉันกลับบ้านแล้วบอกว่าจะมาเอาของ พวกคุณไม่เห็นเขาเหรอคะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณครูกับคุณช่างภาพนี่ก็น่าลุ้นนะ บ้านเย่จะมีข่าวดีคูณสองแล้วล่ะสิ
ไหหม่า(海馬)
……….