ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 749 หนุ่มหล่อสาวสวยปรากฏตัว
ตอนที่ 749 หนุ่มหล่อสาวสวยปรากฏตัว
พี่สะใภ้ฟางคุยกับหู่จือสักพักก็สังเกตเห็นจางเหมยที่ก้มหน้าอยู่ จึงส่งสัญญาณให้หู่จือทักทายจางเหมย
ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน แม้จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของจางเหมย แต่หล่อนก็ยังสงสารและเห็นใจต่อจางเหมย
หู่จือเพิ่งหันไปสังเกตเห็นจางเหมยที่นั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตรงนั้น
ว่าตามตรง เขาไม่ค่อยชอบคุณน้าคนนี้เท่าใด
แต่พอนึกถึงคำพูดของพ่อที่บอกว่าลูกของน้าจางเหมยหายตัวไป หล่อนจึงฝากความคิดถึงลูกของตัวเองไว้กับเขา ดังนั้นหล่อนจึงมาหาเขา อยากพาเขาไปเที่ยวเล่นข้างนอก เหมือนกับพาลูกของตัวเองไปเที่ยว
หู่จือก็รู้สึกสงสารขึ้นมาทันที มองจางเหมยด้วยสายตาเห็นใจ
“คุณน้าจาง คุณก็มาด้วยเหรอครับ?” หู่จือถามทักทายด้วยเสียงนุ่มนวล
จางเหมยได้ยินเสียงของหู่จือ จึงดึงตัวเองออกจากอารมณ์ รีบเช็ดน้ำตาแล้วฝืนยิ้ม พูดว่า “ใช่จ้ะ น้าก็มาร่วมงานฉลองครบเดือนนี้เหมือนกัน”
เขาปลอบใจหล่อนอย่างอ่อนโยนเหมือนผู้ชายตัวน้อย “คุณจะต้องหาลูกคุณเจอแน่นอนครับ”
จางเหมยได้ยินดังนั้นก็ชะงักงันไปเล็กน้อย
ฟางจิ้นเป่าและลู่เจิ้งอวี่ก็มองไปที่หู่จืออย่างสงสัย
ส่วนบรรดาผู้ที่รู้เรื่องราวภายในอย่างถังจวิ้นเฟิงนั้นไม่ได้แสดงอาการใด ๆ
เขาบอกกับหู่จือว่า “หู่จือ เธอไปกินข้าวกับยายของเธอเถอะ พวกเราจะดื่มเหล้ากัน อย่ามารบกวนพวกเราเลย”
พอดีกับที่เฉินเจียวั่งเห็นหู่จือกำลังคุยกับจางเหมย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แล้ววิ่งเข้ามาหา
พอเฉินเจียวั่งเข้ามาถึง เขาก็ดึงตัวหู่จือออกมาจากตรงหน้าจางเหมยทันที
“อาสาม เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ปู่ทวดของเธอกำลังตามหาเธออยู่น่ะ”
เฉินเจียวั่งมองจางเหมยด้วยสายตาเยือกแข็งจนถึงขีดสุด
เขาเบนสายตาออกจากจางเหมยอย่างเย็นชา แต่พอมองไปที่ฟางจิ้นเป่าและคนอื่น ๆ สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
“ได้ เจียวั่ง เธอไปทำธุระของเธอเถอะ”
พอหู่จือไปแล้ว สีหน้าของจางเหมยก็หม่นหมองลง เอาแต่ถือตะเกียบโดยไม่คีบอาหารอยู่ครู่ใหญ่
พี่สะใภ้ฟางเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ จึงคีบอาหารให้จางเหมย “น้องสาว กินเถอะ”
มุมปากของจางเหมยกระตุกเล็กน้อย พลางพูดขอบคุณเบา ๆ
ฟางจิ้นเป่าลอบกลอกตาใส่ภรรยาตัวเองที่ชอบสงสารคนอื่นจนเกินเหตุ
ตอนที่เฉินเจียเหอกับเฉินเจิ้นเจียงกำลังจะดื่มเหล้ากับทุกคนจนเสร็จ เย่ไป๋กับเซี่ยอวี่ก็มาถึงพอดี
พวกเขาจูงมือกันเข้ามาในห้องโถง ดึงดูดสายตาของทุกคนในทันใด
“อาหญิง คุณกับคุณหมอเย่ไปไหนมา? งานใกล้จะจบแล้วพวกคุณเพิ่งจะมาเนี่ยนะ”
เซี่ยอวี่แต่งหน้าเบา ๆ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ ดูอ่อนเยาว์สดใส ไม่เหมือนคนอายุสามสิบหกสามสิบเจ็ดเลย
เย่ไป๋ในวันนี้ก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเช่นกัน ทั้งสองจูงมือกันเข้ามา ดูเป็นภาพฉากอันงดงาม
เซี่ยอวี่ยิ้มถามหลินเซี่ยว่า “เราสองคนนั่งตรงไหนเหรอ? ฉันหิวแล้ว อยากกินอาหารจัดเลี้ยง”
“นั่งทางนี้จ้ะ” หลี่เหม่ยเฟิ่งแม่ของเย่ไป๋เห็นลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้แล้ว จึงลุกขึ้นยืนเดินมาหาเซี่ยอวี่ด้วยรอยยิ้ม
หล่อนจูงมือเซี่ยอวี่อย่างเป็นมิตร ยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวอวี่ มานั่งข้างพวกเราเร็วเข้า เราเก็บที่นั่งไว้ให้แล้ว”
“ค่ะ” เซี่ยอวี่ปล่อยให้หลี่เหม่ยเฟิ่งจูงมือเดินไปนั่งด้วยกัน
เย่ไป๋ไปทักทายเฉินเจียเหอ จากนั้นก็ไปทักทายผู้ใหญ่ที่โต๊ะหลัก แล้วตามเซี่ยอวี่ไปนั่งข้าง ๆ หล่อน
เซี่ยไห่เห็นพวกเขาสองคนแล้วก็โมโห ไม่ยอมพูดด้วย
ส่วนลินดาก็ทำตัวเป็นภรรยาที่เชื่อฟังสามี ไม่สนใจเซี่ยอวี่เลย
ดูเหมือนหล่อนเองก็โกรธเซี่ยอวี่ด้วย
ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวของเซี่ยอวี่ ตอนนี้หล่อนไม่มีตำแหน่งอะไรเลย
ไม่รู้เลยว่าศิลปินในสังกัดตัวเองไปไหน
วันนี้ทุกคนหาเซี่ยอวี่ไม่เจอ พวกเขาก็วิ่งมาถามหล่อนตามความเคยชิน
ตั้งแต่คบหากับแฟน ผู้จัดการอย่างหล่อนก็กลายเป็นส่วนเกินไปแล้ว
เซี่ยอวี่อารมณ์ดีมาก ไม่สนใจท่าทีของเซี่ยไห่กับลินดา
เห็นอาหารเสิร์ฟครบแล้ว ดูจากโต๊ะนี้ พวกเขาน่าจะกินมาสักพักแล้ว
หล่อนไม่เสียเวลาทักทายพวกเขา หยิบตะเกียบคู่ใหม่แล้วเริ่มลงมือกิน
การกระทำของเซี่ยอวี่ดึงดูดความสนใจของทุกคนบนโต๊ะ
โดยเฉพาะหลิวกุ้ยอิงกับเซี่ยไห่ พอเห็นเซี่ยอวี่คีบหมูสามชั้นชิ้นหนึ่งกินกับหมั่นโถวเล็ก ๆ พวกเขาก็ตกใจมาก
ปกติตอนอยู่ที่บ้าน เซี่ยอวี่จะไม่กินอาหารมันๆเลย
บอกว่าหากกินมันหมูสักคำ วันรุ่งขึ้นน้ำหนักจะกลับมาทันที แล้วหน้าก็จะบวม
พูดราวกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างยิ่ง
แต่เมื่อกี้หล่อนกลับกินหมูสามชั้นต่อหน้าทุกคนโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์เลย
เซี่ยไห่มองไปที่ลินดาโดยไม่รู้ตัว
ลินดาก็งงเช่นกัน
ส่วนเย่ไป๋นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าที่คอยคีบอาหารให้
เซี่ยอวี่ไม่ปฏิเสธ ไม่ว่าเย่ไป๋จะคีบอาหารจานเนื้อหรือจานผัก หล่อนก็กินหมด
เซี่ยไห่เข้าไปใกล้ลินดา กระซิบถามว่า “งานของหล่อนมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า”
ลินดา “???”
เซี่ยไห่คิดเพ้อเจ้อ “หรือว่าบทของหล่อนถูกคนอื่นแย่งไป หล่อนเลยไม่ต้องถ่ายหนัง จึงเริ่มกินเหมือนปอบลงแบบนี้?”
บางคนเมื่อได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงกะทันหันก็จะเกิดความเครียดทางจิตใจอย่างหนัก จำเป็นต้องใช้อาหารมาเบี่ยงเบนความสนใจ
ลินดาทำขวางตาใส่เขา แล้วพูดว่า “ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก”
ตอนนี้หนังที่เซี่ยอวี่กำลังถ่ายทำอยู่ได้ถ่ายทำไปแล้วหนึ่งในสามของทั้งเรื่อง เหลือแค่รอให้ทีมงานถ่ายฉากของนักแสดงคนอื่น ๆ ให้เสร็จ แล้วย้ายสถานที่ไปถ่ายทำที่เมืองไห่เฉิง แล้วค่อยถ่ายทำต่อ
หนังเรื่องต่อไปที่พวกหล่อนกำลังติดต่ออยู่เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ของคุณเย่เจิ้งหัว พ่อของเย่ไป๋
การดัดแปลงยังไม่เสร็จ ยังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ
ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องที่ว่าเสียบทไปหรอก
แน่นอนว่าลินดาก็งงกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเซี่ยอวี่เช่นกัน
เซี่ยอวี่กินอย่างตั้งใจ ส่วนเย่ไป๋แทบไม่ได้หยิบตะเกียบกินเองเลย คอยคีบอาหารให้หล่อนตลอด
เมื่อเซี่ยอวี่กินจนเกือบอิ่มแล้ว หล่อนก็วางตะเกียบลง พร้อมกับเย่ไป๋ยื่นเครื่องดื่มให้หล่อน “ดื่มหน่อยสิ”
เซี่ยอวี่รับแก้วมาอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจิบเครื่องดื่ม
ขณะที่กำลังเช็ดปาก หล่อนก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ตน
ญาติพี่น้องที่นั่งโต๊ะเดียวกันต่างมองหล่อนด้วยสายตาแปลก ๆ
แขกที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ก็มองมาทางนี้ แต่แน่นอนว่าสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและสงสัย
เซี่ยอวี่มองเซี่ยไห่และลินดา แล้วถามอย่างไม่ใส่ใจ “พวกเธอมองฉันทำไม?”
จริง ๆ แล้วตอนที่พูดประโยคนี้ หล่อนรู้สึกผิดอยู่บ้าง
โดยเฉพาะกับลินดา
หล่อนรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้จัดการส่วนตัวคนนี้ได้
เพราะหล่อนตั้งท้องกะทันหัน งานในช่วงท้ายอาจต้องมีการปรับเปลี่ยน
ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเพิ่มความยากลำบากให้กับงานของลินดาขนาดไหน
ส่วนเซี่ยไห่ในฐานะญาติฝ่ายแม่ของหล่อน หากรู้ว่าหล่อนตั้งท้องก่อนแต่ง จะด่าว่าหล่อนทำลายศีลธรรมหรือเปล่านะ?
ถึงแม้ว่าตอนนี้หล่อนจะจดทะเบียนสมรสแล้วก็ตาม
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณดาราตั้งท้องฟ้าแลบแบบนี้ต่อไปจะเป็นข่าวดังไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)