ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 750 พ่อเย่ไป๋ได้รับความเคารพเพราะลูกชาย
ตอนที่ 750 พ่อเย่ไป๋ได้รับความเคารพเพราะลูกชาย
“พี่สาว พี่ไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้ว?” เซี่ยไห่ถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ดูเหมือนจะอดอยากมาหลายวันแล้วรอสวาปามมื้อนี้ทีเดียวเลย”
“ใช่ ฉันหิวมาหลายวันแล้ว นายไม่รู้เหรอ?” เซี่ยอวี่ไม่สนใจสายตาของคนอื่นเลย หล่อนมองจานอาหารบนโต๊ะแล้วพูดว่า “บ้านเจียเหอจัดเตรียมงานเลี้ยงใหญ่โตขนาดนี้ สั่งอาหารมาเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่กินให้เยอะๆ ก็เสียดายน่ะสิ”
หล่อนยิ้มและเชิญชวนทุกคน “พวกคุณก็กินด้วยสิคะ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งเพิ่งเคยเห็นเซี่ยอวี่ที่ดูเป็นกันเองขนาดนี้เป็นครั้งแรกในวันนี้
ก่อนหน้านี้หล่อนยังกลัวว่าลูกสะใภ้คนนี้จะเข้ามาในบ้านแล้วไม่ถูกปากเรื่องอาหารการกิน เพราะสองครั้งก่อนที่ไปกินข้าวที่บ้านพวกเขา หล่อนจะคีบอาหารแค่สองคำเป็นพิธี
ครั้งนี้ที่ได้เห็นหล่อนเป็นกันเองขนาดนี้ ทั้งสองคนรู้สึกวางใจและชอบลูกสะใภ้คนนี้มากขึ้น
หล่อนยิ้มตอบ “พวกเรากำลังกินอยู่จ้ะ”
เฉินเจิ้นเจียงและเฉินเจียเหอเคยดื่มคารวะโต๊ะนี้ไปแล้ว พอเห็นเซี่ยอวี่กับเย่ไป๋เดินเข้ามา พ่อลูกทั้งสองก็เดินมาดื่มคารวะพวกเขาอย่างสุภาพอีกครั้ง
เฉินเจิ้นเจียงลุงวัยกลางคนวัยห้าสิบกว่าปีมีความตื่นเต้นและเขินอายเล็กน้อยในตอนที่เจอเซี่ยอวี่ครั้งแรก
ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นนางเอกจอแก้วที่เขาคุ้นเคยที่สุด
ภาพโปสเตอร์แผ่นแรกที่บ้านพวกเขามีก็เป็นรูปของเซี่ยอวี่
ต่อมาเมื่อเขารู้ว่าเซี่ยอวี่คบหากับเย่ไป๋ ภาพลักษณ์ในใจก็แตกกระจาย
ความหวั่นไหวทั้งหมดหายไปสิ้น
ในสายตาของเขา เย่ไป๋กับลูกชายของเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ก็ถือว่าเป็นผู้น้อย
เซี่ยอวี่กลายเป็นแฟนของเขา ดังนั้นหล่อนก็ถือเป็นผู้น้อยเช่นกัน
“คุณอา ขอบคุณที่สละเวลามาร่วมงานฉลองครบรอบเดือนของจิ่งชูนะครับ” เฉินเจิ้นเจียงรินเหล้าใส่แก้วในถาดที่เฉินเจียเหอถือ เฉินเจียเหอยื่นให้เซี่ยอวี่ด้วยท่าทางนอบน้อม “คุณอา เชิญดื่มเหล้าครับ”
เซี่ยอวี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เย่ไป๋ก็ลุกขึ้นยืนแล้ว “เจียเหอ คุณอาของนายดื่มเหล้าไม่ได้ ฉันจะดื่มแทนหล่อนเอง”
เย่ไป๋มีปฏิกิริยารวดเร็วมาก ราวกับกลัวว่าเซี่ยอวี่จะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม เขาหยิบแก้วขึ้นมาดื่มเองโดยไม่สนใจใคร
เฉินเจียเหอมองเย่ไป๋ที่ปกติไม่ดื่มเหล้าเลยสักหยด แต่ตอนนี้กลับดื่มรวดเดียวสองแก้วอย่างคล่องแคล่ว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าหลินเซี่ยจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้แล้ว
เฉินเจิ้นเจียงรินเหล้าอีกสองแก้ว
“คุณเย่ เชิญดื่มครับ”
เย่ไป๋ได้ยินคำที่เฉินเจียเหอเรียกเขา ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ไม่รับแก้วเหล้าที่อีกฝ่ายยื่นให้
เขามองเฉินเจียเหอด้วยท่าทางเป็นผู้ใหญ่ พูดสั่งสอนว่า “เจียเหอ นายต้องเรียกฉันว่าคุณอาเขย”
เฉินเจียเหอ “!!!”
ไม่อายเหรอ
เย่ไป๋นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจต่อหน้าพ่อแม่ของเขาและคนในตระกูลเซี่ย ขณะให้เฉินเจียเหอเรียกเขาว่าอาเขยอย่างเปิดเผย
ทุกคนต่างมีสีหน้าที่บรรยายได้ยาก
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ ตอนนี้เย่ไป๋มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เฉินเจียเหอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนนี้เย่ไป๋ถึงได้หน้าด้านขนาดนี้
ปกติแล้วเขาไม่ถือสากับการที่อีกฝ่ายได้เปรียบเขาเป็นการส่วนตัว
แต่ตอนนี้พ่อแม่ของเย่ไป๋และพ่อของเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย
เย่ไป๋กับเซี่ยอวี่ยังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วเขาจะแสดงตนเป็นผู้อาวุโสทำไม?
เป็นเพราะเขารู้ว่าเซี่ยอวี่ตั้งท้อง เลยจะอาศัยลูกเพื่อเลื่อนฐานะตัวเองงั้นเหรอ?
เด็กอยู่ในท้องของฝ่ายหญิง แต่เขากลับรีบจะเป็นพ่อเสียแล้ว น่าขันจริง ๆ
เฉินเจียเหอมองสบตากับเย่ไป๋ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เย่ไป๋ยังเชิดหน้าใส่เขา ดวงตาเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ และยังมองเซี่ยอวี่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
เฉินเจียเหอรู้สึกว่าไอ้หนุ่มนี่คงจะได้เป็นพ่อจริง ๆ แล้ว
เฉินเจียเหอรู้สึกเกรงใจ จึงกล่าวอย่างสุภาพและเป็นทางการว่า “อาเขยครับ เชิญดื่ม”
เย่ไป๋ยิ้มพอใจ ก่อนจะรับแก้วเหล้ามา
พ่อแม่ของเย่ไป๋และเฉินเจิ้นเจียงต่างตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทางของทั้งคู่
พวกเขารู้จักและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย
ตอนนี้เฉินเจียเหอกลับเรียกเย่ไป๋ว่าอาเขยโดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลยหรือ?
แล้วดูเย่ไป๋สิ ไม่คิดจะไว้หน้าเพื่อนรักบ้างหรือไง?
เขาและเซี่ยอวี่ยังไม่ได้แต่งงานกันเลย ทำเป็นอวดดีไปได้
ระวังว่าหัวเราะทีหลังดังกว่านะ
เฉินเจิ้นเจียงขมวดคิ้ว มองลูกชายอย่างไม่สบอารมณ์
ถ้าไม่ติดว่ามีคนอยู่มากมาย เขาคงได้เตะลูกชายสักสองที
ศักดิ์ศรีอยู่ไหน?
หน้าตาอยู่ไหน?
เพื่อนสนิทของเขากลายเป็นญาติผู้ใหญ่ไปทีละคนแล้ว
วันนี้เฉินเจิ้นเจียงพาลูกชายอย่างเฉินเจียเหอไปชนแก้วกับแขก เขาก็ได้ยินกับหูตัวเองว่าเฉินเจียเหอเรียกอดีตหัวหน้าและสหายพี่ชายอย่างเซี่ยตงว่าลุง
จากนั้นเรียกเซี่ยไห่ว่าอารอง ตอนนี้แม้กระทั่งเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่อายุพอ ๆ กัน ก็กลายเป็นอาเขยไปแล้ว
ลูกชายของเขากลับเรียกด้วยความยินดียิ่งนัก
หากว่ากันตามตรง เฉินเจิ้นเจียงไม่ค่อยได้เห็นด้านนี้ของเฉินเจียเหอสักเท่าใด
เวลาอยู่บ้าน เขามักจะตีหน้าเคร่งขรึมและสงบนิ่งเสมอ
แน่นอน ครอบครัวของพวกเขาทุกคนเป็นแบบนั้น
เย่เจิ้งหัวและหลี่เหม่ยเฟิ่งมองภาพตรงหน้า แม้ภายนอกจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ในใจกลับปลื้มปริ่ม
ลูกชายของพวกเขากล้าที่จะให้เฉินเจียเหอเรียกตัวเองว่าอาเขยต่อหน้าเซี่ยอวี่ และครอบครัวของหล่อน แสดงว่านางเอกภาพยนตร์คนนี้ให้เกียรติลูกชายของพวกเขาจริง ๆ
เฉินเจียเหอชนแก้วเสร็จแล้วก็จ้องมองเย่ไป๋ด้วยสายตาคับแค้นใจ ก่อนจะเดินจากไป
พอเฉินเจียเหอกับเฉินเจิ้นเจียงเดินไปแล้ว เซี่ยไห่ก็ทนไม่ไหว ทุบโต๊ะหัวเราะลั่น
เขาชูนิ้วโป้งให้เย่ไป๋ “คุณหมอเย่ คุณนี่เจ๋งจริง ๆ”
ก่อนหน้านี้เฉินเจียเหอเคยเรียกเย่ไป๋ว่าอาเขยเล่น ๆ เวลาส่วนตัว แต่นั่นเป็นแค่มุกตลกระหว่างเพื่อนสนิท
วันนี้ไม่เหมือนกัน
นี่คืองานฉลองครบรอบหนึ่งเดือนของลูกเฉินเจียเหอนะ
ทุกคนมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แต่เขาก็นั่งลงอย่างใจเย็น
เซี่ยอวี่ก็ปล่อยให้เขาทำตามใจตลอด หล่อนนั่งจิบเครื่องดื่มอย่างสงบ ไม่รู้สึกเลยว่าพฤติกรรมของเขามีอะไรผิดปกติ
หลี่เหม่ยเฟิ่งยิ่งอบอุ่นใจกับเซี่ยอวี่มากขึ้น และกล้าคุยกับหล่อนมากขึ้นด้วย
เซี่ยอวี่นั่งข้าง ๆ เย่ไป๋เหมือนสาวน้อย คุยกับพ่อแม่ของเขาอย่างสนิทสนม บรรยากาศเป็นกันเอง
เขาบอกว่าหลังจากงานเลี้ยงเสร็จ ให้พ่อแม่ของเขาไปบ้านเซี่ยอวี่ พวกเขามีเรื่องอยากคุยกับทุกคน
หลังงานเลี้ยงจบลง เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงก็ยืนส่งแขกอยู่ที่ประตู
หลินเซี่ยและเฉินเจียเหออุ้มลูกไปเก็บของในห้อง
นอกจากของที่ญาติฝ่ายแม่เอามาแล้ว ยังมีเสื้อผ้ารองเท้าที่แขกให้เด็ก ๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้วางกองเป็นภูเขาอยู่ในห้อง
ตามประเพณี วันนี้หลินเซี่ยต้องอุ้มลูกกลับบ้านฝ่ายแม่
ดังนั้นตอนนี้ครอบครัวเซี่ยรวมถึงเซี่ยหลานจึงไม่ได้กลับไป
เซี่ยหลานทำท่าจะกลับแล้ว แต่เสิ่นอวี้หลงบอกให้รออีกสักครู่
เขาคิดว่าหลินเซี่ยอาจจะอุ้มลูกไปกับพวกเขา
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นญาติฝ่ายแม่ของหลินเซี่ย
เสิ่นอวี้หลงชอบหลานชายที่หลินเซี่ยให้กำเนิดเป็นพิเศษ แน่นอนว่าเขาก็ชอบหู่จือด้วย
เขารู้สึกด้วยซ้ำว่าหู่จือคือผู้มีพระคุณของเขา
วันที่เขาฟื้น หู่จือก็เป็นคนแรกที่พบ
หู่จือยังเชื่อมั่นด้วยว่าเขาฟื้นเพราะเป็นฝีมือการเขย่าตัวของตน
เสิ่นอวี้หลงรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือเขาในตอนที่เขาหมดสติ
หลินจินซานฮัมเพลงกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง พอดีเห็นเสิ่นอวี้หลงกำลังคุยกับ เซี่ยหลาน เหมือนกำลังถามว่าหลินเซี่ยจะกลับไปกับพวกเขาหรือเปล่า
หลินจินซานตั้งใจจะเดินเข้าไปเตือนด้วยความหวังดีว่าหลินเซี่ยไม่มีทางกลับไปกับพวกเขาแน่
ตระกูลเซี่ยคือบ้านเกิดที่แท้จริงของหลินเซี่ย พ่อแม่แท้ ๆ ของเธออยู่ข้าง ๆ แล้วจะกลับไปกับพวกเขาได้อย่างไร?
แต่หลินจินซานคิดว่าตัวเองก็เหมือนกับเสิ่นอวี้หลง ตรงที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับหลินเซี่ย
สถานะของเขากับเสิ่นอวี้หลงเหมือนกันในระดับหนึ่ง
เขาเลยรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไร
ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าไป แต่เดินตรงเข้าห้องไปเลย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เหอลำดับญาติกันสนุกเลยทีนี้ เพื่อนตัวเองกลายเป็นผู้อาวุโสในครอบครัวกันหมด
ไหหม่า(海馬)
……….