ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 751 ใบสำคัญการสมรส
ตอนที่ 751 ใบสำคัญการสมรส
เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงต่างทยอยมาถึงห้องรับรองตามลำดับ เพื่อรอรับลูกสาวและหลานกลับบ้านเกิด
เซี่ยหลานเห็นพวกเขามาแล้วก็หันหลังให้โดยไม่รู้ตัว
“อวี้หลง พวกเราไปกันก่อนเถอะ แล้วค่อยมารับพี่สาวกลับบ้านอีกทีในอีกสองสามวัน ช่วงนี้แม่งานยุ่ง ไม่มีเวลาดูแลหล่อน ตัวหล่อนยังฟื้นไม่เต็มที่ ทั้งหล่อนและลูกต่างก็ต้องการคนดูแล รอให้ถึงตอนที่แม่ว่างจากงานก่อนแล้วกัน”
เสิ่นอวี้หลงมองเห็นพ่อแม่แท้ๆ ของ หลินเซี่ย รวมถึงย่า อา และ อาสาว ของเธอเดินผ่านไปข้างๆ พวกเขาด้วยสีหน้ายินดีปรีดา พวกเขามีความสุขอย่างยิ่ง คุยและหัวเราะกันไปมา จนไม่ทันสังเกตเห็นแม่ลูกอย่างพวกเขา
ใจของเขารู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที
ในขณะนั้นเอง เขาถึงได้ตระหนักอย่างแท้จริงว่าหลินเซี่ยไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเขาอีกต่อไปแล้ว
ต่อให้ความรู้สึกของพวกเขายังคงอยู่ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปแล้วจริงๆ
เธอมีครอบครัวเป็นของตัวเอง
เสิ่นอวี้หลงก้มหน้างุด ทำตามคำพูดของเซี่ยหลาน จากนั้นแม่ลูกทั้งสองก็ผละจากไป
เซี่ยเหลยเดินออกมาจากห้องรับรองพอดี พอเห็นพวกเขาก็เข้ามาทักทายอย่างสุภาพ
“คุณหมอเซี่ย พวกคุณจะกลับแล้วเหรอครับ”
เซี่ยหลานยิ้มรับ “ใช่ค่ะ พวกเราขอกลับก่อนนะคะ”
คนรู้จักเก่าทั้งสองคนตอนนี้สามารถเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างเปิดเผย และมองหน้ากันได้อย่างตรงไปตรงมา
“เซี่ยเซี่ยกำลังจะออกมาแล้ว ไปด้วยกันเถอะ” เซี่ยเหลยรู้ว่าที่เซี่ยหลานกับเสิ่นอวี้หลงรออยู่ตรงนี้ เพราะน่าจะกำลังรอหลินเซี่ยอยู่เช่นกัน
“แม่อวี้หลง” หลิวกุ้ยอิงอุ้มเด็กออกมา ทุกคนออกมาแล้ว
พวกเขาเดินออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ มีหลินเซี่ยถูกล้อมอยู่ตรงกลาง เป็นภาพที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักยิ่ง
“แม่ อวี้หลง” หลินเซี่ยเห็นพวกเขาแล้วก็ยิ้ม เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
เธอพูดกับเซี่ยหลานว่า “แม่ อีกสองสามวันฉันจะพาลูกไปบ้านนะคะ”
เซี่ยหลานตอบรับ “ได้จ้ะ”
หลินเซี่ยหันไปยิ้มและพูดกับเสิ่นอวี้หลงว่า “อวี้หลง เธอกลับไปทบทวนบทเรียนให้ดีนะ รอจนฉันพาหลานชายไปหา เธอต้องช่วยฉันอุ้มเด็กด้วย”
แม้เสิ่นอวี้หลงจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาก็ได้คุยกับพี่สาวของเขาแล้ว ท่าทีของพี่สาวที่มีต่อเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะเธอมีญาติมากขึ้นเลย
สิ่งนี้ทำให้จิตใจของเสิ่นอวี้หลงได้รับการปลอบประโลมไปบ้าง
“ไปกันเถอะ รถอยู่ข้างนอก”
ในฐานะญาติฝ่ายแม่ หลินจินซานไม่สามารถกลับบ้านพร้อมกับพวกเขาได้ เพราะเขาต้องขับรถบรรทุกเล็กเพื่อช่วยส่งของที่รับมาในวันนี้ทั้งหมดไปที่บ้านของเฉินเจียเหอ
หลินจินซานและเฉินเจียซิ่งช่วยกันจัดของ จากนั้นเขาก็บ่น
เขาวางรถเข็นเด็กที่เอามาจากบ้านไว้บนรถ “ถ้ารู้ว่าต้องให้ฉันส่งของถึงบ้าน ฉันขับรถไปส่งถึงบ้านเลยดีกว่า นี่มันเสียเวลาเปล่า ๆ ต้องขนลงมาแล้วก็ต้องขนขึ้นไปอีก”
เฉินเจียซิ่งพูดว่า “ดูนายสิ ไม่เข้าใจพิธีการเลย ถ้าพวกนายไม่ขนของลงมา ใครจะรู้ว่าวันนี้ญาติฝ่ายแม่ของพวกนายหน้าตาดีขนาดนี้”
หลินจินซานหัวเราะ “ก็จริงอยู่แหละ”
หลังสองคนเก็บของเสร็จแล้ว หลินจินซานก็ขับรถเฉินเจียเหอส่งหลินเซี่ยไปที่รถของเซี่ยไห่ จากนั้นก็มานั่งบนรถบรรทุก ตั้งใจจะไปเก็บของให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปบ้านตระกูลเซี่ย
เย่ไป๋ให้พ่อแม่ของเขาไปบ้านตระกูลเซี่ยด้วย ดังนั้นในรถของเขาจึงมีพ่อแม่ของเขากับเซี่ยอวี่
เย่เชี่ยนมีเรียนที่โรงเรียนตอนบ่าย กินข้าวเสร็จก็บอกลาพ่อแม่แล้วออกไปกับจางซ่วน
ตอนนี้มาถึงหน้าบ้านตระกูลเซี่ยแล้ว หลิวกุ้ยอิงอุ้มเด็ก ส่วนทุกคนในครอบครัวคอยดูแลหลินเซี่ยขณะเข้าไปในบ้าน
หลินเซี่ยรู้สึกว่าการต้อนรับแบบนี้ดูเกินจริงไปหน่อย
เธออยู่เดือนครบกำหนดแล้ว ไม่ใช่เพิ่งคลอดลูกเสร็จใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังขนาดนี้
ในห้องมีการแขวนมุ้ง และเตรียมของใช้ทุกอย่างสำหรับเด็กไว้พร้อม
หลินเซี่ยนึกถึงตอนที่ย่าเล่าว่าตอนคลอดพ่อของเธอ ยังต้องกินเปลือกไม้อยู่เลย
ส่วนหลิวกุ้ยอิงคลอดลูกเสร็จก็ต้องทำงานทันที ไม่ได้พักอยู่เดือนแต่อย่างใด
เธอเห็นครอบครัวฝ่ายแม่ดูแลเธออย่างทะนุถนอม นอกจากจะรู้สึกมีความสุขแล้ว ยังรู้สึกสงสารย่ากับแม่ของเธอด้วย
เด็กน้อยหลับไปตั้งแต่ระหว่างการเดินทางแล้ว หลินเซี่ยจึงวางลูกลงในเปลเด็ก จากนั้นเซี่ยอวี่ก็เดินเข้ามาถามหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ยเหนื่อยไหม? ถ้าไม่เหนื่อย ไปที่ห้องรับแขกก่อนนะ พวกเรามีเรื่องจะคุยกันหน่อย”
หลินเซี่ยห่มผ้าให้ลูกเสร็จแล้วก็เดินตามเซี่ยอวี่ออกจากห้องนอน
ตอนนี้หลิวกุ้ยอิงกำลังชงชาให้ทุกคน
“ทุกคนรีบดื่มชากันหน่อยนะ กินเลี้ยงแล้วมักจะกระหายน้ำ”
“เสี่ยวไป๋ คราวนี้ไปทำงานต่างถิ่นนานขนาดนี้ คงเหนื่อยน่าดูเลยนะ” คุณแม่เซี่ยมองลูกเขยของตัวเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เย่ไป๋ตอบว่า “คุณป้า ไม่เหนื่อยหรอกครับ ผมชินแล้ว”
หลิวกุ้ยอิงรินน้ำชาให้ทุกคนแล้วยื่นให้ “ทุกคนดื่มชากันเถอะ”
“ขอบคุณครับ”
วันนี้คุณแม่เซี่ยนั่งอยู่โต๊ะรับแขกตลอด ไม่รู้ว่าเย่ไป๋กับเซี่ยอวี่มาตั้งแต่เมื่อใด และยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ของเย่ไป๋ถึงมาด้วย
“เสี่ยวไป๋ ลูกบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับพวกเราไม่ใช่เหรอ? เป็นเรื่องอะไรล่ะ?” หลี่เหม่ยเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะถามลูกชาย
เซี่ยไห่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พูดกับหลินเซี่ยและเซี่ยเหลยด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณไม่รู้หรอก วันนี้คุณหมอเย่เก่งมากเลย ตอนดื่มอวยพร เขาให้เจียเหอเรียกเขาว่าอาเขยเชียวนะ”
“เจียเหอเรียกเขาว่าอาเขยต่อหน้าพวกเราทุกคน แล้วก็ดื่มอวยพรให้เขา ฮ่าๆ”
หลินเซี่ยได้ยินดังนั้นก็มองเย่ไป๋ด้วยสายตายิ้มแย้ม
ไม่คิดเลยว่าคนที่ดูเรียบร้อยอย่างเขาจะมีความกล้าหาญขนาดนี้
เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองท้องของเซี่ยอวี่ เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาจะประกาศกับทุกคนแล้ว
“เจียเหอกับจินซานยังไม่มา รอพวกเขามาถึงก่อน ผมค่อยบอก”
“ดูสิ เย่ไป๋ให้ความสำคัญกับหลานเขยคนนี้มากแค่ไหน”
“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเขารู้จักกันตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้วนะ เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเฉินเจียเหอกับหลินจินซานกลับมาถึง
เซี่ยไห่เปิดม่านประตู โบกมือเรียกพวกเขา “เข้ามาเร็ว รอแค่พวกนายสองคนเท่านั้นแหละ”
เฉินเจียเหอชำเลืองมองเย่ไป๋ แสร้งทำเป็นประหลาดใจ “มีอะไรหรือเปล่า?”
“มีสิ”
เฉินเจียเหอนั่งลงข้าง ๆ หลินเซี่ย ยิ้มมุมปากมองไปที่เย่ไป๋
ดูว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะประกาศเรื่องนี้อย่างไร
เขาสามารถจินตนาการได้แล้วว่าอีกสักครู่ สีหน้าของพ่อตาและเซี่ยไห่จะเป็นอย่างไร
บางทีเย่ไป๋อาจจะโดนอัดซักยกก็ได้
เย่ไป๋เห็นว่าทุกคนมาครบแล้ว จึงไม่พูดอะไรมาก หยิบเอกสารสองฉบับออกมาจากกระเป๋า แล้ววางลงบนโต๊ะ
เซี่ยไห่ที่สายตาคมกริบเหลือบไปเห็นตัวอักษรใหญ่ด้านบน ก่อนอุทานออกมาด้วยความตกใจ “ใบสำคัญการสมรส?”
…………………………………………
สารจากผู้แปล
มีใบทะเบียนสมรสเป็นยันต์ป้องกันตัวแล้ว เย่ไป๋ยังจะโดนอัดอยู่หรือไม่ ลุ้นต่อในตอนหน้านะคะ
ไหหม่า(海馬)