ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 759 นี่แหละความมหัศจรรย์ของสายเลือด
ตอนที่ 759 นี่แหละความมหัศจรรย์ของสายเลือด
เอ้อร์เลิ่งจึงออกไปข้างนอกกับเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอก็ไม่เรื่องมาก พาเอ้อร์เลิ่งไปที่ตลาดไม่ไกลจากบ้าน ที่นั่นมีแผงขายเสื้อผ้าข้างทางอยู่หลายร้าน
เสื้อผ้าราคาไม่แพง คุณภาพก็ไม่ต่างจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ
เขาให้เอ้อร์เลิ่งเลือกเอง เอ้อร์เลิ่งจึงหยิบเสื้อเชิ้ตสก็อตกับกางเกงยีนส์ตัวหนึ่ง
เขาเห็นหลินจินซานเคยใส่แบบนี้ตอนกลับบ้านเก่า
ถ้าใส่แบบนี้กลับไป คงแสดงให้เห็นว่าใช้ชีวิตในเมืองไม่เลวเลย
เลือกเสื้อผ้าเสร็จ เอ้อร์เลิ่งก็หันหลังให้เฉินเจียเหอ แกะเข็มขัด แล้วล้วงเงินจากข้างในออกมา
เพราะคนขายเป็นผู้หญิง เอ้อร์เลิ่งกลัวโดนหาว่าเป็นพวกวิปริต จึงให้เฉินเจียเหอบังให้
แต่เนื่องจากเป็นแผงขายโล่งๆ ร้านค้าก็ตั้งกลางแจ้ง มีคนตั้งร้านขายของอยู่สองข้างทาง บังอย่างไรก็ไม่มิดอยู่ดี
“เอ่อ…”
เอ้อร์เลิ่งพูดตะกุกตะกัก “ฉันกำลังหยิบเงิน”
เฉินเจียเหอ “!!!”
เขาเพิ่งนึกออกว่า เอ้อร์เลิ่งต้องนั่งรถไฟ คงกลัวมีคนล้วงกระเป๋า เลยเอาเงินเหน็บไว้ในกางเกงใน
เมื่อกี้นี้เฉินเจียเหอนึกว่าโรคเก่าเอ้อร์เลิ่งจะกำเริบอีกแล้ว
เขาสั่งเสียงเบา “นายรีบรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยเถอะ เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”
เอ้อร์เลิ่งรู้ว่าเฉินเจียเหอต้องจ่ายเงินแน่ๆ เมื่อครู่เลยไม่ทันไปเข้าห้องน้ำ เพราะกลัวว่าเฉินเจียเหอจะจ่ายเงินไปแล้ว
เขาพูดด้วยท่าทางหนักแน่นว่า “ต้าเหอ ฉันเอาเงินนายมาใช้ไม่ได้หรอก อาจารย์เย่ให้ค่าแรงฉันแล้ว ฉันมีเงิน”
เฉินเจียเหอจ่ายค่าเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มือหนึ่งถือเสื้อผ้า อีกมือหนึ่งก็ดึงเอ้อร์เลิ่ง “ไปกันเถอะ เดี๋ยวผู้หญิงคนนั้นก็ร้องโวยวายหรอก”
ถ้าทำให้คนในตลาดแตกตื่น พวกเขาสองคนคงโดนผักกาดเขวี้ยงใส่ตายแน่ๆ
ทันใดนั้นเฉินเจียเหอก็นึกขึ้นได้ เอ้อร์เลิ่งถึงแม้จะอยู่ในเมืองมานานแล้ว แต่เพราะว่าเขาอาศัยอยู่บ้านอาจารย์เย่ตลอด นอกจากซื้อกับข้าวแล้วก็มีโอกาสออกไปข้างนอกน้อย ดังนั้นเขาจึงยังคงมีนิสัยที่เรียบง่ายแบบคนชนบทติดตัวมา
ตัวอย่างเช่นเมื่อครู่ที่แกะเข็มขัดต่อหน้าธารกำนัล ในตลาดนัดที่ชนบท ภาพแบบนี้ล้วนเห็นได้ทั่วไป แต่ถ้าเป็นในเมืองจะต้องถูกมองว่าเป็นพวกอันธพาลแน่นอน
รวมถึงเรื่องการปลดทุกข์ไม่เลือกที่ด้วย
เอ้อร์เลิ่งจะกลับบ้านเก่า เฉินเจียเหอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก คิดจะรอให้เอ้อร์เลิ่งกลับมาแล้วค่อยแก้ไขนิสัยบางอย่างของเขา
“คราวนี้นายจะกลับไปกี่วัน” เฉินเจียเหอถามเขา
เอ้อร์เลิ่งตอบ “บ้านอาจารย์เย่เพิ่งเริ่มสร้าง กว่าจะเสร็จคงต้องใช้เวลาเดือนสองเดือน”
“อาจารย์เย่บอกว่า พอบ้านเสร็จ ท่านจะเปิดสถานพยาบาล ตอนนั้นจะรับผมเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ และจะให้ผมคำนับอาจารย์ด้วย”
บนใบหน้าของเอ้อร์เลิ่งฉายรอยยิ้มสดใส เต็มไปด้วยความหวังและความคาดหวังต่ออนาคต
เฉินเจียเหอเห็นเขามีสภาพแบบนี้ ก็รู้สึกดีใจจากก้นบึ้งของหัวใจ
เขาตัดสินใจถูกแล้วที่พาเอ้อร์เลิ่งมาเมืองเพื่อรักษาตัว
“เอาล่ะ งั้นตอนนายอยู่บ้านเก่า ก็ช่วยดูแลหู่จือด้วย ไอ้เด็กนั่นตอนนี้ซนมาก อย่าปล่อยให้วิ่งเล่นไปในป่าคนเดียวบ่อยๆล่ะ”
เอ้อร์เลิ่งตบหน้าอกรับประกัน “วางใจเถอะ มีฉันอยู่ เขาจะไปที่ไหน ผมจะพาเขาไปเอง ไม่มีทางปล่อยให้เขาวิ่งพล่านคนเดียวแน่”
ตอนนี้เอ้อร์เลิ่งมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน กลายเป็นคนปกติคนหนึ่งแล้ว มีเขาอยู่ด้วย เฉินเจียเหอก็เบาใจไปเยอะ
หลังซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้วกลับถึงบ้าน เอ้อร์เลิ่งก็วิ่งไปที่ห้องน้ำ เอาเงินออกมา แล้วก็ยื่นให้เฉินเจียเหอ
“นายเก็บไว้เองเถอะ” แน่นอนว่าเฉินเจียเหอไม่รับ “พอกลับไปแล้ว หู่จือไปกับนาย ยังไงก็ต้องซื้อขนม นายก็ถือว่าเป็นค่าขนมของหู่จือก็แล้วกัน”
เฉินเจียเหอพูดแบบนี้ เอ้อร์เลิ่งก็เลยได้แต่เก็บเงินไว้
ตอนเที่ยงเซี่ยเหลยโทรมา บอกให้เฉินเจียเหอพาโจวเจี้ยนกั๋วกับคนอื่นๆ กลับมากินข้าวที่บ้านเร็วหน่อย
คราวนี้โจวเจี้ยนกั๋วกับพวกเขามาแบบเร่งรีบ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ยเลย เซี่ยเหลยที่กระตือรือร้นได้คุยกับเฉินเหอเมื่อคืนนี้แล้วว่าอย่างไรก็ต้องเลี้ยงข้าว
ให้น้ากับน้าสะใภ้ไปกินข้าวที่บ้านให้ได้
โจวเจี้ยนกั๋วกับหวังอวี้เสียมาเยี่ยมญาติ ไม่ได้เอาสัมภาระอะไรมา นอกจากของกินที่เฉินเจียเหอซื้อมาฝากปู่ย่าตายาย
โจวเจี้ยนกั๋วกับเซี่ยเหลยไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ทุกครั้งก็มีเรื่องให้คุยกันเยอะแยะมากมาย
วันนี้เขาก็อยากคุยกับเซี่ยเหลยเยอะๆ หน่อย
ส่วนหวังอวี้เสียก็อยากดูลูกของหลินเซี่ยเยอะๆ
ตอนที่พวกเขามาถึงบ้านตระกูลเซี่ย หลิวกุ้ยอิงก็ทำกับข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว
เห็นพวกเขามา คุณแม่เซี่ยก็ดีใจมาก รีบต้อนรับเข้าบ้าน
“เอ้อร์เลิ่งก็จะกลับบ้านเก่าด้วยเหรอ?” คุณแม่เซี่ยถามเขาพร้อมกับยิ้ม
เอ้อร์เลิ่งพยักหน้า “ครับ คุณป้าเซี่ย ผมจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ครับ”
“ดีมาก เป็นเด็กดีจริงๆ” คุณแม่เซี่ยชอบและเอ็นดูเอ้อร์เลิ่งจากใจจริง เห็นเขาหายเป็นปกติ ก็ดีใจแทนจากใจจริง ถามเอ้อร์เลิ่งว่า “แล้วเธอจะกลับมาอีกไหม?”
เอ้อร์เลิ่งตอบ “กลับครับ รอให้บ้านอาจารย์เย่สร้างเสร็จ ผมก็กลับมาครับ”
“งั้นก็ดี เด็กแบบเธอฉลาดมาก ไปเรียนกับอาจารย์เย่ แน่นอนว่าต้องมีอนาคตไกลกว่าอยู่ที่ชนบท กลับไปก็อยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่เยอะๆ แล้วรีบกลับมานะ”
“ครับ ขอบคุณคุณป้าเซี่ยครับ”
เมื่อคืนเซี่ยไห่วิ่งตามลินดาออกไป แล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย เซี่ยอวี่ตื่นมาตั้งแต่เช้าก็ไปที่ห้องหลินเซี่ย ช่วยหลินเซี่ยอุ้มลูก
เรียนรู้เทคนิคการเลี้ยงลูกไว้ล่วงหน้า
เซี่ยอวี่ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่พอเห็นหลินเซี่ยป้อนนมลูก ก็ยังรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้มันน่าอายๆยังไงก็ไม่รู้
ตอนเช้า หล่อนเลยถามหลินเซี่ยแบบลองเชิงดูว่า “เซี่ยเซี่ย ลูกกินนมแบบนี้ เธอไม่เจ็บเหรอ”
หลินเซี่ยนั่งไขว้ห้างอยู่บนเตียง อุ้มลูกป้อนนม ท่าทางเต็มไปด้วยความเป็นแม่ “ตอนนี้ยังไม่เป็นไรหรอก พอฟันขึ้นคงกัดแน่ๆ”
เซี่ยอวี่ได้ยินดังนั้นก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะ แล้วบอกว่าต่อไปหล่อนจะไม่ป้อนนมแม่แล้ว
หลินเซี่ยป้อนนมลูกเสร็จ เซี่ยอวี่ก็รับลูกมาอุ้ม
อุ้มแล้วก็ร้องเพลงให้ฟัง
ดวงตากลมโตของเสี่ยวหู่จ้องมองเซี่ยอวี่ ฟังเพลงอย่างตั้งใจ
“เซี่ยเซี่ย น้ากับน้าสะใภ้มาแล้ว” เฉินเจียเหอเดินเข้ามา เห็นเซี่ยอวี่กำลังนั่งอุ้มเด็กอยู่ ท่าทางดูเป็นมืออาชีพ
ดูเหมือนจริงเสียด้วย
เฉินเจียเหอยิ้มแล้วพูดว่า “อาหญิง ท่าอุ้มลูกของอาได้มาตรฐานมากเลยครับ”
เซี่ยอวี่ทำหน้าภาคภูมิใจ “แน่สิ ฉันก็เคยเล่นเป็นแม่คนในละครนะ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เด็กก็ร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมแขนหล่อน
เซี่ยอวี่ “…”
เฉินเจียเหอเห็นลูกชายร้องไห้ก็รีบเช็ดมือ แล้วเอื้อมมือไปรับลูก
แปลกมาก พอเขาอุ้มแล้วโยกไปโยกมาสองที ลูกก็หยุดร้องไห้จริงๆ
เซี่ยอวี่เห็นภาพแบบนี้ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก
นี่กระมังที่เย่ไป๋พูดถึงความมหัศจรรย์ของสายเลือด
“น้ากับน้าสะใภ้มาแล้วเหรอ?”
หลินเซี่ยได้ยินดังนั้น ก็รีบลุกจากเตียง วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น
เฉินเจียเหอก็อุ้มลูกเดินตามหลังเธอออกจากห้องนอน
เซี่ยเหลยกำลังต้อนรับโจวเจี้ยนกั๋ว คุยกับเขาอย่างออกรสชาติ
พอเห็นเด็ก หวังอวี้เสียก็รีบเข้ามาล้อมวง
แต่คราวนี้หล่อนจำได้แล้วว่าก่อนจะอุ้มเด็กต้องล้างมือก่อน ต้องรักษาความสะอาด
โจวเจี้ยนกั๋วกับหวังอวี้เสียเน้นย้ำหลายครั้งว่ากินข้าวแบบง่ายๆ ก็พอแล้ว
แต่หลิวกุ้ยอิงก็ยังคงทำกับข้าวเต็มโต๊ะเพื่อต้อนรับพวกเขา
เพราะมื้อเที่ยงวันนี้ ทั้งสามีภรรยาเลยไม่ได้ไปร้านอาหาร
ตอนนี้ร้านอาหารมีพ่อครัวกับพนักงานเสิร์ฟแล้ว พวกเขาไม่ได้ไปบ้างเป็นครั้งคราวก็ไม่มีผลอะไร
แต่ตอนที่กำลังกินข้าว โจวลี่หรงก็มาพอดี ทั้งยังถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งมาด้วย
“แม่ นี่แม่จะ…” เฉินเจียเหอเห็นท่าทางของหล่อนก็อดสงสัยไม่ได้
โจวลี่หรงตอบ “แม่จะกลับบ้านเก่ากับน้ากับน้าสะใภ้ ไปเยี่ยมปู่ย่าตายายของลูกน่ะ”
หู่จือที่กำลังคีบกับข้าวอยู่ได้ยินคำพูดของโจวลี่หรงแล้วก็ชะงักตะเกียบในมือ ใบหน้าเล็กๆ เงยขึ้นด้วยความหวาดกลัว
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ค่อยๆ ปรับตัวเรียนรู้ไปนะเอ้อร์เลิ่ง แต่รักษาตัวจนได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
คุณย่าโจวต้องปรับตัวอีกเยอะเลย ใช้อำนาจกับเด็กจนเด็กกลัวหมดแล้ว
ไหหม่า(海馬)