ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 78 คนชั่วมาหา(2)
ตอนที่ 78 คนชั่วมาหา(2)
ตอนที่ 78 คนชั่วมาหา(2)
“แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน?” ดวงตากลมโตของหลินเซี่ยเต็มไปด้วยความสับสน
“คุณต้องอยู่ในห้องของหู่จื่อไปก่อน”
หลังได้ยินคำพูดของเขา หลินเซี่ยก็ถอนหายใจ จากนั้นมุมปากของเธอก็กระตุกเล็กน้อย
เธอยิ้มก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เท่านั้นเองเหรอ? ฉันคิดว่าพวกเขาจะไล่ฉันออกจากบ้านพักพนักงานซะอีก คุณนี่ก็ทำเป็นหน้าดำคร่ำเครียดไปได้”
พอเห็นว่าเธอมีทัศนคติที่ไม่แยแส ใบหน้าของเฉินเจียเหอก็มืดลง
“หัวหน้าของคุณพูดถูก” หลินเซี่ยมีท่าทางไร้ความกังวล ทั้งยังให้ความรู้แก่เขาด้วย “เราไม่ควรอยู่ร่วมห้องกันโดยที่ยังไม่มีทะเบียนสมรสจริง ๆ นั่นแหละ ยุคสมัยนี้ถือว่าอยู่ร่วมกันอย่างผิดกฎหมาย”
ถ้าเป็นเวลาผ่านไปสิบปีหลังจากนี้อาจไม่มีใครสนใจอีกแล้วว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน แต่ตอนนี้ยังเป็นยุคที่ผู้คนมีความคิดแบบอนุรักษนิยม ประเด็นสำคัญคือ เฉินเจียเหอทำงานในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หมายความว่าจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลสอดส่องของผู้นำ และมีระเบียบวินัยที่ต้องปฏิบัติตาม แตกต่างจากคนอื่น ๆ ในสังคม
หลินเซี่ยไม่ได้แสดงท่าทางไม่เป็นสุขแต่อย่างใด ยังคงพยายามให้เหตุผลกับเขา เฉินเจียเหอได้แต่ตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “ฟังจากน้ำเสียงของคุณแล้ว ดูเหมือนคุณไม่ตื่นตระหนกเลย?”
“ไม่เกี่ยวกับตระหนกหรือไม่ตระหนกหรอก แต่ฉันแค่อยากให้คุณเชื่อฟังผู้นำ และทำตามระเบียบวินัย”
หลินเซี่ยยืนขึ้น ตะโกนเรียกหู่จือ “หู่จือ ฉันขอยึดห้องของเธอก่อนชั่วคราวนะ เธอย้ายไปนอนกับพ่อก่อนก็แล้วกัน”
เฉินเจียเหอยืนอยู่เพียงลำพัง มองดูหญิงสาวที่เดินกลับเข้าไปในห้องนอน พร้อมกับรู้สึกไม่แน่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาอดรู้สึกโหวง ๆ ในใจไม่ได้ ว่าบางทีเขาอาจไม่สามารถครองใจของสาวสวยคนนี้ได้
หลินเซี่ยทำความสะอาดห้อง ก่อนจะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงเล็ก ๆ ของหู่จือ แม้ว่าวันนี้จะเหนื่อยมาก แต่กลับข่มตานอนไม่หลับ
ในที่สุดเธอก็มีเวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อคิดคำนึงถึงเรื่องราวบางอย่าง
พอได้กลับมาที่ไห่เฉิงอีกครั้ง เธอรู้สึกซับซ้อนมาก
ชาติที่แล้ว หลิวจื้อหมิงมาตามหาเธอทันทีที่เธอกลับมา
เมื่อก่อนเธอไม่เคยแม้แต่จะทำอาหารอร่อย ๆ ในบ้านหลังนี้ แทบไม่เคยได้ใช้ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกับสองพ่อลูกเลย
แต่ชาตินี้ ทุก ๆ อย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอตอนนี้ คือการเข้าหาผู้ที่มีความสามารถ
เธอไม่เพียงแต่อยากเปิดร้านเสริมสวยเท่านั้น ยังต้องการใช้ความสามารถเพื่อผลักดันตัวเองเข้าสู่วงการแฟชั่น จัดแต่งทรงผมให้กับคนดัง เพิ่มความนิยมในตัวเธอให้มากขึ้น
สำหรับเธอแล้ว ความทรงจำในชาติที่แล้วของเธอเปรียบเสมือนดัชนีทองคำที่คัดกรองมนุษย์และปีศาจออกจากกัน
ชาติก่อนเธอทุ่มเทและสนับสนุนปีศาจ ทั้งยังเลี้ยงดูปีศาจตัวน้อยให้โตขึ้นมาฆ่าตัวเอง ฉะนั้นเกิดใหม่ครั้งนี้ เธอจะต้องตาสว่าง เลือกคู่ครองและมิตรสหายอย่างระมัดระวัง
เมื่อพูดถึงการเข้าหาใครบางคน หลินเซี่ยมีตัวเลือกอยู่ในใจตั้งแต่ตอนแรกที่เธอมาถึงไห่เฉิง
พรุ่งนี้เธอจะต้องไปหาเจียงอวี่เฟย
คู่แข่งของเสิ่นอวี้อิ๋งในชาติก่อนเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาโดดเด่น ทั้งยังวาดฝันว่าจะกลายเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียง แต่ความสามารถของหล่อนกลับไม่ได้รับการยอมรับ
พูดให้ถูกก็คือหล่อนคนนี้ถูกเสิ่นอวี้อิ๋งขัดขวางและล้อมกรอบทุกวิถีทาง เนื่องจากความเย่อหยิ่งแต่ขาดไหวพริบของหล่อน ทำให้หล่อนสูญเสียโอกาสมากมาย
หลินเซี่ยวางแผนว่าจะสนับสนุนหล่อน
พูดถึงเมื่อก่อน เธอก็เคยเข้าข้างเสิ่นอวี้อิ๋ง ให้ความร่วมมือในการสกัดดาวรุ่งอย่างเจียงอวี่เฟยเช่นเดียวกัน ตอนนี้พอคิดถึงแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมา
นอกจากนี้ นอกเหนือจากปัจจัยอื่น ๆ ข้างต้น และนิสัยบางอย่างที่ไม่เข้าท่าของหล่อนแล้ว เจียงอวี่เฟยถือว่าเหนือว่าเสิ่นอวี้อิ๋งมากบราวนี่ออนไลน์
ตราบใดที่ได้รับความช่วยเหลือ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หล่อนจะเปล่งประกายได้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลินเซี่ยปิดประตู พลิกตัวนอนบนเตียงเล็ก ๆ พลางคิดถึงแผนการในอนาคต
ร่างสูงเดินไปเงี่ยหูฟังจากนอกประตู แต่ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใด ๆ จากภายในห้อง จึงถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันหลังกลับเข้าห้องตัวเองไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเจียเหอขอให้หลินเซี่ยอยู่ที่บ้านก่อน ส่วนเขาจะพาหู่จือกลับไปที่บ้าน เพื่อดูว่าเฉินเจียวั่งอาการป่วยกำเริบอีกหรือไม่
เขาคิดว่าควรไปคุยกับผู้ใหญ่เรื่องหลินเซี่ยด้วยตัวเอง
เขาไม่อยากให้เธอได้รับการปฏิบัติจากพวกเขาเหมือนเมื่อวาน และในครั้งต่อ ๆ ไปที่เธอตามเขากลับบ้าน
ครอบครัวของหวังซิ่วฟางอาศัยอยู่ชั้น 1 ส่วนเฉินเจียเหออาศัยอยู่บนชั้น 2 อาคารหลังเก่าที่พวกเขาอาศัยอยู่เป็นที่พักอาศัยของพนักงานที่มีเพียงสองชั้น บันไดและรั้วกั้นอยู่นอกประตู
พอหล่อนบังเอิญเหลือบไปเห็นเฉินเจียเหอลงมาพร้อมกับหู่จือแค่สองคน จึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทาย “หู่จือ จะตามพ่อออกไปไหนเหรอจ๊ะ?”
หู่จือตอบ “กลับบ้านปู่ครับ”
พ่อและลูกชายเดินลงไปชั้นล่าง หวังซิ่วฟางก็ยังคงเดินตามไปอย่างไม่ลดละ
หล่อนถามอย่างไม่ยอมแพ้ “เฉินกง คุณกับผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกันแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่”
เฉินเจียเหอไม่อยากเสวนากับหล่อนอีกต่อไป เขาจึงเดินนำหูจือแล้วเร่งฝีเท้า “ไปกันเถอะ”
หวังซิ่วฟางได้ยินก็ยิ่งเศร้าเสียใจเกินกว่าจะทำอาหารเช้า หล่อนขอเงินอั่งเปาที่ได้จากช่วงปีใหม่จากเสี่ยวฮวาเพื่อเอาไปซื้อปาท่องโก๋
หล่อนเดินไปรอบ ๆ อาคารพักอาศัยของพนักงาน มองดูประตูห้องของเฉินเจียเหอบนชั้นสองที่ปิดอยู่ เห็นแล้วก็ยิ่งช้ำใจ
หล่อนอยากจะขึ้นไปเคาะประตูบ้านของเฉินเจียเหอเสียจริง ๆ อยากคุยกับผู้หญิงคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอด อยากถามเหลือเกินว่าตัวเธอมีอะไรพิเศษเลิศเลอไปกว่าตัวเองกัน ถึงเอาชนะใจเฉินเจียเหอได้
อยากพูดด้วยว่าผู้หญิงที่อายุยังน้อยอย่างเธอไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นแม่เลี้ยงของใคร
แต่หล่อนไม่มีความกล้าพอ
ที่สำคัญ เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะพูดเรื่องพวกนี้
ก่อนที่พี่สาวจางและคนอื่น ๆ จะออกมาเรียกหล่อนไปซ้อมเต้นรำ หวังซิ่วฟางอยู่ในอาการฟุ้งซ่าน เอาแต่เดินวนไปรอบลานกว้างหน้าอาคารถึงสองครั้ง
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีดำและมีผ้าพันคอลายสก็อตพันอยู่รอบลำคอ ก็กำลังจดจ้องไปที่ประตูของอาคารที่พักอาศัยตรงหน้า
เมื่อเห็นหวังซิ่วฟางยืนนิ่งอย่างเหม่อลอย เขาจึงถามอย่างสุภาพ “พี่สาว เฉินเจียเหออาศัยอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?”
หวังซิ่วฟางเหลือบมองชายหนุ่มแล้วตอบกลับ “ใช่ค่ะ คุณมาหาเฉินเจียเหอเหรอ? เขาเพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อกี้นี้เอง”
เมื่อได้ยินว่าเฉินเจียเหอออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่มีความตั้งใจที่จะจากไป ดวงตาของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและพุดคุยกับหวังซิ่วฟางต่อไป “พี่สาว ผมขอถามอะไรหน่อย เฉินเจียเหอกลับมาคราวนี้เขาได้พาผู้หญิงสวย ๆ คนหนึ่งกลับมาด้วยหรือเปล่า? หล่อนชื่อหลินเซี่ยใช่ไหม?”
เมื่อหวังซิ่วฟางได้ยินแบบนั้น หล่อนก็มองดูเขาอีกครั้ง เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ยืดหลังตรงก่อนจะถามกลับว่า “ใช่ คุณเป็นใครคะ?”
ชายหนุ่มไม่ยอมแนะนำตัวเอง แต่ถามซ้ำอีกครั้ง “คุณรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน?”
“ก็ต้องอยู่ในบ้านของเฉินเจียเหอเขาน่ะสิ”
ใบหน้าของชายหนุ่มสว่างสดใสขึ้นทันตา เขามองหน้าหวังซิ่วฟางแล้วขอร้องไหว้วานอย่างสุภาพ “พี่สาว คุณช่วยไปเรียกหล่อนให้ผมหน่อยได้ไหม? บอกแค่ว่าผมชื่อหลิวจื้อหมิงก็พอครับ”
“ได้ รอตรงนี้นะ”
เดิมทีหวังซิ่วฟางก็ต้องการหาข้อแก้ตัวเพื่อติดต่อกับหลินเซี่ยอยู่แล้ว อยู่ดี ๆ ก็มีโอกาสโผล่เข้ามา หล่อนจึงวิ่งขึ้นไปชั้นบน และเคาะประตูห้องของเฉินเจียเหอ
ไม่นานหลังจากที่หลินเซี่ยตื่นนอน เธอก็ทำการเอาผ้าปูที่นอนกับผ้านวมผืนเก่าไปซัก เมื่อเปิดประตูออกไปแล้วเห็นหวังซิ่วฟางก็ผงะเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้มทักทายและถามตามมารยาท “พี่สาวหวัง มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
หลินเซี่ยไม่มีความรู้สึกชิงชังหรือเหม็นขี้หน้าศัตรูหัวใจคนนี้เลย
เพราะเธอรู้ดี ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อหวังซิ่วฟางไม่มีปัญญาพอจะคุกคามสถานะของเธอด้วยซ้ำ
ตรงกันข้าม เธอค่อนข้างชื่นชมบุคลิกที่ฉุนเฉียวและตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายเอามาก ๆ
“ผู้ชายคนหนึ่งชื่อหลิวจื้อหมิงรออยู่ข้างนอก เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ เลยแวะมาหา”
รอยยิ้มที่มุมปากของหลินเซี่ยแข็งค้างทันที
หลิวจื้อหมิง!
คนคนนี้มาจริง ๆ ด้วย…
แม้ว่าเธอจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ใจของเธอก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อได้ยินชื่อคนชั่วคนนี้อีกครั้ง
หลังจากเจ็บแปลบ ความเกลียดชังที่ไม่สามารถควบคุมได้ในหัวใจก็ขึ้นมาแทนที่
หวังซิ่วฟางเห็นเธอยืนนิ่งไป จึงถามว่า “เสี่ยวหลิน ได้ยินที่ฉันพูดไหม?”
“อืม ขอบคุณนะคะพี่สาวหวัง ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้ เขารออยู่ตรงไหนคะ?”
“นอกรั้วอาคารพักอาศัย”
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากที่หวังซิ่วฟางพูดจบหล่อนก็จากไป
หลินเซี่ยปิดประตู ยืนเอาหลังพิงประตูพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ระงับโทสะในใจ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมอารมณ์ ไม่อย่างนั้นตัวเองคงพรวดพราดเข้าไปหยิบมีดทำครัวออกมาฆ่าใครสักคนแล้ว
เธอจิบน้ำเย็นเพื่อสงบสติอารมณ์ ควานหาเสื้อคลุมมาสวม แล้วลงไปชั้นล่าง เดินดุ่ม ๆ ตรงไปนอกตัวอาคาร
………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนที่เขาไม่มีใจให้ ยังไงก็ต้องจากไปอยู่ดีนะคะ
โจทก์เก่ามาหาถึงที่ เซี่ยเซี่ยจะทำยังไงดี
ไหหม่า(海馬)