ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 815 ซื้อที่ดิน
ตอนที่ 815 ซื้อที่ดิน
“สร้างตึก”
หลินเซี่ยรู้ว่าคุณยายต้องรู้สึกเป็นกังวลใจหลังได้ยินเรื่องขายที่ดิน เธอจึงค่อยๆ พูดโน้มน้าวความคิดของนาง “คุณยายคะ พวกเราซื้อที่ดินไปก็เพื่อใช้สร้างตึก ไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นหรอกค่ะ”
“คุณยายคิดดูสิคะ บ้านของคุณยายอยู่ตรงนี้ พอสร้างตึกเสร็จก็ยังมองเห็นที่ดินผืนนี้อยู่ตลอด หากปล่อยที่ดินมรดกผืนนี้ไว้ให้รกร้างก็คงน่าเสียดาย ไม่สู้ขายให้พวกเราไปพัฒนาดีกว่า บรรพบุรุษของคุณยายบนสวรรค์เห็นที่ดินผืนนี้มีตึกสูงแล้วก็คงจะดีใจมากนะคะ”
“ใช่ครับ พอพวกเราพัฒนาที่ดินผืนนี้แล้ว ก็จะช่วยลูกชายคุณยายใช้หนี้ได้ เขาจะได้ไม่ต้องไปทำงานไกลบ้าน กลับมาพัฒนาบ้านเกิดได้”
เซี่ยไห่ดวงตาเป็นประกาย เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ลูกชายคุณยายเป็นคนมีความสามารถ ถ้าเขากลับมาที่เมืองไห่เฉิงแล้วไม่มีงาน พวกเราก็จัดหางานให้เขาได้ พวกเราทำธุรกิจอยู่แล้ว จำเป็นต้องใช้คนมีความสามารถ การที่คุณหวังเปิดฟาร์มไก่ใหญ่ขนาดนั้นได้ เชื่อว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่”
ทั้งสองช่วยกันพูดจูงใจ บ้างอธิบายเหตุผล บ้างก็กระตุ้นอารมณ์
อีกทั้งเสนอผลประโยชน์บางอย่างเป็นการให้ความหวัง
ในที่สุดคุณยายก็ใจอ่อนยอมตกลง
จากนั้นก็จะได้ไปรับลูกสะใภ้กับหลานๆ กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าครอบครัวจะจนหรือรวย ขอแค่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน หญิงแก่อย่างนางก็ตายตาหลับแล้ว
คุณยายตรึกตรองทุกอย่างอยู่ในใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันมีที่อยู่เขา ฉันจะเขียนจดหมายไปบอกเรื่องนี้ให้เขารู้เอง”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะมาเยี่ยมคุณยายใหม่ในวันหลังนะครับ”
ระหว่างที่เซี่ยไห่และหลินเซี่ยกำลังเดินออกจากตรอกหูทง เซี่ยไห่ก็หันไปถามหลินเซี่ยว่า “เธอคิดว่าเจ้าของฟาร์มไก่จะยอมโอนสิทธิ์การใช้ที่ดินให้เรางั้นเหรอ”
“ไม่รู้ค่ะ ถ้าเขาไม่ยอม เราก็คงต้องค่อยๆ หาวิธีกันไป”
เซี่ยไห่กล่าว “เราเตรียมแผนสำรองไว้ด้วยก็ดีนะ ลองไปดูที่อื่นเผื่อไว้ อย่าไปฝากความหวังไว้ที่พวกเขาทั้งหมดเลย”
“ที่รกร้างข้างๆ ฟาร์มไก่ไม่ใช่ของพวกเขานี่ เราไปสืบหาเจ้าของที่ดินผืนนั้นกันก่อน จัดการทีละเปลาะไป”
ทั้งสองคนตระเวนสอบถามอยู่พักหนึ่ง กระทั่งพบกับเจ้าของที่ดินผืนนั้น ซึ่งอาศัยอยู่แถวโรงงานผลิตรถยนต์
พวกเขาเป็นสามีภรรยาวัยกลางคน ครอบครัวดูไม่ค่อยมีฐานะ และบ้านช่องก็รกรุงรัง
หลินเซี่ยมองพวกเขาแล้วเห็นคำว่า “ขี้เกียจ” ติดอยู่เต็มตัว
หลังจากทั้งสองแนะนำตัว เจ้าของบ้านชายก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมชื่อหลี่เฉวียน”
“พวกคุณอยากซื้อที่ดินรกร้างผืนนั้นของพวกเราเหรอ?”
หลี่เฉวียนมองพวกเขาสองคนอย่างสงสัย “ซื้อไปทำอะไร?”
เซี่ยไห่ตอบกลับ “ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับ พวกเราแค่ต้องการย้ายของบางอย่างแล้วสร้างโกดังเก็บของ”
หลี่เฉวียนเอ่ย “อ้อ” ออกมา
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ที่พูดกับหลี่เฉวียน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะมองเซี่ยไห่ด้วยความชื่นชม
ต้องยอมรับว่าสมองเซียนการค้าอย่างเขานี่ตอบสนองได้รวดเร็วจริง ๆ
พูดจาถูกกาลเทศะ รู้ว่าควรพูดอะไรกับใคร
ส่วนตัวหลินเซี่ยเองยังคิดเรื่องนี้ไม่ทันเลย
หลินเซี่ยยิ้มพลางเอ่ยว่า “ลุงหลี่ ที่ดินรกร้างผืนนั้นไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ขายให้พวกเราเถอะ พวกเราจะสร้างเป็นโกดัง อย่างน้อยก็ยังใช้ประโยชน์ได้”
ป้าหลี่ภรรยาของลุงหลี่ซึ่งกำลังรินน้ำชาให้พวกเขาอยู่ก็ชิงเอ่ยขึ้นก่อนที่ลุงหลี่จะพูดว่า
“พ่อ ขายๆ ไปเถอะ ที่รกร้างผืนนั้นไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ขายไปอย่างน้อยก็ยังมีเงินพอให้ลูกสองคนเรียนหนังสือ จ่ายค่าเล่าเรียน เด็กม.ปลายสมัยนี้ใช้เงินเก่งจนฉันแทบแบกไม่ไหวแล้ว”
ลุงหลี่ลูบคางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “จะให้เท่าไหร่ล่ะ”
“คิดเป็นหมู่ก็แล้วกัน ลุงคิดว่าราคาเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม”
ลุงหลี่หรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วชูสามนิ้วขึ้น “หมู่ละหนึ่งพันหยวน”
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของลุงหลี่ สีหน้าก็แปลกใจ
ในใจคิดว่านี่มันปี 1990 จริงๆ ด้วยสินะ
ถ้าเป็นสมัยหลัง ราคาไม่พุ่งไปร้อยเท่าก็แปลกแล้ว
แต่เซี่ยไห่กลับคิดต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง “พี่ใหญ่ พี่เรียกราคาโหดไปหน่อยนะ”
หลี่เฉวียนเองก็รู้สึกว่าราคาสูงเกินไป เขาจึงแค่อยากลองเชิงดู
“บอกตรงๆ เลยนะครับ พวกเราหมายตาฟาร์มไก่ข้างๆ ที่ดินของคุณด้วย ที่นั่นยังพอมีบ้านที่ใช้การได้อยู่ ถ้าซื้อมา ผมก็แค่ตกแต่งใหม่ ประหยัดต้นทุนไปได้โข ติดที่เจ้าของฟาร์มไก่นั่นเขาไม่ได้อยู่ในไห่เฉิง ที่บ้านมีแต่คนแก่อยู่คนเดียว ตัดสินใจอะไรไม่ได้ พวกผมก็เลยมาหาคุณที่นี่ ถ้าคุณไม่จริงใจงั้นก็ช่างเถอะ พวกผมไปถามคุณยายคนนั้นก็ได้ว่าพอจะติดต่อลูกชายแกได้ไหม”
พูดจบ เซี่ยไห่ก็ทำท่าจะลุกออกไป
หลี่เฉวียนรีบรั้งไว้
สิ่งที่เซี่ยไห่พูดตรงกับที่พวกเขารู้มาทุกอย่าง
เขาไม่ต้องการให้ทั้งสองคนไปหาหวังเหว่ยตงจริงๆ
ภรรยาจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะหันไปยิ้มให้เซี่ยไห่กับหลินเซี่ย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงประนีประนอมว่า “อย่าไปถือสาสามีดิฉันเลยค่ะ พวกเราไม่ได้ต้องการเงินมากขนาดนั้น”
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดกว่าสามี หล่อนจ้องมองเซี่ยไห่กับหลินเซี่ย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างลองเชิง “พวกคุณจะให้เท่าไหร่ล่ะคะ”
“ห้าร้อยหยวนต่อหมู่ ถ้าพวกคุณคิดว่ายอมรับได้ พวกเราก็จะรังวัดที่ดินกัน”
ภรรยาทำสีหน้าลังเล “มันน้อยไปหน่อยนะ ที่ดินพวกเรามันตั้งหลายหมู่ เสียหายหลายหยวนเลย”
หลินเซี่ยพูดว่า “งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า ฉันเห็นว่าชีวิตพวกคุณลำบาก พวกเราเลยจะเพิ่มให้อีกหน่อยเป็นแปดร้อยหยวนต่อหมู่ ถือว่าเห็นแก่น้าสะใภ้ที่ใจดีคนนี้ ฉันว่าเราค่อนข้างมีวาสนาต่อกัน ถ้าพวกคุณคิดว่ายังขาดทุนก็ไม่เป็นไร พวกเราไปหาเจ้าอื่นก็ได้ ที่ดินแถวนี้มีเยอะแยะไป”
ถ้ากดราคาเหลือห้าร้อยหยวน เธอคงรู้สึกผิดแย่แน่
ในอนาคต ที่ดินพวกนี้มันราคาแพงเหมือนทองคำเลยนะ
“ตกลงๆ”
หลี่เฉวียนยังอยากต่อรองราคาอีก แต่ผู้เป็นภรรยากลัวว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจ จึงรีบตอบตกลงทันที
จากนั้นหลี่เฉวียนก็ไปหาตลับเมตรมา แล้วทุกคนก็ช่วยกันวัดที่ดิน
รวมแล้วได้สามหมู่ครึ่ง
หลินเซี่ยให้เบอร์โทรศัพท์ของเธอแก่หลี่เฉวียน ตอนที่ทั้งสองกำลังจะกลับ ภรรยาเขายังคงไม่วางใจ จึงเอ่ยปากขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ “เอ่อ…พวกคุณให้เงินมัดจำอะไรหน่อยได้ไหม”
ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาไปซื้อที่ดินของฟาร์มไก่ไปแล้วล่ะจะทำอย่างไร?
พวกเขารู้กันหมดแล้วว่าหวังเว่ยตงเจ้าของฟาร์มไก่กำลังเป็นหนี้ท่วมหัว แค่เอาเงินไปให้เขาก็ขายแล้ว
หลินเซี่ยไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่สะใภ้คนนี้จะรอบคอบกว่าที่พวกเขาคิดไว้
สุดท้ายเซี่ยไห่จึงต้องวิ่งออกไปซื้อปากกากับซองจดหมายมา
ปรากฏว่าในกระเป๋าของหลินเซี่ยมีเงินอยู่แค่แปดสิบหยวน เซี่ยไห่จึงต้องควักเนื้อตัวเองจ่ายส่วนที่เหลือไปก่อน
หลังจากจ่ายเงินมัดจำและหลี่เฉวียนเขียนใบเสร็จให้แล้ว พวกเขาก็พากันจากไป
ระหว่างทาง เซี่ยไห่ก็เอาแต่พึมพำ “เห็นไหมล่ะ ฉันว่าแล้ว คนอย่างหลี่เฉวียนน่ะจัดการง่ายที่สุด แค่เอาเงินฟาดหัวก็เรียบร้อย”
หลินเซี่ยฟังแล้วทำเพียงยิ้มรับคำพูดของเซี่ยไห่โดยไม่แสดงความเห็นใดๆ
แม้จะยังไม่เคยพบกับหวังเว่ยตง แต่จากการได้พูดคุยกับแม่ของเขา เธอก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่มีการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
คุณป้าท่านนั้นย้ำอยู่เสมอถึงคำสอนที่ตกทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
ดังนั้น การจะขายที่ดินผืนนี้ออกไปจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
“ถ้าซื้อฟาร์มไก่ไม่ได้ เราก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากที่รกร้างผืนนั้น”
เซี่ยไห่มองหลินเซี่ยด้วยสายตาตำหนิ “เธอนี่ใจร้อนจริงๆ ฉันให้ห้าร้อย พวกนั้นก็ขายให้แน่ๆ แล้ว เธอกลับอุตส่าห์เพิ่มเงินให้อีกตั้งสองร้อยแน่ะ ถ้าจะเปลี่ยนใจตอนนี้ สองร้อยนั่นก็เสียเปล่า”
“ทำไมจะไม่มีประโยชน์ล่ะ” หลินเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าตกลงเรื่องฟาร์มไก่ไม่ได้ เราก็สร้างเป็นโกดังเก็บของ เผื่ออนาคตอาจจะมีอะไรต้องใช้สักหน่อย อีกอย่าง ครอบครัวนั้นเขาก็ลำบาก เพิ่มให้อีกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก”
“เธอนี่ใจดีจริงๆ” เซี่ยไห่เอ่ย “แบบนี้ไปทำการใหญ่อะไรไม่ได้หรอก”
“เราดูที่อื่นก็ได้ คราวหน้าเธอต่อรองไป ฉันจะไม่พูดอะไรเลย”
ยุคนี้ ที่ดินรกร้างไร้ค่าแบบนี้ ใครๆ ก็ขายถ้าให้เงิน
พูดให้ถูกก็คือการโอนสิทธิการใช้ที่ดินมากกว่า
ดังนั้นตอนนี้หากมีเงิน การหาซื้อที่ดินแบบนี้เพิ่มก็ถือเป็นการลงทุนที่ดี
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่แน่ที่ดินทั้งหมดในแถบนี้อาจเป็นของเซี่ยเซี่ยก็ได้นะพี่ไห่
ไหหม่า(海馬)