ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 817 สรรพคุณอันมหัศจรรย์ของน้ำนมแม่
ตอนที่ 817 สรรพคุณอันมหัศจรรย์ของน้ำนมแม่
เห็นเฉินเจียเหออึกอักไม่ยอมพูด หลินเซี่ยจึงไม่ปล่อยโอกาสให้เขาหลบเลี่ยง รอจนเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เข้าไปดักหน้าเขาด้วยท่าทางจริงจัง “คุณรีบพูดสิ พูดเสร็จแล้วค่อยลงไปกินข้าว”
เฉินเจียเหอกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “ที่ตาผมแดงไม่ใช่เพราะอดนอนหรอก แต่โดนแสงเชื่อมเหล็กแยงใส่”
“โอ้”
หลินเซี่ยได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกสงสารจับใจ พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “แล้วทำยังไงดี ต้องหยอดตาไหม ฉันจะไปขอคุณย่าให้ ท่านน่าจะมียาหยอดตา หรือไม่ฉันออกไปซื้อให้ก็ได้”
เฉินเจียเหอตอบกลับ “ผมหยอดจากที่ทำงานแล้ว ได้ผลไม่มาก”
“แล้วจะทำยังไงดี ต้องไปโรงพยาบาลไหม?” หลินเซี่ยเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อมองดูดวงตาของเขาด้วยความเป็นห่วง
โดนแสงเชื่อมเหล็กแยงแบบนี้ ต้องเจ็บมากแน่ๆ
“ผมเคยได้ยินมาว่า…”
เธอถามเขาอย่างหัวเสีย “คุณไปได้ยินอะไรมาอีก? เอาแต่พูดจาวกไปวนมาอยู่ได้ ทำตัวให้มันเป็นผู้เป็นคนหน่อยสิ พูดมาตรงๆ เลยได้ไหม”
“ผมได้ยินมาว่า น้ำนมแม่… ช่วยบรรเทาอาการได้” เฉินเจียเหอถูกเธอตวาดใส่ จึงยอมเปิดปากพูดทั้งที่รู้สึกอับอายอย่างที่สุด
ทันทีที่เขาพูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
“หา?” หลินเซี่ยยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
จากนั้นจึงสังเกตเห็นสายตาของเฉินเจียเหอจ้องมาที่หน้าอกของเธอ
ในตอนนี้เองจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาหมายถึงอะไร
เธอถามย้ำกับเขาว่า “เอาน้ำนมแม่ มาทำเป็นยาหยอดตา?”
เฉินเจียเหอไม่กล้ามองหน้าเธอ ตอบกลับด้วยความลำบากใจ “พวกเขา… พวกเขาพูดแบบนั้น”
วันนี้เขาคลานออกมาจากใต้รถ เพื่อนร่วมงานได้ยินว่าดวงตาของเขาถูกแสงเชื่อมแยง จึงหัวเราะและพูดติดตลกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย พอดีที่บ้านของเขามียาดีๆ อยู่แล้ว
คิดว่าพวกเขาตั้งใจล้อเขาด้วยมุกสัปดน
ต่อมาได้ยินหวังกงพูดว่าน้ำนมแม่สามารถบรรเทาอาการได้จริงๆ ให้เขากลับไปลองหยอดสักหยดสองหยดดู
“ไม่เห็นจะยากเลยนี่?” หลินเซี่ยรีบเลิกเสื้อขึ้นทันที
“ฉันจะหยอดให้นะ เห็นคุณทำตัวลุกลี้ลุกลนแบบนั้น ฉันก็นึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเสียอีก”
ความใจกล้าของหลินเซี่ยกลับทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกอึดอัด
เขารู้ว่ามันง่าย ไม่ใช่ว่าเขาเขินอาย แต่ในฐานะผู้ชายแท้ๆ คนหนึ่ง เขาก็อายเกินกว่าจะพูดออกมา
กลัวภรรยาจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนวิปริต
แย่งแม้กระทั่งอาหารของลูกชาย
“ไปห้องนอนสิ ฉันจะลองหยอดให้สักสองหยด”
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ กินข้าวได้แล้ว”
พอเฉินเจียเหอเปิดประตูออกมา เฉินเจียวั่งก็สังเกตเห็นว่าใบหูของพี่ชายแดงก่ำ เสื้อผ้ายับยู่ยี่
เขาชำเลืองมองเข้าไปด้านใน มองพี่ชายด้วยสายตาเหยียดหยัน เอ่ยเสียงเรียบ “กินข้าวได้แล้ว อย่าให้พวกผู้ใหญ่รอนานเลย ฟ้ายังไม่มืดเลยนะ”
พูดจบก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเดินลงไปข้างล่าง
เฉินเจียเหอ “……..”
วันนี้ทุกคนอยู่พร้อมหน้า ยกเว้นเฉินเจียซิ่งกับภรรยา
ครั้นใกล้กินข้าวเสร็จ หลินเซี่ยก็ประกาศเรื่องที่เธอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนให้ทุกคนฟังอย่างเป็นทางการ
หลินเซี่ยเคยพูดเรื่องนี้ที่บ้านตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ปิดคอร์สฝึกอบรม พอเธอพูดออกมาอย่างเป็นทางการในตอนนี้ ครอบครัวเฉินก็เตรียมใจกันไว้แล้ว
“เซี่ยเซี่ย ดูเหมือนเธอจะมุ่งมั่นกับธุรกิจใหญ่จริง ๆ นะ”
ผู้เฒ่าเฉินแต่ก่อนเป็นคนหัวโบราณ แต่สองปีมานี้ก็ได้เห็นคนหนุ่มสาวล้มลุกคลุกคลานในสนามธุรกิจจนประสบความสำเร็จ
ในทางกลับกัน บริษัทและโรงงานที่เป็นของรัฐวิสาหกิจต่างมีผลประกอบการไม่สู้ดี หลายหน่วยงานสนับสนุนให้พนักงานลาหยุดโดยยังได้เงินเดือน เพื่อไปทำธุรกิจส่วนตัว
เธอเปิดร้านไปหลายร้านแล้ว กระทั่งจัดคอร์สอบรมวิชาชีพไปสองรุ่นแล้ว ค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าวอย่างมั่นคง
ตอนนี้เธอบอกว่าอยากจะเปิดโรงเรียนฝึกอาชีพ พวกเขาจึงไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันแต่อย่างใด
เฉินเจิ้นเจียงคิดเหมือนกับผู้เฒ่าเฉินทุกอย่าง เมื่อได้ยินที่หลินเซี่ยพูด เขาก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“เซี่ยเซี่ย พวกเราขอรับรองว่าเธอไม่ต้องกังวลในเรื่องเอกสารขออนุญาตไป เดี๋ยวฉันจะให้ขั้นตอนดำเนินการกับเธอ เธอเตรียมเอกสารให้ครบก็พอ”
“พ่อคะ มันจะรบกวนงานพ่อหรือเปล่าคะ ถ้าพ่อไม่ว่างก็ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันหาวิธีเอง” หลินเซี่ยรู้จักนิสัยของเฉินเจิ้นเจียงดี เขาเป็นคนที่มีหลักการมาก แทบจะไม่เคยใช้วิธีลัดให้ญาติสนิทมิตรสหายเลย
เฉินเจิ้นเจียงยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก แค่ไม่ผิดหลักการก็พอ พ่อแค่ช่วยถามๆ ให้ เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเปล่า”
“งั้นก็ขอบคุณพ่อมากนะคะ”
เฉินเจียเหอถามเธอ “คิดไว้หรือยังว่าจะสร้างตรงแถวไหน ต้องกำหนดที่ตั้งก่อนนะ”
“ตรงที่ดินว่างเปล่าห่างจากโรงงานแห่งใหม่ของโรงงานผลิตรถยนต์ของคุณไปทางทิศใต้ประมาณหนึ่งกิโลเมตรค่ะ วันนี้อารองกับฉันไปเดินเล่นกันแล้วเห็นเข้าโดยบังเอิญ คิดว่าที่นั่นดูใช้ได้ การเดินทางก็สะดวก ไม่ได้เปลี่ยวอะไรมาก”
“ใช่ๆๆ ฟาร์มนั้นเจอโรคระบาดเลยเจ๊งไปแล้ว วันนี้พวกเราไปหาเจ้าของฟาร์มที่บ้าน เจ้าของหนี้สินเยอะเลยไปอยู่ที่อื่นแล้ว เหลือแต่คนแก่อยู่ที่บ้าน บอกว่าจะเขียนจดหมายไปถามลูกชายเรื่องขายที่ดิน”
หลินเซี่ยพูดต่อ “ส่วนที่ดินรกร้างข้างๆ ฟาร์ม พวกเราซื้อมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะไปเซ็นสัญญา”
ทุกคนในครอบครัวเฉินต่างตกตะลึงกับประสิทธิภาพในการทำงานของหลินเซี่ย
แค่ออกไปข้างนอกแป้บเดียวก็จัดการเรื่องที่ดินเรียบร้อยแล้ว?
เร็วขนาดถึงขั้นเซ็นสัญญาแล้วเหรอ?
เร็วเกินไปแล้ว
เฉินเจิ้นเจียงค่อนข้างหัวโบราณ ถึงจะชื่นชมในความสามารถและการตัดสินใจของหลินเซี่ยกับเซี่ยไห่ แต่เขาก็กลัวว่าพวกเขาจะร้อนวิชาเกินไป ตัดสินใจอะไรโดยไม่ทันคิดให้ถี่ถ้วนแล้วจะมานั่งเสียใจภายหลัง
เขาถามด้วยรอยยิ้ม “เซี่ยเซี่ย เรื่องเลือกทำเลมันเป็นเรื่องใหญ่ ไม่คิดจะไปดูที่ดินผืนอื่นหน่อยเหรอ?”
หลินเซี่ยอธิบาย “พ่อ ฉันเดินดูรอบๆ แล้วค่ะ รู้สึกว่าแถวโรงงานรถยนต์ดูดีที่สุด ต่อให้คุยกันไม่ลงตัว สร้างโรงเรียนไม่ได้ ที่ดินรกร้างผืนนั้นก็ทำอย่างอื่นได้ ไม่ได้ปล่อยทิ้งให้เปล่าประโยชน์ ตอนนี้ที่ดินยังมีราคาถูก แต่ถ้าปล่อยไว้สักสองสามปีจนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นที่นิยม ที่ดินแถวโรงงานรถยนต์นั่นจะกลายเป็นทองคำ จะซื้อก็ซื้อไม่ไหวแล้ว ดังนั้นในตอนที่ฉันยังพอมีเงินก็เลยอยากจะกว้านซื้อเก็บไว้น่ะค่ะ”
หลินเซี่ยพูด “ฉันซื้อมาเพราะมันมีประโยชน์น่ะค่ะ”
หลินเซี่ยซื้อที่ดินไปแล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นที่แน่นอน ฟังจากน้ำเสียงของหลินเซี่ยแล้วก็ดูเหมือนเธอจะรีบร้อนมาก อยากจะลงมือทำเดี๋ยวนี้เลย
การสร้างโรงเรียนเป็นงานช้าง ตั้งแต่การก่อสร้างในช่วงแรกไปจนถึงการขออนุมัติ การประชาสัมพันธ์ การรับสมัครนักเรียน ล้วนต้องใช้เงินทุนและบุคลากรจำนวนมาก
แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะทำแล้ว คนในครอบครัวก็ต้องช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้
“เรื่องเงินทุนล่ะ?” เฉินเจิ้นเจียงกล่าว “ถ้าเงินทุนไม่พอ ฉันช่วยถามทางธนาคารในเรื่องกู้ยืมได้นะ”
เฉินเจิ้นเจียงในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐก็มีความเข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาสังคมในปัจจุบันเช่นกัน
การออกไปทำธุรกิจ เปิดบริษัท ตั้งโรงงาน จะเป็นแนวโน้มในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เมืองไห่เฉิงมีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทั้งหมดเป็นสถานศึกษาของรัฐ นักศึกษาที่จบออกมาต่างก็ได้รับการจัดสรรงาน
แต่เขาได้ยินจากเอกสารประกาศของทางการว่าอีกไม่นานนี้นักศึกษาหลักสูตรสามัญจะไม่ได้รับการจัดสรรงานอีกต่อไป
เมื่อถึงเวลานั้น โรงเรียนอาชีวะจะเฟื่องฟู เยาวชนในชนบทที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้และออกมาเรียนวิชาชีพจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
เมืองไห่เฉิงยังมีโรงเรียนสอนวิชาชีพเอกชนแบบนี้อยู่ไม่กี่แห่ง อย่างน้อยก็ยังไม่มีโรงเรียนขนาดใหญ่และจดทะเบียนอย่างถูกต้อง
ถ้าหลินเซี่ยมีความกล้าที่จะเปิดโรงเรียนสักแห่ง ในอนาคตก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการรับนักเรียนเลย และจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างแน่นอน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ เรื่องจริงหรือจ้อจี้คะเนี่ย เอาน้ำนมแม่มาหยอดตาแก้ระคายเคืองแบบนี้มันจะดีเหรอ?
ไหหม่า(海馬)