ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 818 ได้รับการสนับสนุนจากคนในครอบครัว
ตอนที่ 818 ได้รับการสนับสนุนจากคนในครอบครัว
เห็นเฉินเจิ้นเจียงกระตือรือร้นที่จะช่วยเรื่องเงินกู้ หลินเซี่ยก็กล่าวขอบคุณ “พ่อคะ เรื่องเงินยังไม่ต้องรีบร้อนค่ะ ฉันเพิ่งยืมเงินอาหญิงไปลงทุนกับเถ้าแก่อู๋เป็นจำนวนสามแสนหยวน ตอนนี้โครงการอาคารสำนักงานที่เซินเจิ้นสร้างเสร็จแล้ว อีกไม่นานฉันกับอารองก็จะได้เงินปันผล แล้วก็คิดว่าจะยังไม่คืนเงินคุณอาในตอนนี้ จะเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนกับโรงเรียนก่อนแล้วค่อยคืนหล่อนทีหลังค่ะ”
“ได้ ถ้าจำเป็นก็บอกพ่อนะ”
ผู้เฒ่าเฉินอายุมากแล้ว ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องธุรกิจของหนุ่มสาวนัก จึงบอกลูกชายว่า “เจิ้นเจียง งั้นแกช่วยจัดการเรื่องเอกสารขั้นตอนต่างๆ ให้เรียบร้อยแล้วกัน บอกขั้นตอนดำเนินการกับเซี่ยเซี่ยไปซะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ”
“ครับพ่อ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ”
เฉินเจียเหอก็เสริมขึ้นว่าวันหลังเขาจะไปดูที่ดินกับหลินเซี่ยเช่นกัน
ส่วนเฉินเจียวั่งไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงกินข้าวเงียบๆ แต่แววตาที่มองหลินเซี่ยแฝงไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนยากที่จะคาดเดา
แม้แต่ความไม่อยากจะเชื่อ
หลินเซี่ยกำลังจะเปิดโรงเรียนแล้ว
หลินเซี่ยได้รับการสนับสนุนจากเฉินเจิ้นเจียงและผู้เฒ่าเฉิน จึงรู้สึกอุ่นใจอย่างมาก
แม้พวกเขาจะไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องเงินทุนได้ แต่เรื่องเส้นสายแล้ว พวกเขาไม่เป็นสองรองใคร
เธอไม่ได้กังวลเรื่องเงินทุน แต่กังวลเรื่องขั้นตอนดำเนินการอันแสนวุ่นวายต่าง ๆ
อีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าตัวเองมีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่
และไม่รู้ว่าทีมครูผู้สอนที่เธอหามาได้นั้นจะได้มาตรฐานหรือเปล่า
คุณปู่บอกไว้ว่าหากเงินทุนช่วงหลังไม่เพียงพอ เขาจะช่วยขอสินเชื่อให้เอง
ตอนนี้เธอมีฝ่ายสนับสนุนดีขนาดนี้แล้ว สิ่งที่ทำได้ก็คือลงมือลงแรงทำงานอย่างเต็มที่
พอกลับมาถึงบ้าน หลินเซี่ยก็รีบพาเฉินเจียเหอไปนอน เธอนั่งข้าง ๆ คอยตรวจดูดวงตาของเขา “เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยังคะ”
“แสบตาน้อยลงแล้ว”
เฉินเจียเหอกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดว่า “หยอดอีกสองหยดเถอะ”
เสี่ยวหู่เห็นแม่กำลังเปิดเสื้อก็นึกว่าแม่จะให้นม เลยโบกไม้โบกมือเข้ามาหา แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมีคนมาขวางไว้เสียก่อน
เขาร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที
หลินเซี่ยได้ยินเสียงลูกชายร้องไห้ เธอจึงผลักเฉินเจียเหอออกอย่างแรง และเทนมลงในถ้วยใบเล็กๆ สองสามหยดยื่นให้เฉินเจียเหอ ก่อนรีบไปปลอบลูกชาย
เฉินเจียเหอ “… … ”
หลังจากป้อนนมและกล่อมลูกชายจนหลับ เธอจึงมีเวลาดูแลดวงตาของเฉินเจียเหอ
“เป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นหรือยัง?”
เฉินเจียเหอหลับตาพักสายตา พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “แสบร้อน รู้สึกไม่สบายจริงๆ”
หลินเซี่ยใช้นิ้วถ่างตาของเขาออกและตรวจดู
เฉินเจียเหอแกล้งทำเป็นดึงเธอเข้าไปกอด
“แค่คุณกอดผมหน่อยก็หายแล้ว”
เฉินเจียเหอกอดเธอไว้ในอ้อมแขน หายใจเข้าลึกๆ “วันนี้ผมยุ่งจริงๆ ไม่มีเวลาช่วยคุณดูแลเรื่องเปิดโรงเรียนเลย”
หลินเซี่ยตอบกลับ “ไม่เป็นไร คุณทำงานของคุณไปเถอะ ฉันทำของฉันเอง ฉันมีอารองช่วยอยู่ ฉันไม่ต้องการคุณหรอก”
เฉินเจียเหอยังคงหวังว่าเขาจะทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของหลินเซี่ย จึงพูดกับเธอว่า “คุณจดรายการสิ่งที่ต้องทำออกมาสิ อะไรที่ผมช่วยได้ผมก็จะทำให้ ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาเลิกงานที่มีอย่างจำกัดช่วยอะไรคุณได้บ้าง”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ช่วงหลังฉันต้องขอให้คุณช่วยแน่นอน”
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย เขาก็ปัดจมูกเธอแล้วพูดว่า “เป็นสามีภรรยากันแล้ว จะพูดว่าช่วยได้ยังไง”
“ต่อไปมีเรื่องให้คุณช่วยอีกเยอะแยะแน่ ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ เดี๋ยวได้ช่วยจนเอือมเลยแหละ”
หลินเซี่ยนึกถึงเรื่องที่อยากจะขอให้เฉินเจียเหอช่วย ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง
ต่อไปโรงเรียนของเธอจะเปิดสอนวิชาชีพซ่อมเชื่อมโลหะ นักเรียนที่จบการศึกษาแล้วต้องหางานทำ
โรงงานผลิตรถยนต์ไม่ใช่ที่ทำงานที่เหมาะสมที่สุดเหรอ?
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความคิดของเธอในตอนนี้
ในภายภาคหน้า นักเรียนที่จบจากโรงเรียนของเธออาจจะกลายเป็นบุคลากรที่โรงงานใหญ่ๆ แย่งกันจ้างก็เป็นได้
ครั้งนี้เธอเสนอเรื่องการเปิดโรงเรียน และได้รับความเห็นชอบและการสนับสนุนเป็นเอกฉันท์จากครอบครัวเฉิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
เดิมทีเธอคิดว่าหลังจากบอกความคิดนี้ออกไป อย่างน้อยเฉินเจิ้นเจียงก็คงจะไม่กระตือรือร้นขนาดนั้น
เขาอาจจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของคนรุ่นหลัง แค่สงวนท่าทีไว้ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะอาสาช่วยสอบถามเรื่องขั้นตอนต่างๆ ให้ และยังจะช่วยจัดการเรื่องเงินกู้ให้อีก
มันทำให้เธอประหลาดใจจริงๆ
นี่แสดงให้เห็นว่าความสามารถของเธอได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่จากพวกเขาแล้ว
คนรุ่นพวกเขาก็มองเห็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของสังคมแล้วเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้มองนักธุรกิจด้วยสายตาดูถูกอีกต่อไป ความรู้สึกเหนือกว่าของผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ถูกความเป็นจริงขัดเกลาไปแล้ว
เหมือนกับโจวลี่หรงผู้ตระหนักถึงความจริงอันโหดร้ายที่ว่ายุคสมัยของพวกเขาได้ผ่านพ้นไปแล้ว หล่อนถึงจะวางอัตตาของตัวเองลงได้จริงๆ และคิดหาวิธีที่จะเข้าไปอยู่ในหมู่คนหนุ่มสาวอย่างจริงจัง
พวกเขาทุกคนล้วนตระหนักรู้กันดีมาก เพียงแค่เข้าใจเหตุผลขึ้นมา ก็จะเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเจียเหอต้องไปทำงาน หลินเซี่ยจึงตื่นพร้อมกับเขา
เฉินเจียเหอบอกว่าอาการเคืองตาดีขึ้นมากแล้ว จึงให้หลินเซี่ยหยอดน้ำนมแม่ให้สองสามหยด
วิธีบ้านๆ นี้ได้ผลดีจริงๆ
ตอนที่เฉินเจียเหอสวมเสื้อผ้าเสร็จกำลังจะออกไปข้างนอก เขาก็หันไปกำชับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย คุณจะไปเซ็นสัญญากับครอบครัวนั้นเมื่อไหร่? ถ้ามันไม่ไกลจากที่ทำงานของผม ตอนเที่ยงผมมีเวลาว่างหนึ่งชั่วโมงไปเป็นเพื่อนคุณได้นะ”
หลินเซี่ยปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ไม่ต้องๆ ฉันจะไปกับอารอง คุณตั้งใจทำงานไปเถอะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้คุณไม่ต้องกังวลหรอก ตอนเที่ยงคุณพักผ่อนให้เต็มที่ พวกเราจะเดินไปกันเอง”
เธอรู้ว่าโรงงานของเฉินเจียเหอตอนนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่จริงตั้งแต่ที่โรงงานผลิตรถยนต์ของพวกเขาตัดสินใจวิจัยและผลิตขบวนรถไฟแบบใหม่ด้วยตัวเอง ทุกวันก็นับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ถ้าเฉินเจียเหอไม่มีเธอและลูก เขาคงจะพักอาศัยอยู่ในโรงงานเหมือนกับเพื่อนร่วมงานที่มาจากต่างถิ่น ประหยัดเวลาพักผ่อนทั้งหมด ทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่
ในเมื่อตอนนี้เขามีครอบครัวแล้ว และเป็นห่วงเธอและลูก ดังนั้นนอกจากเลิกงานดึกมากจริงๆ เขาจะพยายามหาทางกลับบ้านให้ได้
“ไม่อยากให้ผมไปเป็นเพื่อนเหรอ?” เฉินเจียเหอพูด “ถ้าอย่างนั้นคุณห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด ต้องไปกับอารอง ถ้าเขาไม่ว่าง ก็โทรหาผมที่ทำงานตอนเที่ยงแล้ว ผมจะหาเวลาออกไปเป็นเพื่อนคุณเอง”
หลินเซี่ยรีบเก็บของเสร็จแล้วพูดว่า “ตกลง ฉันรู้แล้ว คุณรีบไปทำงานเถอะ เช้านี้ฉันจะกลับบ้านเราไปพิมพ์สัญญา”
หลังจากที่หลินเซี่ยเปิดคอร์สอบรม เธอก็ติดตั้งคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์นำเข้าไว้ที่บ้านเพื่อความสะดวกในการพิมพ์เอกสารที่จำเป็นสำหรับคอร์สอบรม
ในสายตาของหลินเยี่ยนและหยางหงเสีย เธอเป็นเหมือนผู้หญิงที่ทำได้ทุกอย่าง
เฉินเจียเหอไม่ได้กินอาหารเช้าที่บ้าน และออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ามืด
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มีคนในครอบครัวเป็นคนมีเส้นสายมันก็ภาษีดีแบบนี้นี่เอง
พี่เหอติดใจวิธีรักษาอาการเคืองตาแบบนี้เหรอคะ
ไหหม่า(海馬)