ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 820 ฮวงจุ้ยของบ้านพวกเขาไม่สามารถสร้างสุสานได้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 820 ฮวงจุ้ยของบ้านพวกเขาไม่สามารถสร้างสุสานได้
ตอนที่ 820 ฮวงจุ้ยของบ้านพวกเขาไม่สามารถสร้างสุสานได้
เซี่ยไห่ตรวจสอบสัญญาของหลินเซี่ยอีกครั้งเพื่อความถูกต้อง หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกเดินทางไปที่บ้านของหลี่เฉวียน
เมื่อไปถึงหน้าบ้านของหลี่เฉวียน ก็เห็นหลี่เฉวียนยืนมองอยู่ที่หน้าประตู
หลี่เฉวียนเห็นรถของเซี่ยไห่แล่นมาจอด เขาก็วิ่งมาทักทายด้วยรอยยิ้ม
เห็นความกระตือรือร้นของหลี่เฉวียนแล้ว เซี่ยไห่กับหลินเซี่ยต่างมองหน้ากัน รับรู้ว่าวันนี้น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี
“พี่หลี่ อากาศหนาวแบบนี้มายืนทำอะไรที่หน้าประตูครับ” เซี่ยไห่ลงจากรถ มองชายสวมหมวกไหมพรมและเสื้อแจ็กเก็ตสีดำตรงหน้าพร้อมกับถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมเพิ่งกินข้าวเสร็จ เลยออกมาเดินย่อยสักหน่อย”
หลี่เฉวียนเชิญพวกเขาเข้าไปในบ้านอย่างกระตือรือร้น
ภรรยาของหลี่เฉวียนรีบลุกขึ้นยืน พูดด้วยความกระตือรือร้นว่าจะไปทำบะหมี่ให้พวกเขากิน
หลินเซี่ยกล่าว “คุณป้าคะ พวกเราไม่กินแล้วค่ะ พวกเรากินข้าวมาแล้ว”
เขาเติมถ่านหินลงในเตาผิง แล้วบอกให้หลินเซี่ยกับเซี่ยไห่นั่งผิงไฟ
“เถ้าแก่เซี่ย คุณเอาสัญญามาแล้วใช่ไหมครับ” หลี่เฉวียนถามพร้อมกับยิ้ม
“ครับ เอามาแล้ว”
หลินเซี่ยหยิบเอกสารสัญญาจากในกระเป๋า ยื่นให้หลี่เฉวียน
“ลุงหลี่ หลังจากพวกเราเซ็นสัญญากันเรียบร้อย เราก็จะจ่ายค่ามัดจำให้ ลุงต้องมอบโฉนดที่ดินให้กับพวกเรา และต้องให้ความร่วมมือกับพวกเราในการเปลี่ยนแปลงสิทธิการใช้ที่ดินด้วยนะคะ”
“วางใจได้ ไม่มีปัญหา”
หลี่เฉวียนรับสัญญามาอ่านอย่างละเอียด
แม้ว่าหลี่เฉวียนจะอ่านออกเขียนได้ แต่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจศัพท์เฉพาะทางบางคำ
เขาจึงระมัดระวังตัว และขอให้หลินเซี่ยอธิบายให้เขาฟังทีละข้อ
ข้อตกลงในสัญญานั้นไม่ได้มีอะไรมากมายนัก
ในข้อตกลงก็ได้ระบุข้อผูกมัดของแต่ละฝ่ายเอาไว้ชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่นฝั่งของหลินเซี่ยจะต้องชำระเงิน และหากไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินผืนนี้ในภายหลังจะไม่สามารถเรียกร้องเงินคืนได้ ส่วนทางฝั่งลุงหลี่เมื่อรับเงินไปแล้วจะไม่สามารถขัดขวางหรือเรียกร้องค่าตอบแทนเพิ่มเติมได้ในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการพัฒนาที่ดิน
เมื่อสัญญามีผลบังคับใช้ พวกเขาก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับที่ดินผืนนี้อีกต่อไป
ลุงหลี่อ่านข้อความตรงนี้ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามหลินเซี่ยว่า “คุณหลิน ที่พวกคุณบอกว่าจะสร้างโกดังเก็บของนี่ จะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงหรือเปล่า?”
มิเช่นนั้นแล้ว เหตุใดจึงต้องระบุข้อความเช่นนี้ลงไปในตอนท้าย?
หลินเซี่ยตอบกลับ “ลุงหลี่คะ ในเมื่อตกลงขายที่ดินผืนนี้ให้กับพวกเราแล้ว ไม่ว่าฉันจะสร้างอะไรมันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทางคุณแล้ว นี่เป็นข้อความที่ระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน หากคุณคิดว่ายอมรับสัญญาข้อนี้ไม่ได้ พวกเราก็คงต้องมาเจรจากันใหม่”
ลุงหลี่จุดบุหรี่สูบ พลางยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “โดยปกติแล้วพวกเธอจะสร้างอะไรฉันก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปก้าวก่ายอยู่แล้ว เพราะมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน แต่ถ้าเกิดพวกเธอจะสร้างสุสานฝังศพขึ้นมาล่ะ?”
หลินเซี่ย “!!!”
หลี่เฉวียนมองพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แสดงจุดยืนชัดเจน “แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถึงจะขายที่ดินผืนนี้ให้พวกคุณแล้ว แต่มันก็ยังเกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยของบ้านผมอยู่ ถ้าพวกคุณจะสร้างสุสาน ขอบอกเลยว่าไม่ได้”
เขาชี้ไปที่ข้อความท้ายสัญญาแล้วหันไปบอกกับหลินเซี่ยว่า “คุณต้องเพิ่มข้อความเข้าไปด้วยว่า ‘ห้ามสร้างสุสานหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เป็นมงคลบนที่ดินผืนนี้’”
หลินเซี่ยตอบตกลง เธอยิ้มแล้วถามว่า “นอกจากสุสานแล้ว มีอะไรอีกบ้างคะที่คุณรับไม่ได้”
หลี่เฉวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “น่าจะไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
หลินเซี่ยเห็นทัศนคติที่ค่อนข้างงมงายของหลี่เฉวียน เธอก็นึกไม่ออกว่านอกจากสุสานแล้วจะมีสิ่งปลูกสร้างอะไรที่ไม่เป็นมงคลอีก เพราะกลัวว่าหลี่เฉวียนจะมาเล่นแง่กับคำว่า ‘ไม่เป็นมงคล’ ในภายหลัง
หลินเซี่ยวางสัญญาวางลงบนโต๊ะ แล้วพูดว่า “งั้นก็ตกลงค่ะ คุณลองกลับไปคิดดูอีกทีก็ได้ค่ะว่ามีอะไรที่ต้องเพิ่มเติมอีกไหม เขียนมาให้ครบในครั้งเดียวเลย สัญญานี้เราค่อยมาเซ็นกันวันหลังก็ได้ ฉันไม่รีบค่ะ”
หลินเซี่ยวางสัญญาไว้ตรงหน้าหลี่เฉวียนอย่างใจเย็นและเปิดโอกาสให้เขาเพิ่มเติม รวมถึงให้เวลาเขาได้คิดอย่างเต็มที่
ภรรยาของหลี่เฉวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องคิดแล้วค่ะ พวกเราไม่มีข้อเรียกร้องอะไรแล้ว ที่ดินขายให้พวกคุณแล้วก็เป็นของพวกคุณ พูดตามตรงพวกเราก็ไม่ควรจะเรียกร้องอะไรแล้ว แต่เพื่อลูกหลานของพวกเรา พวกคุณจะสร้างสุสานไม่ได้เด็ดขาด นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ พวกเรามาเซ็นสัญญากันเถอะ”
ภรรยาของหลี่เฉวียนจ้องมองเขาอย่างตำหนิที่เรื่องมาก
แค่ห้ามสร้างสุสานข้อเดียวก็พอแล้ว
อีกอย่างที่ดินก็ขายไปแล้ว พวกเขายังมาเรื่องมากแบบนี้อีก ถ้าเกิดอีกฝ่ายรำคาญแล้วไม่กลับมาอีกจะทำอย่างไร?
หลี่เฉวียนคิดไปคิดมาก็เห็นด้วย นอกจากเรื่องสุสานที่ไม่เป็นมงคลแล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว
ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะเซ็นสัญญาเร็ว ๆ นี้และรับเงินไป
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงครับ ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว ก็รบกวนขอบัตรประชาชนหน่อย พวกเราจะได้เซ็นชื่อกัน จากนั้นก็ไปทำเรื่องเปลี่ยนแปลงสิทธิการใช้ที่ดิน ต่อไปพวกเราจะเอาเงินที่เหลือให้คุณครับ”
เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นไปอย่างราบรื่น ใช้เวลาเพียงสองวัน ที่ดินผืนนี้ก็ตกเป็นของหลินเซี่ย
หลังดำเนินการเสร็จสิ้น หลินเซี่ยกับเซี่ยไห่ก็ไปเยี่ยมบ้านของหวังเว่ยตงที่ตรอกเหอผิงอีกครั้ง เพื่อสอบถามว่าคุณยายได้เขียนจดหมายถึงลูกชายของนางหรือไม่
คราวนี้หลินเซี่ยไม่ได้มาตัวเปล่า เธอซื้อข้าวสารมาถุงใหญ่และผักอีกจำนวนหนึ่งมาฝากคุณยาย
คุณยายเห็นพวกเขายกของมาให้ก็พยายามปฏิเสธ บอกว่าตอนที่พวกเขากลับไปให้เอาติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
หลินเซี่ยบอกว่านี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ้านของเธอก็มีผู้สูงอายุเหมือนกัน พอเห็นคุณยายเธอก็รู้สึกสนิทใจ
เขารู้สึกใจหายนิดหน่อย
คุณยายอายุมากแล้ว เดินเหินก็ไม่ค่อยสะดวกจนต้องใช้ไม้เท้าค้ำ แถมยังอยู่ตัวคนเดียว ช่างน่าสงสารนัก
คุณยายหวังได้ยินเซี่ยไห่พูดเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “หนุ่มน้อยอย่างเธอจะมีแม่อายุเท่าฉันได้ยังไง”
เซี่ยไห่อธิบาย “ผมเป็นลูกคนเล็กครับ พี่ชายผมอายุสี่สิบกว่าแล้ว หลินเซี่ยเป็นหลานสาวผม ส่วนตัวผมก็ไม่เด็กแล้วนะครับ อายุสามสิบกว่าแล้ว”
“จริงเหรอ” คุณยายมองเซี่ยไห่ด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าเขาอายุสามสิบกว่าแล้ว “ฉันนึกว่าเธอเพิ่งจะยี่สิบต้น ๆ ซะอีก ดูแล้วยังหนุ่มยังแน่น ดูอ่อนกว่าวัยมาก”
เซี่ยไห่โดนชม ก็อดไม่ได้ที่จะลูบผมตัวเองด้วยความภูมิใจ
ใครจะไม่ชอบถูกชมว่าอายุยังน้อยล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังถูกชมว่าอ่อนวัยกว่าอายุจริงถึงสิบปี
หลินเซี่ยมองเซี่ยไห่ที่กำลังปลื้มปริ่ม แล้วกลอกตามองบนอย่างเอือมระอา
เธอประคองหญิงชราให้นั่งลง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
คุณยายหวังตอบ “เขียนแล้วจ้ะ วันนั้นหลังจากที่พวกเธอไป ยายก็เขียนจดหมายแล้วก็ส่งไปรษณีย์ไปแล้ว ยายส่งแบบลงทะเบียน ประมาณสามวันก็น่าจะได้รับ อีกไม่กี่วันจดหมายของเขาก็น่าจะส่งมาถึงแล้ว”
หลังจากที่มีเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์แล้ว เซี่ยไห่ที่ไม่ค่อยได้ใช้จดหมายในการติดต่อสื่อสารก็ยังรู้สึกว่าการรอจดหมายไปกลับนานเป็นสัปดาห์นั้นช่างยาวนานยิ่งนัก
ประเด็นคือตอนนี้ยังไม่รู้ความคิดของหวังเว่ยตงเลย ถ้าทางนั้นตอบจดหมายกลับมาว่าไม่เห็นด้วย ก็เท่ากับว่าเขาต้องเสียเวลาไปเกือบสิบวันฟรีๆ
เขาถามหญิงชราว่า “พี่ใหญ่เว่ยตงมีเพจเจอร์หรืออะไรทำนองนั้นไหมครับ? หรือพอจะมีเบอร์โทรศัพท์ที่ทำงานของเขาที่นั่นหรือเปล่า?”
แม่ผู้แก่ชราอยู่บ้านคนเดียว ถ้าเขาเป็นลูกกตัญญู ก็ควรจะมีช่องทางติดต่อฉุกเฉินบ้าง
ต้องให้คุณยายสามารถติดต่อเขาได้ในกรณีฉุกเฉิน
เหมือนกับตัวเขาเองในสมัยก่อน ตอนอยู่ในกองทัพก็จะให้เบอร์โทรศัพท์ห้องเวรของกองทัพไว้กับแม่
ต่อมาเมื่อออกไปผจญภัยในสังคม ทุกที่ที่ไป เขาจะบอกเบอร์โทรศัพท์สาธารณะในร้านค้าให้แม่ และจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของร้าน เพื่อให้แน่ใจว่าครอบครัวจะสามารถติดต่อเขาได้เมื่อมีเรื่องด่วน
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ คุณยายหวังครุ่นคิดอย่างจริงจังสักพัก ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย มองไปที่เซี่ยไห่ “พอเธอพูดมาฉันก็นึกออกแล้ว เหมือนจะมีเบอร์โทรศัพท์ของที่นั่นจริงๆ เขาบอกว่าเป็นของผู้นำคนไหนสักคน ถ้าฉันมีธุระด่วนก็ให้โทรเบอร์นี้ ให้ผู้นำเรียกเขา ปกติไม่ควรโทรถ้าไม่จำเป็น”
ดูเหมือนว่าหวังเว่ยตงก็เป็นลูกกตัญญูเช่นกัน
มีเบอร์โทรศัพท์ก็นับว่าสะดวกขึ้นมาก
สามารถติดต่อได้ทันที
“งั้นรบกวนคุณหาเบอร์นั้นให้หน่อยนะครับ ผมจะโทรไปถามดู”
คุณยายหวังยังคงลังเล ด้วยรู้ว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่ลูกชายทิ้งไว้ให้เผื่อยามจำเป็น
แต่นางไม่เคยลงมือกดโทรออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ต่อให้มีคนมาทวงหนี้ที่บ้านมากมาย นางก็ไม่เคยลงมือ
นางไม่อยากให้ลูกชายต้องกังวล และไม่อยากรบกวนหัวหน้าของเขา กลัวว่าหัวหน้าจะรำคาญที่ลูกชายนางมีเรื่องมาก
กลัวว่าจะมีผลกระทบต่องาน
หลินเซี่ยเห็นท่าทางลังเลของหญิงชรา จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณยาย ไม่ต้องกังวลนะคะ พวกเราจะไม่รบกวนเวลาทำงานของเขา ตอนนี้เที่ยงแล้ว เป็นเวลาพัก พวกเราลองโทรไปหาได้ คุณยายเองก็คงอยากเจอลูกชาย อยากได้ยินเสียงเขา นี่เป็นโอกาสดีแล้วค่ะ”
ในที่สุดหลินเซี่ยก็พูดจนคุณยายหวังยอมตกลง หญิงชราหยิบสมุดโทรศัพท์เก่าๆ ออกมาจากลิ้นชักที่ล็อคไว้ ข้างในมีเบอร์โทรศัพท์อยู่แค่สองเบอร์
นางชี้ไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่มีคำว่า “เจ้านาย” เขียนไว้ข้างๆ “เบอร์นี้แหละ”
เซี่ยไห่กดโทรศัพท์ออกไป ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายดังทุ้ม เซี่ยไห่จึงบอกว่าต้องการขอสายหวังเว่ยตง อีกฝ่ายบอกให้รอสักครู่ เขาจะไปตามให้
ห้านาทีต่อมา เซี่ยไห่ก็โทรกลับไปอีกครั้ง
ส่งโทรศัพท์ให้คุณยายหวัง
คุณยายหวังรับสายด้วยเสียงสั่น รอคอยการตอบรับจากปลายสายด้วยความตื่นเต้นและกังวล
ไม่นานก็ได้ยินเสียงเร่งร้อนของหวังเว่ยตงดังมา
“แม่ครับ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ? แม่ไม่สบายหรือเปล่า?”
“ลูกเอ๋ย แม่ไม่เป็นไรหรอก”
“แม่ครับ แม่ไม่สบายใช่ไหมครับ?”
พอคุณยายหวังได้ยินเสียงลูกชาย น้ำตาก็ไหลพราก เอาแต่สะอึกสะอื้นพูดอะไรไม่ออก
“เถ้าแก่เซี่ย คุณพูดเถอะ” คุณยายหวังส่งโทรศัพท์ให้เซี่ยไห่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้ที่ดินไปผืนหนึ่งแล้ว เหลืออีกผืนที่ต้องเจรจากับหวังเว่ยตงนี่แหละ
ทางหวังเว่ยตงจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่าน้า
ไหหม่า(海馬)