ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 822 แม่บุญธรรมคนปัจจุบัน
ตอนที่ 822 แม่บุญธรรมคนปัจจุบัน
เสี่ยวจางได้ยินดังนั้น จึงรีบหันไปบอกกับลูกน้องสองคนทันทีว่า “พวกแกสองคนเฝ้าไว้ตรงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูแลคนไว้ให้ดี ฉันจะไปแจ้งเจ้านาย”
พูดจบ เสี่ยวจางก็วิ่งออกไปที่ประตู ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างรวดเร็ว
คุณยายหวังไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเซี่ยไห่กับหลินเซี่ยจะใช้หนี้แทนหวังเว่ยตงลูกชายของนาง
ตอนนี้พวกเขาพูดออกไปแล้ว คนสองคนนั้นจึงยืนขวางอยู่ที่ประตู ไม่ยอมให้พวกเขาออกไปไหน
คุณยายหวังร้อนใจจนต้องใช้ไม้เท้าพยุงกายเดินวนไปวนมา “เสี่ยวเซี่ย เสี่ยวหลิน พวกเธอช่วยพูดกับพวกเขาหน่อยเถอะ เงินจำนวนนี้พวกเธอไม่ควรเป็นคนจ่าย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเธอเลย พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ถ้าพวกเขายังไม่ยอมให้พวกเธอกลับ พวกเธอก็โทรหาครอบครัว ให้พวกเขาแจ้งตำรวจเถอะ ตำรวจต้องพาพวกคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย”
“คุณน้า พวกเราอยากช่วยพวกคุณจริงๆ”
เซี่ยไห่พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “คุณอายุรุ่นราวคราวแม่ของผม ผมเห็นคุณถูกเจ้าหนี้ข่มเหงแบบนี้ ผมทนไม่ไหว แม้ในอนาคตพวกเราจะไม่ได้ทำธุรกิจกันก็ไม่เป็นไร รอให้ลูกชายของคุณกลับมาแล้วค่อยคืนเงินให้พวกเราก็พอ”
คำพูดที่จริงใจของเซี่ยไห่ ทำให้คุณยายหวังซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
วันนี้คนแปลกหน้าสองคนนี้กลับยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพียงเพราะสงสารนาง
แต่ในขณะเดียวกัน ความกังวลในใจของคุณยายหวังก็ยังไม่หายไป
ถ้าให้พวกเซี่ยไห่ช่วยจ่ายหนี้ แล้วถ้าพวกเขาใช้วิธีจำนองที่ดินเพื่อแก้ปัญหาล่ะจะทำอย่างไร?
แม้พวกเขาจะไม่มีความคิดอื่นใด เพียงช่วยเหลือด้วยความหวังดี คุณยายหวังก็ยิ่งไม่อยากรับความช่วยเหลือ “เสี่ยวเซี่ย ฉันรับรู้น้ำใจของพวกเธอแล้ว เรื่องนี้พวกเธอไม่ต้องยุ่ง พวกเขาคงไม่กล้าทำอะไรยายแก่อย่างฉันหรอก เดี๋ยวเจ้าของโรงงานอาหารสัตว์มาแล้วฉันจะคุยกับเขาอีกที ขอให้เขาผ่อนผันให้อีกสักสองสามเดือน”
เซี่ยไห่มองคุณยายหวังด้วยสีหน้าจริงจังและพูดถึงความจริงอันโหดร้าย “น้าหวัง เมื่อกี้คุณน่าจะได้ยินทางโทรศัพท์แล้ว ลูกชายของคุณคงกำลังทำงานหนักในไซต์ก่อสร้าง คนงานในไซต์ก่อสร้างทำงานทั้งเดือนไม่มีวันหยุด ได้เงินอย่างมากก็แค่ร้อยกว่าหยวน เงินจำนวนนี้ต่อให้เขากลับมาตอนสิ้นปีก็ไม่มีทางจ่ายคืนได้หรอก”
มือของคุณยายหวังที่ถือไม้เท้าสั่นเทาเพราะคำพูดของเซี่ยไห่
หัวใจที่กำลังลอยถึงกับดิ่งวูบ
เซี่ยไห่มองคุณยายหวังด้วยสีหน้าจริงจังมากและพูดต่อว่า “พวกเราจะจ่ายเงินให้ก่อน หลังจากนี้รอให้เขากลับมาก็ค่อยๆ จ่ายคืนพวกเรา ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนรักษาคำพูดมาก คงไม่เบี้ยวหนี้หรอก และแน่นอนว่าตอนนี้เป็นสังคมที่มีกฎหมาย ผิดนัดชำระไม่ได้อยู่แล้ว”
เจ้าของโรงงานอาหารสัตว์เป็นผู้ชายที่ดูอายุราวๆ 40 ปี เขาสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำคอเสื้อแบบเหมา ใต้รักแร้หนีบกระเป๋าเอกสาร มือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ ผมบางๆ หวีไปด้านหลัง ดูเป็นคนพิถีพิถัน
มีลักษณะเฉพาะตัวของเจ้าของกิจการ
เดิมทีเขาไม่เชื่อว่าตระกูลหวังจะมีญาติที่ยอมช่วยหวังเว่ยตงใช้หนี้ พอเข้ามาก็เห็นกับตาว่าในห้องมีคนแปลกหน้าท่าทางสง่านั่งอยู่ถึงสองคน
เขาจ้องมองผู้ชายคนนั้น รู้สึกคุ้นหน้า คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก
ด้วยสายตาอันเฉียบคมที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในสนามธุรกิจมาอย่างโชกโชน เขามั่นใจว่าคนผู้นี้ต้องไม่ธรรมดา
เขาหันไปมองเซี่ยไห่ ยื่นมือออกไปอย่างเป็นมิตร พร้อมกับแนะนำตัว “สวัสดี ผมหลิวกัง เจ้าของโรงงานอาหารสัตว์กังจื่อ”
“สวัสดี ผมเซี่ยไห่” เซี่ยไห่ยื่นมือออกไปจับอย่างขอไปที
“เซี่ยไห่งั้นเหรอ?” หลิวกังอุทานอย่างตกใจเมื่อได้ยินชื่อของเขา “คุณคือเถ้าแก่เซี่ย เจ้าของห้องเต้นรำสวินเมิ่งหรือครับ?”
เขาเป็นขาประจำของห้องเต้นรำ ชอบออกไปผ่อนคลายในตอนกลางคืน และบังเอิญเคยเห็นเถ้าแก่เซี่ยคนนี้มาแล้วครั้งหนึ่งจากที่ไกล ๆ
ได้ยินมาว่ามีเส้นสายในกองทัพ เบื้องหลังแข็งแกร่งน่าดู
และเขาก็มีธุรกิจอยู่ที่เซินเจิ้นด้วย
หลิวกังเจ้าของโรงงานผลิตอาหารสัตว์เล็กๆ รู้สึกประหม่าอย่างช่วยไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยไห่
เขาจ้องมองเซี่ยไห่อย่างมีความหวัง เพื่อยืนยันตัวตนของเขา
“ใช่ ผมเอง”
เซี่ยไห่ตอบรับ ทำให้หลิวกังยิ่งประหลาดใจ
เขาหัวเราะหันไปถามเซี่ยไห่
“คุณเป็นญาติกับหวังเว่ยตงหรือครับ”
ก่อนหน้านี้หลิวกังค่อนข้างสนิทสนมกับหวังเว่ยตง คบหากันมาสองปี ไม่เคยได้ยินว่าเขารู้จักกับเถ้าแก่เซี่ยมาก่อน
เซี่ยไห่เดินไปข้างๆ คุณยายหวัง โอบแขนท่านอย่างสนิทสนม แล้วแนะนำว่า
“ใช่แล้วครับ นี่เป็นแม่บุญธรรมของผม”
แต่เซี่ยไห่ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกเขา
คุณยายหวังก็เป็นแค่หญิงชราธรรมดาๆ คนหนึ่ง เซี่ยไห่ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเป็นลูกชายบุญธรรมของนาง
และก็ไม่จำเป็นต้องหลอกลวงพวกเขาด้วย
คุณยายหวังเองก็ดูเหมือนจะตกใจกับคำพูดของเซี่ยไห่
หญิงชราไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยไห่จะแนะนำตนด้วยฐานะเช่นนี้
นางเป็นแค่หญิงชราคนหนึ่ง มีค่าพอตรงไหน?
เซี่ยไห่หันไปถามหลิวกังที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“เถ้าแก่หลิว หวังเว่ยตงเป็นหนี้คุณเท่าไหร่? ยื่นใบกู้ยืมเงินมาให้ผม ผมจะจ่ายให้เขาเอง”
เมื่อหลิวกังได้ยินว่าเซี่ยไห่จะจ่ายหนี้ให้หวังเว่ยตง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย ในใจนึกอยากจะให้เป็นแบบนั้น
ร้านเล็กๆ ของเขากำลังจะไปไม่รอดแล้ว
ตอนนี้เขาไม่อยากทำให้เซี่ยไห่โกรธ
วันนี้เขาบอกกับลูกน้องให้พูดจาแข็งกร้าวหน่อยตอนไปทวงหนี้ กดดันยายหวังดู เผื่อจะทำให้ลูกชายนางโผล่หน้าออกมา
แต่คนที่โผล่ออกมาไม่ใช่หวังเว่ยตง กลับกลายเป็นเถ้าแก่ใหญ่คนนี้
วันนี้หลิวกังมีโอกาสได้เจอเซี่ยไห่ และได้พูดคุยกัน เขาก็หวังจะใช้โอกาสนี้ผูกมิตรกับเศรษฐีคนนี้ไว้
ถึงเขาจะทำธุรกิจอาหารสัตว์ ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคนอื่น แต่การรู้จักเศรษฐีใน เมืองไห่เฉิงไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
อย่างน้อยๆ ถ้าสนิทกับเซี่ยไห่เป็นพี่น้องกัน เวลาไปเที่ยวห้องเต้นรำก็อาจจะได้ส่วนลด
หลิวกังหยิบกระเป๋าหนังใบเล็กใต้รักแร้ขึ้นมา ค้นหาใบแจ้งหนี้พลางยิ้มแหยๆ อธิบายกับเซี่ยไห่ว่า “เถ้าแก่เซี่ย ผมกำลังจนปัญญา คุณก็รู้ว่าโรงงานอาหารสัตว์ของผมกำลังจะเจ๊ง มีหนี้สินที่เก็บไม่ได้ก้อนใหญ่ ไม่มีกำไรเลย ลำบากจริงๆ”
เซี่ยไห่พยักหน้าเข้าใจ
เขาหยิบใบแจ้งหนี้ที่หลิวกังยื่นมาให้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถึงอย่างไรต่อให้คุณจะยากลำบากแค่ไหน ในอนาคตตอนที่มาทวงหนี้ ก็อย่าได้เสียมารยาทกับคนแก่เป็นอันขาด”
หลิวกังได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแห้ง ๆ ออกมาอย่างรู้สึกผิด จากนั้นก็หันไปตวาดลูกน้องของตนว่า “พวกแกไปทำให้ยายหวังตกใจหรือไง! ฉันบอกพวกแกยังไงหา? ให้พูดกับเขาดี ๆ ถึงพวกเราจะเป็นเจ้าหนี้ มีเหตุผล แต่พวกแกต้องรู้จักเคารพผู้ใหญ่ด้วย รู้ไหม!”
เสี่ยวจางที่ซื่อตรงไม่เห็นด้วย จึงแย้งออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “แต่เถ้าแก่หลิว ไม่ใช่ว่าท่านสั่งให้พวกเรา…”
หลิวกังขัดจังหวะเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง “หุบปากซะ คราวหลังก็ให้ระวังหน่อย”
“ครับ” ทั้งสามคนเบะปากอย่างเขินอาย
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นับว่าเป็นวาสนาโดยแท้ที่ได้เจอกับเซี่ยไห่ คนรวยจริงอยู่ตรงนี้ล่ะ
ไหหม่า(海馬)
………………..