ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 826 แม่ที่เป็นแบบนี้ทำให้เขาไม่ชินเลย
ตอนที่ 826 แม่ที่เป็นแบบนี้ทำให้เขาไม่ชินเลย
โจวลี่หรงสวมเสื้อนวมบุฝ้ายถือกระเป๋าเดินออกมาอย่างร่าเริง “มาแล้วจ๊ะ มาแล้ว”
สีหน้าของเฉินเจียวั่งเปลี่ยนจากกังวลเป็นแปลกใจ
ท่าทางมีความสุขของแม่ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคย
พลังของลูกสะใภ้นี่มันสุดยอดขนาดนี้เชียวหรือ?
เฉินเจียวั่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินเซี่ยอีกครั้ง
“เจียวั่ง พี่สะใภ้แกจะพาหลานๆ ไปอยู่ที่บ้านพัก แม่จะไปส่งพวกเขา” โจวลี่หรงหันมาบอกเขา “ถ้าแม่กลับมาช้า คืนนี้ปู่ย่ามีธุระอะไร แกก็ดูแลหน่อยนะ”
“ครับ” เฉินเจียวั่งมองพวกเขาพูดคุยกันอย่างร่าเริงเดินจากไปด้วยสีหน้าว่างเปล่า
หลังจากที่โจวลี่หรงไปส่งหลินเซี่ยกับเด็กๆ ที่บ้านแล้ว หล่อนก็ตั้งใจจะทำความสะอาดบ้านให้ แต่ปรากฏว่าหลินเซี่ยทำความสะอาดบ้านจนสะอาดหมดจดแล้ว ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนก็ถูกซักเรียบร้อย
โจวลี่หรงเป็นคนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เดินวนไปวนมาในครัว เห็นว่าในตู้เย็นไม่มีกับข้าว ก็เลยจะลงไปข้างล่าง “ฉันลงไปซื้อกับข้าวให้พวกเธอดีกว่า เดี๋ยวเธอกลับมาจะได้ทำกับข้าวง่ายๆ อากาศหนาวแบบนี้พาลูกออกไปข้างนอกไม่ดีหรอก”
“แม่ ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยซื้อก็ได้”
โจวลี่หรงไม่ยอม จะต้องไปซื้อกับข้าวให้ได้
กลัวว่าถ้าหล่อนไม่อยู่ พวกเขาจะไม่มีอะไรกิน
หู่จือจึงบอกว่าจะออกไปเป็นเพื่อนคุณย่า ตอนนี้นอกบ้านมืดแล้ว เขาก็โวยวายว่าจะปกป้องคุณย่า
เซี่ยไห่ดูออกว่าโจวลี่หรงเป็นห่วงเป็นใยหลินเซี่ยกับหลานชายทั้งสองอย่างจริงใจ โดยเฉพาะท่าทางของหู่จือที่มีต่อโจวลี่หรงนั้นเป็นสิ่งที่หลอกกันไม่ได้
เขาก็เลยรู้สึกดีกับโจวลี่หรงขึ้นมาก “แม่ยาย ผมว่าตอนนี้หลานๆ คงไม่อยากห่างจากคุณหรอก คุณค้างที่นี่คืนหนึ่งก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยกลับ พรุ่งนี้พวกเราจะไปบ้านพี่สาวผม ถ้าคุณเป็นห่วงว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรกิน พรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปซื้อก็ได้ ตอนนี้ข้างนอกมืดแล้ว”
โจวลี่หรงมองหน้าหลินเซี่ย แล้วตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้จ้ะ”
ตอนนี้โจวลี่หรงเองก็ไม่อยากห่างจากหลานๆ หลังโทรบอกที่บ้านเรียบร้อยแล้วก็พักอยู่ที่นี่เลย
หู่จือทำการบ้านเสร็จแล้วก็หยิบยื่นให้โจวลี่หรงตรวจอย่างเคย
ถ้าคุณย่าบอกว่าถูกหมด เขาถึงจะยอมเก็บสมุดหนังสือเข้ากระเป๋าด้วยความดีใจ จากนั้นก็ดูการ์ตูน หรือไม่ก็ไปเล่นกับน้องชาย
บรรยากาศในบ้านอบอุ่นและสงบสุขขึ้นมา
ตกเย็นเฉินเจียเหอก็โทรมา บอกว่าคืนนี้มีเหตุฉุกเฉิน ต้องไปจัดการ จึงไม่ได้กลับบ้าน
โจวลี่หรงได้ยินเฉินเจียเหอพูดแบบนั้น ก็รู้สึกโชคดีที่ตัวเองยังอยู่ที่นี่
ไม่งั้นหลินเซี่ยต้องอยู่บ้านกับเด็กสองคน คงจะกลัวแย่
พูดตามตรงก็คือหลินเซี่ยอายุเท่าลูกชายคนเล็กของหล่อน ถ้าเธอยังไม่แต่งงาน ตอนนี้ก็คงยังเป็นเด็กอยู่
นี่เป็นคำที่พ่อแม่ของหล่อนพร่ำบอกเสมอในตอนที่กลับบ้านเกิด
พวกเขาบอกให้หล่อนเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง
ลูกสาวบ้านไหนไม่ใช่แก้วตาดวงใจของพ่อแม่กัน?
จนกระทั่งตอนนี้ลูกโตแล้ว พวกเขายังคงไม่กล้าเข้าเมือง เพราะกลัวจะเป็นภาระให้หล่อน
เหล่าคนชราพูดว่าไม่อยากให้หลินเซี่ยต้องมาเจอเรื่องแบบที่หล่อนเคยเจอ
โจวลี่หรงในตอนนี้จึงรักและเอ็นดูหลินเซี่ยเหมือนลูกสาวแท้ๆ ไปแล้ว
หล่อนเริ่มเข้าใจและเห็นใจผู้หญิงด้วยกัน เริ่มเข้าใจความยากลำบากของหญิงสาวคนหนึ่ง
จริงอย่างที่เขาว่า เมื่อรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราก็จะเป็นมิตรต่อกันมากขึ้น
เฉินเจียเหอกลับมาในตอนเช้า และเห็นภาพแม่สามีลูกสะใภ้รักใคร่กลมเกลียว
โจวลี่หรงตื่นแต่เช้าออกไปซื้อซาลาเปา ตอนนี้หล่อนกับหลินเซี่ยกำลังพูดคุยกันอย่างสุภาพ
ต่างฝ่ายต่างยื้อแย่งซาลาเปาไส้เนื้อเพียงอันสุดท้ายที่เหลืออยู่ โดยต่างก็อยากให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนกิน
พอเห็นเฉินเจียเหอกลับมา ทั้งคู่ก็พูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย บอกให้เฉินเจียเหอรีบกิน
เขายืนอยู่ตรงนั้น มองดูภาพตรงหน้า รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่อิดโรย
เฉินเจียเหอไม่ทันได้ล้างมือ หยิบซาลาเปาไส้เนื้อจากมือของหลินเซี่ยขึ้นมากัด
ภาพที่ดูอบอุ่นกลมเกลียวเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกมีความสุขและมั่นคงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
หลังจากกินเสร็จ เขาก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน
หลินเซี่ยเห็นเขาดูเหนื่อยล้ามากก็รู้สึกสงสาร ยกข้าวต้มข้าวฟ่างที่เหลือในหม้อมาให้เขาหนึ่งถ้วย “กินข้าวก่อนเร็ว แล้วไปนอนพักผ่อนนะคะ”
“ผมไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่ ตอนดึกๆ ผมได้งีบไปหน่อยแล้ว”
แต่หลังจากกินเสร็จ โจวลี่หรงก็บ่นให้เขาเข้านอนเร็วๆ
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ร่างกายจะแย่เอาได้
เฉินเจียเหอพึ่งจะล้มตัวลงนอน ก็เห็นหลินเซี่ยกำลังรื้อค้นตู้เสื้อผ้า หาเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอและลูก
เธอบอกว่าวันนี้จะไปเยี่ยมเซี่ยอวี่ที่บ้านเย่ไป๋
เดิมทีเฉินเจียเหอก็ไม่ได้ง่วงมากนัก พอได้ยินแบบนั้น เขาก็รีบลุกขึ้นนั่ง
หลินเซี่ย กลัวว่าเขาจะพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงไม่อยากพาเขาไป “คุณอยู่บ้านพักผ่อนเถอะค่ะ”
“วันนี้วันหยุด ตอนกลางคืนก็ไม่ต้องไปทำงาน ผมเลยอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกกับพวกคุณบ้างน่ะ รู้สึกอุดอู้จนเห็ดจะขึ้นตัวอยู่แล้ว”
ด้วยการทำงานหนักติดต่อกันมาเป็นเวลานาน เฉินเจียเหอจึงไม่ได้ออกไปไหนในช่วงกลางวันมานานแล้ว
ช่วงกลางวันของฤดูหนาวนั้นสั้นอยู่แล้ว ตอนที่เขาไปทำงานก่อนเจ็ดโมงเช้า ฟ้ายังมืดอยู่เลย
กระทั่งตอนเย็นเขาก็ได้กลับมาตอนหนึ่งทุ่มหรือสองทุ่ม บางทีก็ดึกมาก หรือไม่ก็ไม่กลับบ้านเลย
หลินเซี่ยมองผู้ชายที่กำลังจ้องมองเธอด้วยความคาดหวัง เมื่อได้ยินเขาบอกว่าคืนนี้ไม่ต้องไปทำงาน เธอก็ตอบตกลงที่จะพาเขาไปด้วย
“ได้ งั้นรีบไปโกนหนวดสระผมเถอะ”
ถึงเขาจะเป็นผู้ชายที่เธอรัก แต่เธอก็ไม่อยากมองสภาพที่เขาไว้หนวดเครารุงรังแบบนี้
มันดูโทรมเกินไปหน่อย
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมนักวิจัยถึงได้ไม่สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเอง
หลินเซี่ยเลือกเสื้อหนาวที่สวมใส่ออกไปข้างนอกได้ให้เขา
เขามีเสื้อผ้าใหม่ ๆ มากมายแต่ไม่มีโอกาสได้ใส่
ชุดทำงานของเขาขาดไปชุดแล้วชุดเล่า แต่ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านกลับเต็มไปด้วยเสื้อผ้าสวยงามทันสมัย
เขาสวมเสื้อคอวีกับเสื้อฝ้ายสีเทาเข้มที่หลินเซี่ยหยิบออกมาให้ แล้วเดินตามภรรยาออกไปข้างนอก
โจวลี่หรงกำลังอุ้มลูกน้อยรอพวกเขาอยู่ ส่วนหู่จือก็เตรียมตัวพร้อมแล้วเช่นกัน
เซี่ยไห่ขึ้นมาข้างบนเพื่ออุ้มเด็ก และเห็นว่าเฉินเจียเหอดูผ่องใสราวกับเป็นคนละคนกับท่าทางซึมเซาเมื่อสองสามวันก่อน เขาจึงมองเฉินเจียเหอขึ้นลงพลางยิ้มแล้วพูดว่า
“นายไปดูดเลือดใครมารึไง”
เฉินเจียเหอจ้องเขม็งใส่เซี่ยไห่ที่พูดจาไม่คิด
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงเตะเซี่ยไห่ไปแล้ว
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นญาติผู้ใหญ่ เป็นอารองของภรรยา เขาจึงได้แต่ต้องอดทน
เมื่อครู่เขาได้ยินหลินเซี่ยพูดว่าคุณย่าจะไปบ้านตระกูลเยี่ยด้วย
เซี่ยไห่ตอบกลับมาว่า “รออยู่ในรถแล้ว”
“งั้นไปกันเถอะ” เฉินเจียเหอรับลูกจากมือแม่ของเขา หลินเซี่ยจูงมือหู่จือ แล้วพวกเขาก็ออกจากบ้านไปด้วยกัน
เซี่ยไห่บอกว่าจะไปส่งโจวลี่หรง แต่โจวลี่หรงปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม บอกว่าหล่อนจะไปซื้อของก่อน เที่ยงๆ ค่อยกลับ
โจวลี่หรงกำชับเฉินเจียเหอด้วยความเป็นห่วง บอกให้เขาอุ้มลูกดีๆ อย่าให้ลูกเป็นหวัด
โจวลี่หรงเดินตามพวกเขาไปส่งที่หน้าหมู่บ้าน จนเห็นพวกเขาขึ้นรถ เธอจึงกล่าวลาคุณแม่เซี่ย มองตามรถจนลับตา แล้วจึงหันหลังกลับบ้าน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณแม่คิดได้แล้วจริงๆ ลุคใหม่ก็จะดูแปลกไปหน่อยน่ะค่ะ แต่ถือเป็นการพัฒนาตนเองที่ดีนะคะ
ไหหม่า(海馬)