ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 827 ถ้าฉันต้องแสดงเป็นสาวน้อย แล้วสาวน้อยแสดงเป็นอะไร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 827 ถ้าฉันต้องแสดงเป็นสาวน้อย แล้วสาวน้อยแสดงเป็นอะไร
ตอนที่ 827 ถ้าฉันต้องแสดงเป็นสาวน้อย แล้วสาวน้อยแสดงเป็นอะไร
คุณแม่เซี่ยมองเห็นโจวลี่หรงที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นผ่านกระจกมองหลัง ก็หันมาพูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย แม่สามีของเธอเป็นห่วงลูกจริงๆ นะ หล่อนเป็นคนมีความรับผิดชอบ ต่อไปเธอก็ควรดีกับหล่อนหน่อย”
หลินเซี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณย่า ฉันสบายดีค่ะ ตอนนี้พวกเราเข้ากันได้ดีมาก”
เฉินเจียเหอก็พูดสนับสนุนเพื่อยืนยันให้หลินเซี่ย “คุณย่า แม่ของผมกับเซี่ยเซี่ยตอนนี้เข้ากันได้ดีมาก ผมเห็นแล้วยังอิจฉาเลย”
อย่างน้อยก็ดีกว่าความกลมเกลียวระหว่างแม่ลูกแท้ๆ อย่างพวกเขามากนัก
คุณแม่เซี่ยได้ยินดังนั้นก็ลูบหลังมือหลานสาวอย่างพอใจ พลางพยักหน้า “นั่นแหละถูกต้องแล้ว ครอบครัวที่กลมเกลียวต่อกันย่อมเจริญรุ่งเรือง”
หลินเซี่ยมองออกไปข้างนอกแวบหนึ่ง เห็นว่าใกล้จะถึงบ้านเย่ไป๋แล้ว จึงถามว่า “โทรหาอาหญิงแล้วหรือยังคะ?”
เซี่ยไห่ทำหน้าลึกลับ “ยังไม่ได้โทร พวกเราจะไปทำให้หล่อนประหลาดใจกัน”
เซี่ยไห่ขับรถมาจอดที่หน้าประตูบ้านตระกูลเย่ พอดีเห็นรถของเย่ไป๋จอดอยู่ด้วย
ทุกคนลงจากรถกันอย่างคึกคัก เซี่ยไห่หยิบของบำรุงร่างกายนานาชนิดที่ทุกคนซื้อมาให้เซี่ยอวี่จากท้ายรถ รวมถึงขนมอบของชอบของหล่อนที่หลิวกุ้ยอิงทำเมื่อคืนนี้
เย่ไป๋ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อเขาเปิดประตูออกก็เห็นทุกคนยืนอยู่ที่หน้าประตู ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณแม่ เซี่ยเซี่ย พวกคุณมาได้ยังไงครับ”
“พวกเรามาเยี่ยมเสี่ยวอวี่ หลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอหน้า คิดถึงลูกสาวจะแย่อยู่แล้ว”
“แม่ เชิญด้านในก่อนครับ”
เย่ไป๋รีบเชื้อเชิญทุกคนเข้าไปด้านใน จากนั้นเขาก็มองหลินเซี่ยที่อุ้มเด็กน้อยที่ถูกห่อตัวด้วยผ้าห่มอยู่ในอ้อมแขน
หลินเซี่ยยื่นเด็กน้อยให้เขาพร้อมกับพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “พวกเราก็คิดถึงอาหญิงเหมือนกัน หล่อนตื่นรึยังคะ”
“ตื่นแล้วครับ ตื่นแล้ว”
“เสี่ยวไห่ เจียเหอ เชิญด้านในก่อน”
“หู่จือเข้ามาเร็ว”
ดูเหมือกำลังจะออกไปข้างนอก
เมื่อเย่เจิ้งหัวและหลี่เหม่ยเฟิ่งได้ยินว่าแม่ยายมา พวกเขาก็รีบออกมาต้อนรับ
“พวกแม่มาได้ยังไงกันคะ?” เสียงของเซี่ยอวี่ปลาบปลื้มยินดีจนเสียงดังกว่าปกติ เมื่อเห็นครอบครัวของตน
คุณแม่เซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ก็แกไม่กลับบ้านแม่ พวกเราเลยต้องมาหาแกเองแบบนี้”
“ใครบอกว่าฉันไม่กลับบ้าน ฉันกำลังจะกลับอยู่เนี่ย” เซี่ยอวี่พูดพลางเดินเข้าไปคว้าแขนแม่ของเธอ “แม่คะ ฉันดีใจมากเลยที่แม่มาหา”
คุณแม่เซี่ยยังไม่หายโกรธ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่ามาทำเป็นพูดดีเลย”
เซี่ยไห่มองพี่สาวที่สวมเสื้อผ้าหนาเตอะด้วยสายตาเหยียดหยัน “พี่แต่งงานแล้ว ทำไมถึงแต่งตัวเหมือนฉันแบบนี้เนี่ย ใส่เสื้อขนมิงค์ทำเป็นคุณนายไปได้”
เซี่ยอวี่ “!!!”
หลี่เหม่ยเฟิ่งพูดขึ้นอย่างอึกอัก “ฉันซื้อให้เสี่ยวอวี่เองน่ะ”
หล่อนอธิบายเพิ่มเติม “เสื้อผ้าตัวนี้อุ่นมาก เสี่ยวอวี่กำลังตั้งท้องอยู่ ทนหนาวไม่ได้ เสื้อผ้าตัวนี้ก็หลวมสบาย เหมาะสำหรับคนท้อง”
“ไปให้พ้น” เซี่ยอวี่อยากจะต่อยเขา แต่ร่างกายไม่อำนวย หมอบอกว่าหล่อนเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่อายุมากแล้ว ต้องระมัดระวัง ไม่ควรออกกำลังกายหนัก อาจมีอาการแท้งได้
นั่นเป็นเหตุผลที่หล่อนขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านมานาน
“ให้ฉันดูหลานชายหน่อย”
เซี่ยอวี่ล้างมือแล้วนั่งลงอุ้มเสี่ยวหู่
ทันทีที่เด็กน้อยเอ่ยทัก เย่เจิ้งหัวและหลี่เหม่ยเฟิ่งก็มีสีหน้าแปลก ๆ
ลูกของหลินเซี่ยทักทายพวกเขาว่าคุณปู่ทวดคุณย่าทวดงั้นเหรอ?
พวกเขาอายุแค่ห้าสิบกว่า ๆ ก็กลายเป็นคนรุ่นนี้ไปแล้ว?
หลี่เหม่ยเฟิ่งไม่กล้าคิดต่อ จึงรีบไปชงชาแล้วนำมาเสิร์ฟ
หลี่เหม่ยเฟิ่งรินชา เสิร์ฟขนมและผลไม้ ก่อนนำอาหารที่เตรียมไว้ให้เซี่ยอวี่ทั้งหมดมาวางเรียงรายเต็มโต๊ะ
“แม่ยาย เชิญดื่มชาค่ะ”
“เซี่ยเซี่ย เธอก็ด้วย อยากกินอะไรก็กินเลย”
หลี่เหม่ยเฟิ่งกล่าวต้อนรับพวกเขาอย่างกระตือรือร้น จากนั้นจึงหันไปอธิบายกับคุณแม่เซี่ยว่า “อันที่จริงเสี่ยวอวี่ตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่ตั้งหลายวันก่อนแล้วน่ะค่ะ แต่หิมะดันตก ฉันเลยกลัวว่าจะไม่เอื้อต่อสภาพร่างกายของหล่อน เลยยังไม่ให้กลับไป แถมช่วงนี้หล่อนยังต้องศึกษาบทละครด้วย เลยค่อนข้างยุ่งน่ะค่ะ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งจงใจไม่พูดถึงเรื่องที่หมอสั่ง เพราะกลัวฝ่ายแม่ยายจะเป็นห่วง
พอพูดถึงบทละคร หลินเซี่ยก็หันไปมองเซี่ยอวี่อย่างสนใจ
เซี่ยอวี่แนะนำด้วยความยินดี “เซี่ยเซี่ย หนังที่สร้างจากนิยายของไอดอลฉันได้ผู้กำกับแล้วล่ะ เป็นที่ตกลงกันแล้วด้วยว่าบทบาทหว่านหลินตัวละครหญิงรองที่ฉันชอบที่สุดในหนังจะให้ฉันเป็นคนเล่นเอง ฉันศึกษาบทมาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้เหลือแค่รอเริ่มถ่ายทำน่ะ”
พอได้ยินคำที่เซี่ยอวี่ใช้เรียกเย่เจิ้งหัว หลินเซี่ยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก
เรียกพ่อสามีว่าไอดอลเนี่ยนะ ไม่มีใครเกินหล่อนจริงๆ
เซี่ยไห่ที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า “พี่มีเส้นใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่เล่นบทนางเอกล่ะ”
พ่อสามีเป็นทั้งเจ้าของบทประพันธ์ดั้งเดิม แล้วยังเป็นคนเขียนบทด้วย เล่นเป็นนางเอกก็น่าจะได้อยู่แล้ว
เซี่ยอวี่เหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “นางเอกอายุแค่สิบแปดสิบเก้าเอง อายุห่างจากฉันตั้งเท่าตัว ฉันจะเล่นได้ยังไง”
หลินเซี่ยได้ฟังที่เซี่ยไห่พูดก็ได้แต่กลอกตาไปมา
ต้องยอมรับเลยว่า ชาตินี้ชาติไหนหมอนี่ก็เป็นนักธุรกิจหัวดำจริงๆ
ตอนนี้ก็เริ่มเผยธาตุแท้นักธุรกิจหัวดำออกมาแล้ว
ถ้าเธอจำไม่ผิด พ่อบุญธรรมลึกลับของเสิ่นอวี้อิ๋งในชาติที่แล้วก็คือเซี่ยไห่นี่เอง
ชาติที่แล้วเซี่ยเหลยผู้เป็นพ่อของเธอไม่เคยมาที่เมืองไห่เฉิง เธอเดาว่าเขาอาจจะไม่ได้สติกลับคืนมา หรืออาจจะเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นแล้วก็ได้
เซี่ยไห่เองก็น่าจะสืบจนรู้แล้วว่าเสิ่นอวี้อิ๋งกับหลิวกุ้ยอิงที่ตายไปแล้วนั้นมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่าง
ดังนั้นเขาจึงรับเสิ่นอวี้อิ๋งเป็นลูกสาวบุญธรรม
แถมยังลงทุนให้หล่อนอีก
ตอนนั้นเธอแปลกใจมากว่าทำไมผู้กำกับและคนเขียนบทถึงได้เพิ่มบทให้เสิ่นอวี้อิ๋งแล้วเปลี่ยนบทให้
ในที่สุดก็เจอต้นตอแล้ว
เย่เจิ้งหัว “…”
เขากระแอมไออย่างรู้สึกอึดอัด “เรื่องนี้คงเปลี่ยนไม่ได้มั้งนะ”
เขาไม่มีทางเปลี่ยนตัวละครเอกจากสาวน้อยแรกรุ่นเป็นสาวใหญ่วัยสามสิบเพื่อลูกสะใภ้หรอก มันจะเป็นการทำลายบทประพันธ์ของเขา
“แต่พี่สาวฉันก็แสดงเป็นสาวน้อยได้นะ บทของคุณมันมีช่วงอายุต่างกันมากไหมล่ะ ตัวละครเอกมันก็ต้องเติบโตขึ้นอยู่แล้ว”
เซี่ยอวี่ทนฟังต่อไม่ไหว ทุบเซี่ยไห่ไปหนึ่งหมัดด้วยความโมโห “ถ้าฉันแสดงเป็นสาวน้อย งั้นให้เด็กสาวไปแสดงเป็นอะไรล่ะ”
นี่มันละครย้อนยุค ตัวละครเอกในหนังสือเป็นนักเรียนหญิงในยุคสาธารณรัฐที่ครอบครัวถูกศัตรูฆ่าล้างตระกูล
ช่วงแรก หล่อนเป็นภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่ไร้เดียงสาและไม่ประสีประสา
ถึงแม้ช่วงหลังจะมีช่วงอายุที่ต่างกัน แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
ตัวเซี่ยอวี่เองก็ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะแสดงความรู้สึกแบบเด็กสาวออกมาได้อีก
ถึงแม้สภาพผิวพรรณของเธอจะยังดูดีอยู่ แต่แววตาของคนเรามันซ่อนอายุที่แท้จริงเอาไว้ไม่ได้
แต่กับบทสาวน้อยแล้ว มันไม่เข้ากันจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น หล่อนก็ชอบบทบาทของนางรองหว่านหลินมาก
หล่อนเป็นหัวหน้าสายลับที่โหดเหี้ยมภายนอก แต่แท้จริงแล้วมีหลายตัวตน และแบกรับความแค้นอันลึกล้ำเช่นกัน
ในวัยนี้ของหล่อนควรลองบทบาทที่แตกต่างกัน ไม่ควรไล่ตามการเป็นตัวเอกเพียงอย่างเดียว
หลินเซี่ยก็ฟังไม่ไหวเช่นกัน เอ่ยปากว่า “อารอง ในเมื่ออาไม่เข้าใจก็อย่าทำเป็นรู้ดีเลย งานวรรณกรรมที่คุณเย่สร้างสรรค์ล้วนเป็นตำนานทั้งสิ้น หากแก้ไขไปมาเพราะปัจจัยอื่น จะเรียกว่าตำนานได้ยังไง?”
วงการบันเทิงถูกนายทุนอย่างเซี่ยไห่มาทำให้วุ่นวายไปหมด
ชอบใช้เงินแก้บท เพิ่มฉาก ตัดบทตามอำเภอใจ
บทละครดีๆ ถูกคนนอกพวกนี้แก้จนจำเค้าเดิมไม่ได้
เซี่ยไห่ถูกพวกหล่อนสวนกลับทีละคน จึงเบ้ปาก “ช่างเถอะ ถือว่าผมไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน”
เขาเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างเฉินเจียเหอกับเย่ไป๋ที่กำลังคุยกันอยู่
หลินเซี่ยนั่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่เห็นน้องสาวของเย่ไป๋ เธอจึงยิ้มพลางถามหลี่เหม่ยเฟิ่งว่า “วันนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้อยู่บ้านเหรอคะ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งตอบกลับว่า “หล่อนออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้วล่ะ”
หล่อนพูดจบก็ขยับเข้าไปใกล้หลินเซี่ย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาว่า “เซี่ยเซี่ย จางซ่วนที่ร้านเธอน่ะเป็นคนยังไงบ้าง?”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ในเมื่อพี่ไห่ไม่ได้อ่านนิยายต้นฉบับก็อย่ามาเปลี่ยนบทตามอำเภอใจเลยค่ะ เดี๋ยวเละ
หรือว่าน้องสาวเย่ไป๋จะออกเดทกับคุณช่างภาพอยู่กันน้า?
ไหหม่า(海馬)