ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 831 เน่าเหม็นจนไม่มีใครสังเกตเห็น
ตอนที่ 831 เน่าเหม็นจนไม่มีใครสังเกตเห็น
หลังจากได้รับเงินและลงนามในข้อตกลงแล้ว เซี่ยไห่ก็จัดการให้อู๋เซิ่งหงเข้าพักที่โรงแรม
เขาบอกว่าตอนกลางคืนจะพาอู๋เซิ่งหงไปดูห้องเต้นรำอีกสองสามแห่งที่เขาเปิดในเมืองไห่เฉิง อู๋เซิ่งหงก็ตอบตกลงด้วยความยินดี
เขาบอกว่าอยากไปเปิดหูเปิดตากับเซี่ยไห่บ้าง
เงินถูกโอนเข้าบัญชีของหลินเซี่ย หลินเซี่ยลองคำนวณดูก็เห็นว่าเมื่อรวมกับเงินที่ได้จากร้านอีกสองสามแห่ง และเงินที่เธอหาได้จากการสอนพิเศษ การสร้างตึก 6 ชั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
ค่าก่อสร้างในยุคนี้ถือว่าต่ำ เสียแค่ค่าใช้จ่ายในช่วงแรกของโครงการเท่านั้น
แต่ปัญหาสำคัญในตอนนี้คือยังไม่ได้ตกลงซื้อขายกรรมสิทธิ์ที่ดินกันเลย
พวกเขาได้จ่ายหนี้ล่วงหน้าให้หวังเว่ยตงไปสามพันหนึ่งร้อยยี่สิบหยวน จนถึงตอนนี้ทางคุณยายหวังก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
เฉินเจียเหอเห็นเด็กสาวที่เมื่อครู่ยังร้องเพลงอยู่ ตอนนี้กลับนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล ท่าทางดูเลื่อนลอย
เขาจึงนั่งลงข้างๆ เธอ แล้วเสนอว่า “หรือพวกเราไปที่บ้านตระกูลหวังอีกครั้ง ไปคุยกับคุณยายดูไหม”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ได้ ตอนเย็นฉันจะโทรหาแม่ให้ท่านมาช่วยดูแลลูกพรุ่งนี้ แล้วฉันจะไปอีกครั้ง”
“ผมจะไปกับคุณเอง” เฉินเจียเหอพูด “ตอนนี้ยังไม่ดึก พวกเราไปกันเลยก็ได้”
เฉินเจียเหอโทรหาโจวลี่หรงในทันที
เขาไปรับหู่จือกลับจากโรงเรียน ซึ่งพอดีกับที่โจวลี่หรงมาถึง
กล่าวได้ว่าโจวลี่หรงเดินทางมาเร็วมากทีเดียว
เฉินเจียเหอมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับแม่ของเขามาก ทั้งสองคนไม่ได้เย็นชาต่อกันเหมือนแต่ก่อน น้ำเสียงที่เขาพูดกับโจวลี่หรงก็เป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
“แม่ครับ ช่วยดูแลหลานชายให้ด้วยนะครับ พวกเราจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“ได้จ้ะ ไปเถอะ ไม่ต้องห่วง” โจวลี่หรงเป็นคนรู้ความ ครั้นพวกเขาไม่ได้บอกว่าจะไปไหน หล่อนก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียง
เฉินเจียเหอคาดว่าพวกเขาอาจจะกลับบ้านดึก จึงหยิบไฟฉายขนาดเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวด้วย
ครั้งนี้หลินเซี่ยก็ไม่ได้มือเปล่าอีกเช่นเคย ในช่วงไม่กี่วันผ่านมาเธอมีเวลาว่างอยู่ที่บ้าน จึงถือโอกาสตัดเสื้อผ้าให้คนในครอบครัว
เธอนึกถึงคุณยายหวังที่ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน ซึ่งรูปร่างนางใกล้เคียงกับคุณย่าของเธอมาก
ตอนที่ออกจากบ้าน เธอจึงหยิบเสื้อผ้านั้นใส่ถุงพลาสติกและถือติดมือมาด้วย
ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะตัดเสื้ออีกตัวให้คุณย่า
สามีภรรยาทั้งสองมาถึงหน้าบ้านของคุณยายหวัง ซึ่งประตูใหญ่ของบ้านหวังเปิดแง้มอยู่ หลินเซี่ยผลักประตูเข้าไป และทั้งสองก็เดินเข้าไปข้างใน
“คุณยายหวังคะ”
หลินเซี่ยเพิ่งร้องเรียก เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็ดังมาจากในบ้าน
หลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอสบตากัน รีบเข้าไปในห้องโถงทันที
คุณยายหวังนั่งอยู่ที่หัวเตียง กำลังนวดขาอยู่
พอมองเห็นหลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยก็แสดงความประหลาดใจชั่วขณะ ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนความเจ็บปวดบนใบหน้า แล้วยิ้มพลางเอ่ยปาก
ในตอนที่คุณยายหวังมองเห็นหลินเซี่ย สีหน้าของนางก็เปี่ยมด้วยความยินดี แต่แฝงไว้ด้วยอารมณ์ซับซ้อน
นางรู้สึกไม่สบายใจที่ติดหนี้พวกเขาไว้มากมาย
สายตาของคุณยายหวังไปหยุดอยู่ที่เฉินเจียเหอ หลินเซี่ยยิ้มพลางแนะนำ “นี่คือคู่รักของฉันค่ะ”
“จริงหรือ? เขาดูเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ” คุณยายหวังมองเฉินเจียเหอ พลางชมเชยอย่างไม่เสียดาย
หลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าแก้มของคุณยายหวังดูเหมือนจะถลอก มือที่เหี่ยวแห้งของนางยังคงนวดขาอยู่ เธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง “คุณยายหวัง หน้าคุณเป็นอะไรไปหรือคะ?”
“ฉันเผลอล้มน่ะ” นางอธิบายด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน “ฉันออกไปปรับเสาอากาศ เดินไปมาหลายรอบ ธรณีประตูบ้านสูง ขาฉันอ่อนแรงไปหน่อย เลยเผลอล้มลง”
หลินเซี่ยจึงสังเกตเห็นว่าหน้าจอโทรทัศน์ขาวดำบนโต๊ะเปิดอยู่ เต็มไปด้วยจุดรบกวน
“คุณยายไม่ได้ล้มบาดเจ็บใช่ไหมคะ?” หลินเซี่ยจะตรวจดูขาและเท้าของนาง แต่คุณยายหวังหดขากลับ พลางยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร
“ผมไปปรับเสาอากาศก่อนนะ” เฉินเจียเหอพูดจบก็เดินออกจากห้องรับแขกไปที่ลานบ้าน แล้วเริ่มปรับเสาอากาศโทรทัศน์ ส่วนหลินเซี่ยก็คอยดูโทรทัศน์ในบ้านว่ารับสัญญาณได้หรือยัง
โทรทัศน์ขาวดำมีแต่สัญญาณรบกวน เสียงก็ดัง ไม่มีภาพเลย
เขารู้ว่าช่องไหนควรหันไปทางทิศใด ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ของมัน
ไม่นานหลินเซี่ยก็บอกว่าได้รับสัญญาณช่องท้องถิ่นแล้ว แต่ภาพยังไม่ชัดเจน
คุณแม่หวังไม่อยากรบกวนพวกเขา จึงกล่าวว่า “ไม่ต้องปรับแล้ว ปิดมันเถอะ ฉันแค่คิดว่าอยู่คนเดียวไม่มีอะไรทำ เลยเปิดโทรทัศน์ไว้แก้เบื่อ แก่แล้ว ไม่มีประโยชน์ทั้งสองอย่าง แถมยังล้มอีก”
“แต่ก่อนที่บ้านมีทีวีสีอยู่เครื่องหนึ่ง แต่หลังจากลูกชายฉันเป็นหนี้ ทีวีสีก็ถูกยกให้เจ้าหนี้คนหนึ่งไปเพื่อชำระหนี้ ส่วนทีวีขาวดำเครื่องนี้เกษียณไปแล้ว แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันให้เพื่อนบ้านมาติดตั้งใหม่ บางครั้งก็รับสัญญาณได้ ช่วยแก้เบื่อได้บ้าง”
คำพูดของคุณยายทำให้หลินเซี่ยรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างมาก
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคนเราก็คือการแก่เฒ่าโดยไม่มีที่พึ่ง
หวังเว่ยตงเป็นลูกกตัญญู เพียงแต่ตอนนี้ถูกความเป็นจริงบีบคั้น จึงต้องจากบ้านเกิดไป
สถานการณ์ตอนนี้คือหากหวังเว่ยตงยอมขายที่ดิน ปัญหาของครอบครัวพวกเขาก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
เซี่ยไห่ยังสัญญาว่าจะจัดหางานให้หวังเว่ยตงด้วย
อีกทั้งอยู่ต่างถิ่น ก็ยิ่งยากที่จะจัดการ
ภาพจากโทรทัศน์ขาวดำเริ่มชัดขึ้น สามารถรับสัญญาณได้หลายช่อง เฉินเจียเหอปรับเสาอากาศด้านนอกใหม่อีกครั้ง
คุณยายหวังนั่งอยู่ตรงนั้น มองดูคนหนุ่มสาวสองคนมาถึงทำให้ในห้องคึกคักขึ้น โทรทัศน์ก็มีสัญญาณแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของนางมีน้ำตาไหลออกมาสองสาย
ในอดีต เมื่อลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานชายอยู่บ้าน ที่นี่ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ชีวิตก็รุ่งเรืองมาก
“คุณยายหวัง ฉันตัดเสื้อให้คุณชุดหนึ่ง เป็นแบบคอกว้าง คุณสวมทับเป็นการป้องกันเสื้อนวมได้นะคะ ในฤดูหนาวเสื้อนวมเปื้อนแล้วซักยาก”
หลินเซี่ยรอให้โทรทัศน์เรียบร้อยก่อน จึงหยิบเสื้อผ้าของเธอออกมาจากถุงผ้าที่ถือติดมือมา
“หลินเซี่ย เธอตัดเสื้อผ้าเป็นด้วยหรือ?” คุณยายหวังมองเสื้อคอจีนสีน้ำเงินเข้มในมือของหลินเซี่ย แล้วหันไปมองใบหน้าขาวผ่องและมีชีวิตชีวาของหญิงสาว สายตาของเธอยิ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เด็กคนนี้ ช่างเก่งไปเสียทุกอย่าง
หลินเซี่ยยิ้มพลางอธิบาย
“ฉันอยู่ว่างๆ ก็เลยลองหัดเย็บผ้าด้วยจักรเย็บผ้าโดยใช้เศษผ้าเก่าๆ อาจจะเทียบกับที่ซื้อจากร้านเสื้อผ้าไม่ได้นะคะ อย่าได้รังเกียจเลยค่ะ”
หลินเซี่ยให้คุณยายหวังลองเสื้อผ้า แต่คุณยายรู้สึกเกรงใจไม่กล้ารับ
คุณยายมองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วถอนหายใจพูดว่า “เสี่ยวหลิน ลูกชายฉันส่งจดหมายมาแล้ว เขาเป็นคนดื้อรั้นมาก ไม่ยอมขายที่ดิน วันนี้ฉันก็ส่งจดหมายไปหาเขาอีกฉบับ บอกเรื่องที่พวกเธอช่วยจ่ายค่าอาหารสัตว์ของหลิวกังให้ฉัน ตอนนี้ฉันกำลังรอคำตอบจากเขา แต่ฉันรู้จักนิสัยเขาดี คงไม่มีความหวังมากนัก”
“ฉันก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขาในจดหมายแล้ว ขอให้เขาเห็นใจยายแก่คนนี้หน่อย พูดตามตรงนะ ฉันกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ภรรยาเขาอาจจะทนไม่ไหว”
คุณยายหวังรู้ดีว่าลูกชายของตนเองเป็นคนดื้อรั้น ดังนั้นจึงยิ่งรู้สึกเกรงใจที่จะรับของจากหลินเซี่ย
เงินก้อนนั้นไม่รู้ว่าจะสามารถใช้คืนได้เมื่อใด
หลินเซี่ยพูดต่อว่า “คุณยายหวัง ขอบคุณที่คุณยอมพูดกับลูกชายของคุณ จริงๆ แล้วงานที่เขาทำอยู่ข้างนอกก็เหนื่อยมาก ถ้าเขาสามารถกลับมาได้ อารองของฉันก็มีตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้เขา เขาจะได้ดูแลครอบครัวอย่างใกล้ชิด ภรรยาและลูกของเขาจะได้กลับมา ครอบครัวของพวกคุณก็จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ส่วนเรื่องที่ดินของครอบครัวคุณ ถ้าไม่อยากขายจริงๆ ก็ไม่เป็นไร”
ร่างผอมบางของคุณยายหวังนอนอยู่บนเตียง ดูน่าเป็นห่วงมาก
พูดตามตรง ถ้านางเสียชีวิตขึ้นมา ผ่านไปหลายวันอาจไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำ
คุณยายหวังเห็นใจลูกชาย ไม่ยอมบอกสถานการณ์จริงของตัวเองให้เขารู้ กระทั่งช่วงก่อนหน้านี้ที่มีคนมาทวงหนี้กดดันขนาดนั้น นางก็ยังไม่บอกลูกชาย
จากคำบอกเล่าของคุณยายหวัง เห็นได้ว่าหวังเว่ยตงก็เป็นลูกกตัญญู เพียงแต่เขาในตอนนี้ถูกบีบคั้นด้วยปัญหาปากท้อง หากคุณยายเกิดมีอันเป็นไป ในอนาคตอาจทำให้หวังเว่ยตงเสียใจอย่างไม่อาจเยียวยาได้
หลินเซี่ยไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบใจคุณยายดี
เธอหวังว่าหญิงชราจะไม่เลือกบอกแค่ข่าวดีกับลูกชายโดยที่ไม่เล่าข่าวร้าย
ถ้าหวังเว่ยตงกลับมา นอกจากจะได้ดูแลคุณยายแล้ว พวกเขาก็จะมีโอกาสได้คุยกับเขาตรงๆ ด้วย
“คุณยายหวัง คุณล้มแล้วมีบาดเจ็บตรงไหนไหมคะ? ให้พวกเราพาคุณไปโรงพยาบาลตรวจดูดีไหมคะ?”
คุณยายหวังรีบโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไรหรอก แค่หกล้มหน้าฟาดพื้นเท่านั้นเอง อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว”
นางเป็นคนเข้มแข็ง และไม่อยากรบกวนพวกเขา จึงยืนกรานว่าตัวเองไม่เป็นไร
เฉินเจียเหอมองหญิงชราแล้วพูดว่า
“คุณยายหวัง ผมคิดว่าคุณควรเขียนจดหมายบอกลูกชายเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณนะครับ ไม่ว่าการซื้อขายของเราจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว สิ่งสำคัญตอนนี้คือคุณต้องการคนดูแล”
ในช่วงฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ มักจะมีหิมะตก ผู้สูงอายุเดินไม่ค่อยมั่นคงอยู่แล้ว แค่ลื่นนิดเดียวก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้
คราวนี้คุณปู่คุณย่าของเขาก็เชื่อฟัง ยอมไปกับลูกชาย
คุณยายหวังมีสีหน้าลำบากใจและกังวล นางอยากพบลูกชาย แต่ก็กลัวว่าสักวันหนึ่งตนจะนอนอยู่บนเตียงแล้วจากไปโดยไม่มีใครรู้ จนร่างส่งกลิ่นเน่าเหม็น
แต่เมื่อนึกถึงหนี้สินของลูกชาย นางก็ลังเลอีกครั้ง
“ช่างเถอะ ไม่เป็นไร ฉันจะระวังตัวเอง ให้เขาทำงานหาเงินข้างนอกดีกว่า ตอนนี้เขามีความกดดันมาก ต้องหาเงินมาใช้หนี้ ฉันไม่อยากเป็นภาระของเขา”
“เสี่ยวหลิน พวกเราจะหาทางคืนเงินให้พวกเธอแน่นอน”
ท้ายที่สุดแล้ว คุณยายหวังก็เลือกที่จะแบกรับทุกสิ่งด้วยตัวเอง
นางมีความคิดเป็นของตัวเอง หนี้สินในครอบครัวยังไม่ได้ชำระให้หมด ถ้าลูกชายกลับมาตอนนี้ เกรงว่าพวกเจ้าหนี้คงจะมาทวงถึงบ้าน มีคนขู่ว่าจะหักขาลูกชายนางด้วย
นางกลัวว่าถ้าเขากลับมาแล้วก็จะถูกทำร้ายจนพิการ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นสถานการณ์ที่ลำบากใจเหลือเกิน ในเมื่อคุณยายยืนกรานขนาดนั้นก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนอกจากภาวนาขอให้ไม่เจ็บป่วยอะไรมากกว่านี้ล่ะ
ไหหม่า(海馬)