ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 833 การตัดสินใจของคุณยายหวัง
ตอนที่ 833 การตัดสินใจของคุณยายหวัง
โจวลี่หรงตกใจมากกับการคาดเดาในใจ
หล่อนรีบถามอย่างร้อนรน “เซี่ยเซี่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ? มีเรื่องร้ายแรงอะไรหรือเปล่า?”
มองดูคุณยายคนนี้ที่บนใบหน้ามีรอยแผล ท่าเดินก็กระย่องกระแย่งไม่คล่องแคล่ว
“แม่คะ นี่คือคุณยายหวังที่มาจากฟาร์มไก่ ท่านตั้งใจมาหาฉันโดยเฉพาะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเซี่ย โจวลี่หรงก็อุทาน “อ๋อ” พร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบเปิดประตูกว้างให้เซี่ยไห่พาคนเข้ามาข้างใน
หลินเซี่ยแนะนำกับคุณยายหวัง “คุณยายหวัง นี่คือแม่สามีของฉันค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” คุณยายหวังเห็นเด็กน้อยที่กำลังเล่นอยู่ในรถเข็นเด็ก แล้วก็พูดด้วยความรู้สึกขอโทษและเขินอาย “ฉันไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากเด็กเลย”
“คุณยายหวัง อย่าเกรงใจเลยค่ะ เชิญนั่งก่อนเถอะค่ะ”
โจวลี่หรงยกน้ำร้อนมาเสิร์ฟให้คุณยายดื่มเป็นการอุ่นร่างกาย
คุณยายหวังจิบน้ำ แล้วค่อยๆ หยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อนวมด้านในเสื้อคลุมตัวยาวของนางอย่างระมัดระวัง
มันคือโฉนดที่ดิน
นางมองดูเซี่ยไห่กับหลินเซี่ยแล้วพูดว่า “ฉันตัดสินใจขายที่ดินให้พวกเธอใช้แล้ว”
คำพูดของคุณยายหวังทำให้เซี่ยไห่กับหลินเซี่ยสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งสองคนมีสีหน้าประหลาดใจเหมือนกัน
หลินเซี่ยถามอย่างสงสัย “คุณยายหวัง ทำไมคุณถึงตัดสินใจแบบนี้อย่างกะทันหันล่ะคะ?”
คุณยายหวังถอนหายใจอย่างโศกเศร้าแล้วอธิบายว่า “เราชำระหนี้ของโรงงานอาหารสัตว์หมดแล้วก็จริง แต่ยังมีหนี้ของคนอื่นอีกส่วนหนึ่งที่ผัดผ่อนมาตลอด อาจจะเป็นเพราะข่าวรั่วไหลจากทางหลิวกัง พวกเขาได้ยินมาว่ามีเถ้าแก่คนหนึ่งจ่ายเงินชำระหนี้ให้หลิวกัง วันนี้พวกเขาหลายคนมาทวงหนี้พร้อมกัน ฉันพยายามอธิบายแล้วแต่พวกเขาไม่ฟัง บอกว่าจะมาหาพวกเธอ ฉันเลยไม่อยากสร้างปัญหาให้พวกเธอน่ะ”
คุณยายหวังมีสีหน้าเศร้าสร้อยและอ่อนแรง “ฉันเองก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันจะรับผิดชอบขายที่ดินผืนนี้เอง ฉันอยากปิดหนี้ทั้งหมดแล้ว ลูกชายฉันกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะอธิบายให้เขาฟังเอง”
นับตั้งแต่วันที่ได้ยินเซี่ยไห่บอกว่าลูกชายของนางไปทำงานก่อสร้างแบกปูน ได้เงินเดือนละร้อยกว่าหยวนเป็นอย่างมาก หัวใจของคุณยายหวังก็หนาวเยือก
ไม่นับเงินที่ยืมมาจากครอบครัวพ่อตาของหวังเว่ยตง แค่หนี้ภายนอกก็มีหมื่นกว่าหยวนแล้ว อาศัยเงินเดือนแค่ร้อยกว่าหยวน จะใช้หนี้หมดเมื่อใดกัน?
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ครอบครัวก็จะแตกสลาย
หลินเซี่ยและเซี่ยไห่ได้ยินคำพูดของคุณยายหวัง สีหน้าของทั้งสองคนก็ดูซับซ้อน
ผลลัพธ์เช่นนี้ พวกเขาย่อมปรารถนาอย่างยิ่ง
แต่คุณยายหวังก็มีอายุมากแล้ว หากเรื่องนี้ตัดสินใจโดยคุณยายเพียงคนเดียว ภายหลังเมื่อหวังเว่ยตงกลับมาแล้วไม่ยอมรับข้อตกลงที่พวกเขาลงนาม หรือแม้กระทั่งฟ้องร้องว่าพวกเขาหลอกลวงคนชรา เรื่องนี้จะทำอย่างไร
หลินเซี่ยจำได้ว่าในชาติก่อน ธุรกรรมหลายอย่างไม่ได้ให้คนชราทำเพียงลำพัง
เธอแค่กลัวว่าลูกหลานของนางกลับมาแล้วจะก่อเรื่อง
“น้าหวัง ผมขอดูโฉนดที่ดินก่อนนะครับ”
เซี่ยไห่เปิดดู สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือบนนั้นมีชื่อของผู้หญิงคนหนึ่ง
หยางเฉียวเอ๋อ
“น้าหวัง นี่ชื่อของใครครับ?” เซี่ยไห่ถามคุณยายหวัง
นางอธิบายต่อ “ที่ดินผืนนี้เป็นชื่อของฉัน มันเป็นมรดกตกทอดมาจากครอบครัวเดิมของฉัน”
เซี่ยไห่เห็นชื่อของคุณป้าหวังแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
เรื่องราวนี้น่าจะจัดการได้ง่ายขึ้นมาก
เซี่ยไห่พูดกับหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย ในเมื่อมันเป็นชื่อของคุณน้า พวกเราก็น่าจะทำธุรกรรมกับคุณน้าได้เลย”
แต่หลินเซี่ยยังคงมีความกังวล กลัวว่าเมื่อเริ่มก่อสร้างในภายหลัง หวังเว่ยตงอาจกลับมาก่อเรื่อง ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของโครงการแล้ว ยังส่งผลต่อชื่อเสียงของพวกเขา และยังกระทบต่อจิตใจของผู้คนอีกด้วย
คุณยายหวังกลับแสดงท่าทางเด็ดเดี่ยว กล่าวว่าตัวนางเองสามารถตัดสินใจได้
เซี่ยไห่กำลังกระสับกระส่ายอยากจะลงมือ
แต่หลินเซี่ยไม่กล้าทำธุรกรรมกับคุณยายอย่างง่ายดาย
โจวลี่หรงได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาแล้วก็รู้สึกว่าควรจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง
หล่อนแนะนำให้หลินเซี่ยโทรศัพท์ไปหาเฉินเจิ้นเจียง เพื่อปรึกษาเรื่องนโยบายและกฎหมายก่อนที่จะตัดสินใจ
เฉินเจิ้นเจียงในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ หลังฟังคำบอกเล่าของหลินเซี่ยแล้ว เขาก็กังวลในเรื่องผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง
เขากล่าวว่าต่อให้คุณยายจะเป็นพลเมืองที่มีความสามารถในการตัดสินใจ และสามารถลงนามในข้อตกลงได้อย่างอิสระตามกฎหมาย แต่เรื่องนี้ยังต้องคำนึงถึงความคิดเห็นของลูกๆ นางด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหายุ่งยากมากมายในภายหลัง
หากประชาชนทั่วไปก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมา ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ไม่อาจมองข้ามได้
เฉินเจิ้นเจียงสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของคุณยายหวังแล้ว จึงให้คำแนะนำแก่หลินเซี่ยว่า ถ้าเป็นไปได้ ให้คุณยายหวังเรียกลูกสะใภ้กลับมาเป็นพยานก็ได้
ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้ามีลูกชายหรือลูกสะใภ้อยู่ด้วยสักคน ข้อตกลงนี้ก็จะมีผลสมบูรณ์
หลินเซี่ยฟังคำแนะนำของเฉินเจิ้นเจียงแล้ว จึงคุยกับคุณยายหวังในเรื่องความคิดเห็นของพวกเขา
พวกเขาหวังว่าคุณยายจะเรียกลูกสะใภ้กลับมาจากบ้านเกิดเพื่อมาเป็นพยานในการลงนามข้อตกลง
ส่วนราคาที่ดินก็จะเท่ากับราคาที่ดินไม่กี่ไร่ของครอบครัวหลี่
คุณยายหวังแสดงสีหน้าลำบากใจ “แต่ฉันกลัวว่าถ้าลูกสะใภ้และหลานชายกลับมา พวกเจ้าหนี้จะมาสร้างปัญหาให้พวกเขา”
หากมาภายหลังก็คงไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไร
พวกเขากลัวว่านางจะได้รับการกระทบกระเทือน ถึงขนาดไม่กล้าพูดเสียงดังต่อหน้านางเลย
แต่ถ้าลูกสะใภ้กับหลานชายกลับมา มันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คุณยายหวังได้แต่หวังว่าจะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง แล้วค่อยเรียกลูกชายกับลูกสะใภ้กลับมา
เซี่ยไห่ถามคุณยายหวังว่า “คุณยายครับ บ้านเกิดของลูกสะใภ้คุณอยู่ที่ไหน มีวิธีติดต่อไหมครับ? เราติดต่อพวกเขาก่อนดีกว่า ถ้าเราตกลงกันได้จริงๆ ผมส่งคนไปคุ้มครองพวกเขาได้ คุณก็เห็นแล้วว่าผมมีอิทธิพลพอสมควรในเมืองไห่เฉิง ไม่มีใครกล้ารังแกหรือก่อกวนคนที่ผมต้องการปกป้องหรอกครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ คุณยายหวังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากว่า
“มีวิธีติดต่ออยู่นะ”
คุณยายหวังหยิบสมุดโทรศัพท์เล่มเก่าออกมาจากกระเป๋าอีกครั้ง แล้วพลิกดูไปมา
นางชี้ไปที่หมายเลขโทรศัพท์หนึ่งแล้วพูดว่า “นี่คือเบอร์ของร้านขายของชำในหมู่บ้านบ้านเกิดของลูกสะใภ้ฉัน บ้านพวกเขาอยู่ในชานเมือง ห่างจากที่นี่สองร้อยกิโลเมตร ฉันไม่เคยโทรไปเบอร์นี้ มันเป็นเบอร์ที่ลูกสะใภ้เคยใช้ติดต่อกับบ้านเกิด น่าจะยังโทรติดอยู่”
เพื่อประหยัดค่าโทรศัพท์ คุณยายหวังแทบไม่เคยโทรหาพวกเขาเลย
สัญญาณโทรศัพท์ในหมู่บ้านไม่ดี ต้องโทรหลายครั้งกว่าจะติดต่อได้ จากนั้นเจ้าของร้านขายของชำก็บอกว่าจะไปตามคนมาให้ แล้วพวกเขาก็รอคอยอย่างยาวนาน
รออยู่ประมาณสิบนาทีก็โทรไปอีกครั้ง
หลังจากพยายามหลายครั้ง ในที่สุดก็ติดต่อลูกสะใภ้ของคุณยายหวังได้
ผลคือลูกสะใภ้เพียงแค่รับสายด้วยคำว่า “ฮัลโหล” โทรศัพท์ก็ถูกแย่งไปทันที
เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดี คุณยายหวังจึงไม่ได้ยินว่าปลายสายมีคนแย่งรับไปแล้ว จึงยังคงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านให้ลูกสะใภ้ฟังอย่างตั้งใจ
ฝ่ายปลายสายได้ยินว่าเจ้าหนี้มาดักรอที่หน้าบ้าน ก็โพล่งด่าด้วยความโกรธว่า “หวังเว่ยตงนี่มันไร้ความสามารถจริงๆ เลี้ยงไก่ดีๆ ก็ยังทำไม่ได้ ตอนนี้หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ไม่มีรับผิดชอบอะไรเลย แล้วเงินของฉันเมื่อไหร่จะใช้คืน ลูกชายฉันอีกหน่อยก็จะแต่งงานแล้ว พวกแกจะเอายังไงกันแน่”
“พี่ชายสะใภ้ พวกเราจะรีบหาเงินมาใช้คืนให้นะ” คุณยายหวังนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจำได้ว่าเป็นเสียงพี่ชายคนโตของลูกสะใภ้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดว่า “ขอคุยกับซิ่วเหมยหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับหล่อน”
พี่ชายคนโตจึงโยนโทรศัพท์ใส่มือซิ่วเหมยด้วยความหงุดหงิด
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นการทำธุรกรรมที่ลุ้นระทึกมากค่ะ คุณยายจะขายที่สำเร็จไหมนะ? รอติดตามตอนหน้านะคะ
ไหหม่า(海馬)