ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 834 ความกดดันของสหายโจวลี่หรงกลับมาอีกครั้ง
ตอนที่ 834 ความกดดันของสหายโจวลี่หรงกลับมาอีกครั้ง
“แม่ มีอะไรหรือคะ? ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง?” ซิ่วเหมยถาม
คุณยายหวังพูดว่า “ซิ่วเหมย มีคนจะซื้อที่ดินฟาร์มไก่ของเรา แต่เว่ยตงไม่ยอมขาย แม่คิดว่าเราควรขายนะ ถ้าขายแล้วหนี้สินของเราก็จะหมดไปเกือบหมด ตอนนั้นเว่ยตงก็จะกลับมาได้ เธอกับเด็กๆ ก็จะได้กลับบ้านเร็วขึ้น พวกเราจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข”
ซิ่วเหมยได้ยินดังนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “แม่ บ้านพังๆ ไม่กี่หลังนั่นน่ะเหรอ ใครจะซื้อล่ะคะ? ขายได้เท่าไหร่? คงไม่พอใช้หนี้หรอกมั้งคะ?”
“แม่ได้คุยกับเขาแล้ว บ้านพวกนั้นรวมกับที่ดินว่างหน้าฟาร์มไก่ด้วยทั้งหมดเกือบ 10 ไร่ ขายได้ประมาณ 8,000 หยวน เราจะใช้หนี้ได้เยอะเลยนะ อ้อ ครั้งก่อนคนจากโรงงานอาหารสัตว์มาทวงเงิน เถ้าแก่คนนี้ก็ช่วยจ่ายให้เราก่อนแล้วด้วย”
คุณยายหวังพูดต่อไปว่า “พวกเขาบอกว่าจะยอมเซ็นสัญญาเปลี่ยนสิทธิ์การใช้ที่ดินกับฉันก็ต่อเมื่อมีเธอหรือเว่ยตงอยู่ด้วยเท่านั้น พวกเขากลัวว่าฉันอายุมากแล้ว สัญญาอาจจะไม่มีผล”
ภรรยาของหวังเว่ยตงยังลังเลอยู่ เมื่อเรื่องนี้เว่ยตงไม่เห็นด้วย พวกหล่อนซึ่งเป็นผู้หญิงและเด็กก็ไม่สามารถตัดสินใจได้
ผลปรากฏว่าพี่ชายหล่อนที่กำลังฟังโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ได้เร่งเร้าว่า “ซิ่วเหมย จะลังเลอะไรอีกล่ะ? รีบกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่สามีเธอเซ็นสัญญาขายที่ดินเถอะ มีคนอยากซื้อที่ดินฟาร์มไก่พังๆ นั่นถือว่าเขามาช่วยชีวิตครอบครัวของพวกเธอแล้วนะ ไม่งั้นพวกเธอจะใช้คืนเงินพวกนั้นได้ตอนไหนกัน”
พี่ชายของหล่อนมีสีหน้าเป็นกังวล มองซิ่วเหมยแล้วพูดเสียงเบาว่า “เธอไม่รู้สึกหรือว่าพี่สะใภ้เริ่มไม่พอใจเธอแล้ว? หล่อนคอยให้ฉันเร่งเร้าพวกเธอให้ใช้เงินคืนอยู่ทุกวัน ฉันที่เป็นคนกลางรู้สึกลำบากใจมาก ลูกชายของฉันถึงวัยแต่งงานแล้ว เงินสินสอดที่ฉันเก็บไว้ให้เขาก็ให้พวกเธอยืมไปหมดแล้ว ชีวิตของฉันก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน เธอเองก็เห็นใจพวกเราบ้างสิ”
ซิ่วเหมยรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าอย่างทรมานหลังจากถูกพี่ใหญ่พูดจาเช่นนั้น
หล่อนหรือจะไม่รู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์ของพี่สะใภ้?
แต่ด้วยความจำยอมที่ต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น หล่อนจึงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น
ในที่สุดซิ่วเหมยก็ตัดสินใจ พูดกับคนปลายสายว่า “แม่ พรุ่งนี้ฉันจะนั่งรถพาเสี่ยวจวินกลับไปค่ะ”
“ดีแล้ว”
คุณยายหวังรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีมีดกรีดหัวใจ เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายลูกสะใภ้จากปลายสายโทรศัพท์
ชีวิตของลูกสะใภ้และหลานชายที่บ้านเกิดคงไม่ได้สุขสบายนัก
คุณยายหวังยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจขายที่ดินด้วยตัวเองมากขึ้น
การขายที่ดินจะช่วยกอบกู้ครอบครัวของพวกเขาได้
เซี่ยไห่ขับรถไปส่งคุณยายหวังกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงบ้าน ปรากฏว่ามีคนมาทวงหนี้นั่งรออยู่ที่หน้าประตู
คนคนนั้นบอกว่าหวังเว่ยตงติดค้าค่ายาของคลินิกสัตวแพทย์พวกเขาอยู่สามร้อยหยวน
เมื่อเห็นเถ้าแก่แต่งตัวดีพาคุณยายหวังกลับมา เขาก็เข้ามาล้อมเซี่ยไห่เพื่อทวงเงิน
เซี่ยไห่คิดจะบอกว่าสามร้อยหยวนเขาจ่ายให้ได้ทันที แต่พอดูกระเป๋าสตางค์กลับพบว่าลืมเอามา เขาจึงพูดกับคนคนนั้นว่า “พรุ่งนี้บ่ายพวกคุณมาเถอะ วันนี้ผมไม่ได้เอาเงินมาน่ะ”
คนคนนั้นอ้ำอึ้งไม่ยอมไป บอกว่าเขาเป็นลูกจ้าง หมอที่คลินิกสัตวแพทย์ส่งเขามา
“พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ หวังเว่ยตงก็จะกลับมาพรุ่งนี้แล้ว” เซี่ยไห่ตวาดเตือนคนนั้นอย่างดุดัน
“แต่ตอนนี้ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ อย่ามารบกวนการพักผ่อนของแม่บุญธรรมของฉัน ถ้าไม่ฟัง ฉันจะแจ้งตำรวจ”
เมื่อเซี่ยไห่บอกว่าพรุ่งนี้ตอนบ่าย อีกทั้งคุณยายหวังก็รับรองว่าจะคืนเงินพรุ่งนี้ คนผู้นั้นจึงจากไป
“เสี่ยวเซี่ย พวกเธอคือผู้ช่วยชีวิตของครอบครัวฉันจริงๆ”
เซี่ยไห่พยุงคุณยายเข้าบ้าน เขายิ้มพลางพูดว่า “น้าหวัง นี่ถือว่าเป็นการได้ประโยชน์ร่วมกันน่ะครับ ที่ดินนั้นถ้าอยู่ในมือของพวกคุณก็เป็นแค่ที่ดินรกร้าง นอกจากจะบอกว่าเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก หากขายให้พวกเรา พวกคุณก็ได้ชำระหนี้สิน พวกเราก็สามารถพัฒนาที่ดินต่อได้ ในอนาคตเมื่อตึกใหญ่ผุดขึ้นมา บรรพบุรุษของครอบครัวคุณที่อยู่บนสวรรค์เห็นก็คงจะดีใจ คนเราต้องมีวิสัยทัศน์น่ะครับ”
แม้ว่าคุณยายหวังจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เซี่ยไห่เรียกว่า “วิสัยทัศน์” คืออะไร แต่จากคำอธิบายของเขา นางก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล
บรรพบุรุษคงหวังให้ที่ดินของพวกเขาได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ แทนที่จะถูกทิ้งร้างและเสื่อมโทรมปีแล้วปีเล่า
คุณยายหวังจูงมือเซี่ยไห่ให้นั่งลง มองดูเขา ก่อนลองถามอย่างระมัดระวัง “เสี่ยวเซี่ย แล้วที่เธอบอกว่าในอนาคตถ้าลูกชายของฉันกลับมา เธอจะจัดการหางานให้เขาได้ นี่ยังเป็นเรื่องจริงอยู่ไหม?”
เซี่ยไห่พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “แน่นอน ทางผมขาดคนอยู่มาก ก็ต้องดูว่าเขาทำงานอะไรได้บ้าง”
“แต่ผมรู้สึกว่าเขาเหมือนจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าอย่างนั้นต่อไปคุณน้าต้องเตือนเขาด้วยนะครับ เวลาออกไปทำงาน อารมณ์ต้องไม่รุนแรงเกินไป พวกเราเป็นธุรกิจบริการ เป็นเรื่องง่ายที่จะเกิดความขัดแย้งกับคนอื่น”
เซี่ยไห่ไม่ชอบคนดื้อรั้นที่ไม่ยอมฟังคำสั่งสอนที่สุด
เขาเพียงคุยโทรศัพท์กับหวังเว่ยตงหนึ่งครั้ง และพูดแค่สองประโยค หวังเว่ยตงก็ให้ความรู้สึกกับเขาว่าเป็นคนที่ก้าวร้าวและดื้อรั้นมาก
คุณยายหวังรีบรับปากอย่างร้อนรน
“ต่อไปฉันจะคอยตักเตือนเขาเอง”
เมื่อคุณยายหวังเปลี่ยนใจ หลินเซี่ยก็รู้สึกสบายใจขึ้นในที่สุด
ตอนนี้หวังเพียงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก และภรรยาของหวังเว่ยตงจะกลับมาแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่น
คืนนั้นเซี่ยไห่อารมณ์ดีมาก เขาเรียกถังจวิ้นเฟิง ลู่เจิ้งอวี่ และหลินจินซาน ให้ทุกคนไปร้องเพลงกับอู๋เซิ่งหงด้วยกัน
เฉินเจียเหอเลิกงานดึก แต่เดิมเขาไม่อยากไป อยากอยู่บ้านช่วยดูแลลูก แต่ถูก หลินเซี่ยผลักดันให้ไป ให้เขาไปสนุกสนานผ่อนคลายกับพี่น้อง และถือเป็นการต้อนรับอู๋เซิ่งหงแทนเธอด้วย
เซี่ยไห่โทรหาเย่ไป๋ แต่ภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ เย่ไป๋จึงไม่ออกจากบ้านไม่ว่าจะมีเรื่องใหญ่แค่ไหน
เซี่ยไห่จึงพาพวกสหายพี่น้องไปต้อนรับอู๋เซิ่งหงจนดึกดื่น
เฉินเจียเหอกลับมาค่อนข้างดึก ก็พอดีกับโจวลี่หรงไม่ได้กลับบ้าน
เมื่อเฉินเจียเหอเดินเข้าประตูมา เขาก็เห็นโจวลี่หรงนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา
เห็นท่าทางของแม่เป็นแบบนี้ ร่างกายสูงใหญ่ของเขาก็สั่นเทาด้วยความกลัว
อึก…
เขาถามเสียงเบา “แม่ครับ ทำไมแม่ไม่นอนล่ะ?”
โจวลี่หรงได้กลิ่นเหล้าจากตัวเฉินเจียเหอ สีหน้ายิ่งดูไม่สบอารมณ์
หล่อนลุกขึ้นยืน เดินไปหาเฉินเจียเหอ มองหน้าเขาแล้วเอ่ยปาก “เจียเหอ ลูกออกไปดื่มเหล้าแล้วกลับมาดึกขนาดนี้นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรือ?”
เฉินเจียเหออธิบาย “พวกเขาไม่ยอมให้ผมกลับ ทุกคนเลิกงานกันช้า”
“คนอื่นเขายังโสด แต่ลูกรู้สถานะของตัวเองดีอยู่ไม่ใช่หรือไง?” โจวลี่หรงถามเสียงเข้ม จนเฉินเจียเหอไร้ซึ่งคำตอบ
“แม่ครับ ผมเข้าใจแล้ว คุณเข้าไปพักผ่อนเถอะครับ”
เฉินเจียเหอจะเข้าห้อง แต่ถูกโจวลี่หรงขวางไว้ บอกไม่ให้เขาไปรบกวนหลินเซี่ยกับลูก ให้เขานอนที่โซฟา
เฉินเจียเหออุทานเสียงหนึ่ง แสดงอาการงุนงงอย่างมาก
เขาบอกว่าเขาสามารถเบามือได้ จะเข้าไปนอนเงียบๆ ไม่รบกวนหลินเซี่ยกับลูก
ในทางกลับกัน ถ้าเขาไม่กลับห้อง หลินเซี่ยจะนอนไม่หลับ
“อย่าเข้าไปนะ”
โจวลี่หรงพูดด้วยน้ำเสียงสั่งการ แล้วกลับเข้าไปในห้องของหู่จือ
เฉินเจียเหอจำต้องค่อย ๆ ล้างหน้าอย่างเบามือ แล้วนอนบนโซฟา
วันรุ่งขึ้น หลินเซี่ยตื่นขึ้นมาตอนใกล้สว่างเพื่อให้นมลูก แต่กลับพบว่าเฉินเจียเหอไม่ได้อยู่บนเตียง
เธอตกใจ และคิดจะโทรหาเซี่ยไห่โดยสัญชาตญาณ
แต่พอคิดอีกที เธอก็คิดว่าเฉินเจียเหอคงมีธุระที่หน่วยงาน จึงไม่ควรรบกวนเซี่ยไห่
ผลปรากฏว่าเมื่อเธอออกไปเข้าห้องน้ำ ก็พบว่าเฉินเจียเหอนอนอยู่บนโซฟา
เขาคลุมตัวด้วยผ้าห่มบางๆ ผืนเล็กที่เคยเป็นของหู่จือ
หลินเซี่ยเขย่าตัวเขาเบาๆ “ทำไมคุณมานอนตรงนี้ล่ะ? ไม่หนาวเหรอ?”
เฉินเจียเหอถูกปลุกให้ตื่น ร่างกายสูงใหญ่ของเขาขยับตัวอย่างยากลำบากบนโซฟาแคบๆ
เขาตอบด้วยสายตาที่ยังง่วงงุน “ไม่หนาวหรอก”
“รีบลุกขึ้นมาเข้าไปนอนในห้องเร็ว”
หลินเซี่ยเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว เฉินเจียเหอยังคงขดตัวอยู่บนโซฟา เธอจึงฝืนดึงตัวเขาเข้าไปข้างใน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาใจช่วยครอบครัวหวังให้ปลดหนี้ได้นะคะ ต่อให้ต้องขายที่ดินบรรพบุรุษตัวเองก็เถอะ
พี่เหอตอนนี้ดูเหมือนเด็กที่หนีเที่ยวแล้วกลับมาเจอแม่ถือไม้เรียวรออยู่เลยค่ะ นึกภาพแล้วก็ขำ
ไหหม่า(海馬)