ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 840 ขโมยไก่ไม่สำเร็จซ้ำยังเสียข้าวสาร
ตอนที่ 840 ขโมยไก่ไม่สำเร็จซ้ำยังเสียข้าวสาร
เซี่ยหลานสงบสติอารมณ์ แล้วหันไปมองเสิ่นอวี้หลง “เสิ่นเถี่ยจวินพูดอะไรกับลูกหรือ?”
เสิ่นอวี้หลงมองหล่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วเอ่ยปาก “แม่ครับ ผมอยากรู้ว่าเรื่องระหว่างแม่กับลุงเซี่ยเหลยมันเป็นยังไงกันแน่?”
เซี่ยหลานเงียบไปครู่ใหญ่ หล่อนยันประตูยืนตัวตรง จ้องมองเสิ่นอวี้หลงด้วยสายตาแน่วแน่ แล้วเอ่ยปากอย่างจริงจังทีละคำ “อวี้หลง แม่กับเซี่ยเหลยไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น ไม่ว่าเสิ่นเถี่ยจวินจะใส่ร้ายแม่เพื่อแก้ตัวให้ตัวเองยังไง แม่ก็ไม่มีอะไรต้องละอายใจ”
“ตอนที่แม่เป็นวัยรุ่นยังไม่รู้เดียงสา แม่เคยชอบเซี่ยเหลย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เสิ่นเถี่ยจวินจะมาทำร้ายแม่ได้ ตอนที่แม่อยู่กับเขา ในใจแม่ไม่มีคนอื่น แม่พยายามอย่างหนักที่จะรักษาชีวิตสมรสของเราแล้ว แต่เขาเห็นแก่ตัวและหึงหวง พอแม่เพิ่งคลอดลูก เขาก็แอบสลับเปลี่ยนตัวเด็ก เขาไม่เพียงแต่ทำร้ายแม่ แต่ยังทำร้ายทั้งสองครอบครัวด้วย”
“เขาสงสัยว่าลูกในท้องของแม่เป็นลูกของเซี่ยเหลย ผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะ? แม้แต่สวรรค์ก็ทนดูพฤติกรรมชั่วร้ายของเขาไม่ได้”
เซี่ยหลานเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มเย็นชา “ลูกสาวที่เขาแอบเปลี่ยนกลับไปต่างหากที่เป็นลูกของเซี่ยเหลย นี่แหละที่เรียกว่าขโมยไก่ไม่สำเร็จแถมเสียข้าวสารอีก”
“ยังมีคุณปู่ของหล่อนอีก เขาไม่ชอบหน้าหลินเซี่ยตั้งแต่เด็กเพราะหน้าเหมือนเซี่ยอวี่ แล้วก็ยังไม่ชอบแม่ด้วย เขาเชื่อมาตลอดว่าแม่นอกใจลูกชายเขา ตลอดหลายปีมานี้ เขาไม่พอใจแม่ ด่าทอแม่ในบ้านต่างๆ นานา แถมยังดูถูกคุณตาคุณยายด้วย ลูกรู้ไหม ตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ แม่ไม่อาจพูดอะไรเป็นการปกป้องตัวเองได้เลย”
หล่อนไม่มีทางอธิบายเรื่องหน้าตาของหลินเซี่ยให้ใครฟังได้ ได้แต่ยอมรับทุกอย่างอย่างจำยอม
เมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานและความอัปยศอดสูที่ตัวเองต้องเผชิญมาตลอดยี่สิบปีนี้ ร่างกายของเซี่ยหลานก็สั่นเทาเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่แม้แต่ลูกชายยังมาซักไซ้ไล่เลียงหล่อน จนหัวใจทั้งดวงของหล่อนเกือบจะพังทลายลง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์มากมาย เสิ่นอวี้หลงลูกชายคนนี้เป็นแรงผลักดันเพียงหนึ่งเดียวที่ค้ำจุนหล่อนไว้
เพื่อเขา หล่อนดิ้นรนต่อสู้ ฝืนทน พยายามอย่างหนัก…
บัดนี้เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว หายดีแล้ว แต่เมื่อเขาไปพบเสิ่นเถี่ยจวินครั้งแรก ประโยคแรกที่เขาพูดกลับเป็นการซักถามอดีตของหล่อนด้วยน้ำเสียงเช่นนี้
หล่อนได้รับการดูหมิ่นอีกครั้งจากลูกชายของตัวเอง
ในขณะนี้ หล่อนมองเสิ่นอวี้หลงด้วยสายตาผิดหวังและเศร้าสร้อย…
นี่คือลูกชายที่หล่อนพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตเขากลับมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยหลานแสดงอารมณ์โกรธออกมาต่อหน้าเสิ่นอวี้หลงนับตั้งแต่ที่เขาฟื้นขึ้นมา
ก่อนหน้านี้หล่อนมักจะยอมอะไรต่อมิอะไรเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสิ่นอวี้หลง หล่อนกลัวว่าอารมณ์ของเขาจะถูกกระทบกระเทือน จึงคอยระมัดระวังความรู้สึกของเขาอย่างเต็มที่
แต่มีใครบ้างล่ะที่ใส่ใจความรู้สึกของหล่อน?
เสิ่นอวี้หลงเชื่อในคำพูดของเสิ่นเถี่ยจวินได้อย่างง่ายดาย การที่เขาถามคำถามนี้กับหล่อน แสดงให้เห็นว่าเขารับฟังคำพูดของเสิ่นเถี่ยจวินและไม่ไว้วางใจหล่อนผู้เป็นแม่เลย
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยหลานรู้สึกเหน็บหนาวในใจ
เสิ่นอวี้หลงตกใจกับสายตาของเซี่ยหลาน ในตอนนี้เองเขาตระหนักว่าคำพูดของตัวเองได้ทำร้ายจิตใจแม่ จึงรีบอธิบายด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“แม่ครับ ผมแค่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้น อย่าเพิ่งน้อยใจไปเลยนะครับ”
น้ำตาของเซี่ยหลานเอ่อคลอเบ้า ยิ้มอย่างขมขื่น “เสิ่นเถี่ยจวินใส่ร้ายป้ายสีฉันมายี่สิบปี ตอนนี้แม้แต่ลูกชายก็เริ่มสงสัยฉัน แล้วจะไม่ให้ฉันน้อยใจได้ยังไง?”
“อวี้หลง แม่ทนมามากพอแล้ว แม่กับเสิ่นเถี่ยจวินหย่าร้างกันไปนานแล้ว ตอนนี้ลูกก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม่ไม่อยากอธิบายอะไรอีก ลูกควรแยกแยะถูกผิดได้ด้วยตัวเอง ถ้ายังเชื่อคำโกหกที่เสิ่นเถี่ยจวินแต่งขึ้นมาเพื่อแก้ตัวให้ตัวเองอยู่ก็ตามใจลูก”
เซี่ยหลานพูดจบก็ลากร่างที่อ่อนล้าเข้าห้อง ปิดประตู
เสิ่นอวี้หลงยืนอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น มองประตูที่เซี่ยหลานปิดลงด้วยสีหน้าซับซ้อน
พ่อบอกว่าในฐานะผู้ชาย ไม่มีใครจะทนได้ถ้าผู้หญิงของตัวเองมีผู้ชายอื่นอยู่ในใจ อีกอย่างแม่ของเขาก็คลอดก่อนกำหนด เขาถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นไปชั่วขณะเพื่อรักษาศักดิ์ศรีความเป็นชาย
พ่อบอกว่า ในฐานะผู้ชายเหมือนกัน ลูกชายอย่างเขาควรจะเข้าใจ
ให้เขาลองสมมติตัวเองเป็นพ่อดู ถ้าคนรักในอนาคตของเขามีผู้ชายอื่นอยู่ในใจ เขาจะรู้สึกอย่างไร?
เมื่อเสิ่นอวี้หลงได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจพ่อของเขาอยู่บ้าง
วันนี้ตอนที่เขาถามคำถามนั้นกับแม่ของเขา พูดตามตรงแล้ว เขาก็ยืนอยู่ในจุดยืนของพ่อเขาจริงๆ
พูดให้ชัดเจนก็คือ ยืนอยู่ในจุดยืนของผู้ชายคนหนึ่ง
แม้ว่าการสับเปลี่ยนลูกสาวของตัวเองจะเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ แต่เมื่อเขาเห็นพ่อของเขาร้องไห้คร่ำครวญเล่าถึงความขัดแย้งและความเจ็บปวดในใจของตัวเองในตอนนั้น ในช่วงเวลานั้นเขากลับรู้สึกเข้าใจพ่อของเขาขึ้นมาจริงๆ
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่โรงเรียน เมื่อเห็นผู้หญิงที่เขาแอบชอบเดินใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่น เขาก็จะหึงหวงอย่างบ้าคลั่งและรู้สึกเจ็บปวด
ยิ่งไปกว่านั้น แม่ของเขาก็แต่งงานกับพ่อของเขาแล้วในตอนนั้น
เซี่ยหลานขังตัวเองอยู่ในห้อง แม้แต่ตอนอาหารเย็นก็ไม่ได้ออกมาทำอาหาร เสิ่นอวี้หลงรอให้หล่อนออกมาทำอาหารเย็นไม่ไหว จึงกระวนกระวายใจเดินไปเคาะประตู
เซี่ยหลานไม่ได้เปิดประตู เพียงบอกให้เขาจัดการอาหารเย็นเอง หล่อนเหนื่อยและอยากพักผ่อน
เสิ่นอวี้หลงจำต้องออกไปซื้อบะหมี่กลับมาทำ
เขายืนเหม่อลอยอยู่หน้าเตา จนกระทั่งบะหมี่ในหม้อเดือดล้นออกมาลวกมือของเขาที่วางอยู่บนขอบหม้อ ความเจ็บปวดก็ทำให้เขาได้สติกลับมา
เขารีบปิดไฟแล้วใช้น้ำเย็นราดมือที่ถูกลวกจนแดง ความรู้สึกแสบร้อนบนมือในตอนนี้ ทำให้สมองของเขาตื่นตัวขึ้นมาทันที
ตระหนักได้ว่าคำพูดของตนสร้างความเจ็บปวดให้แม่มากเพียงใด
เขาไม่ควรหลงเชื่อน้ำตาและคำสารภาพของเสิ่นเถี่ยจวินได้ง่ายๆ แบบนั้น
จำเป็นต้องมีความสามารถในการแยกแยะถูกผิด
เขาเข้าใจนิสัยของแม่ดี
หล่อนมีมาตรฐานทางศีลธรรมที่สูงกว่าพ่อของเขามาก
ยิ่งไปกว่านั้น คุณตากับคุณยายล้วนเป็นนักการศึกษาที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพนับถือ
เสิ่นเถี่ยจวินในตอนนั้นไม่เคยเชื่อใจแม่ของเขาเลย แม้แต่การคลอดก่อนกำหนดก็ยังเชื่อมโยงไปถึงการนอกใจของแม่
เขาไม่ยอมตรวจสอบหรือยืนยันความจริง แต่กลับเปลี่ยนตัวเด็กทันทีโดยไม่คิดถึงจิตใจแม่ของเขาเลย ทั้งยังลากอีกครอบครัวหนึ่งมารับเคราะห์อีก
คนแบบนั้นเลวร้ายถึงกมลสันดาน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักสำนึกผิด
และเขาก็เกือบจะถูกคำพูดของคนผู้นั้นหลอกเสียแล้ว
เสิ่นอวี้หลงยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างแรง
เขารู้สึกเสียใจที่ถูกน้ำตาจระเข้ของเสิ่นเถี่ยจวินหลอก
เสิ่นอวี้หลงทำอาหารเสร็จแล้ว ถือชามบะหมี่ไปเคาะประตูห้องของเซี่ยหลาน
“แม่ครับ อาหารพร้อมแล้ว”
“แม่ครับ เปิดประตูหน่อย อาหารสุกแล้ว”
หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงอ่อนแรงของเซี่ยหลานก็ดังมาจากในห้อง “แม่ไม่กิน ลูกกินเถอะ”
“แม่ครับ เปิดประตูเถอะ กินอาหารหน่อย ผมผิดไปแล้ว อย่าถือสาผมเลยนะครับ”
“แม่ครับ…”
เซี่ยหลานไม่ยอมเปิดประตู เสิ่นอวี้หลงจึงยืนถือชามอาหารอยู่หน้าประตูพลางเคาะประตูอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับพูดขอโทษไปด้วย
ในที่สุดเซี่ยหลานก็สงสารลูกชาย หล่อนกลัวว่าถ้าตนไม่เปิดประตู เขาก็จะไม่ยอมกินข้าว สุดท้ายจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องให้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้ยินคำพูดแบบนี้จากลูกชายที่อุตส่าห์ทุ่มเททุกอย่างให้มันก็หมดแรงเหมือนกันนะ ขอให้หมดทุกข์หมดโศกสักทีเถอะเซี่ยหลาน
ไหหม่า(海馬)
………………..