ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 841 ห้ามไปเยี่ยมผู้เฒ่าเสิ่นอีก
ตอนที่ 841 ห้ามไปเยี่ยมผู้เฒ่าเสิ่นอีก
………………..
ตอนที่ 841 ห้ามไปเยี่ยมผู้เฒ่าเสิ่นอีก
เสิ่นอวี้หลงเห็นดวงตาบวมแดงของแม่ หัวใจของเขาก็ถูกทิ่มแทงอย่างรุนแรง
“แม่ครับ ผมขอโทษ”
เขาถือชามบะหมี่ที่เย็นชืดแล้ว มองเซี่ยหลานด้วยความรู้สึกผิด แล้วสารภาพว่า “แม่ครับ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรถามแม่แบบนั้น”
เซี่ยหลานไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยื่นมือรับชามจากมือของเสิ่นอวี้หลงโดยไม่มองหน้าเขา “ลูกไปกินข้าวเถอะ”
หล่อนถือชามจะเข้าห้อง เสิ่นอวี้หลงกลัวว่าเซี่ยหลานจะปิดประตู จึงรีบเบียดตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“แม่ครับ อย่าโกรธผมเลยนะครับ ผมผิดไปแล้ว”
เซี่ยหลานไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยจากคำขอโทษของเขา หล่อนมีสีหน้าเศร้าสร้อยและยิ้มขื่น “อวี้หลง บางเรื่องไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ก็เหมือนตอกตะปูลงไปบนกำแพงนั่นแหละ ถึงจะถอนออกมาก็ยังมีรอยแตกร้าวหลงเหลืออยู่ ลูกเข้าใจไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ เสิ่นอวี้หลงก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดหัวใจ และรู้สึกเสียใจอย่างมาก
“แม่ครับ ผมผิดจริงๆ อย่าถือสาผมเลยนะครับ จริงๆ แล้วผมไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ผมแค่ได้ยินเสิ่นเถี่ยจวินพูดวันนี้แล้วก็รู้สึกอยากรู้ ก็เลยอยากถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เสิ่นอวี้หลงพยายามพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย หวังจะคลี่คลายเรื่องนี้ “อาจจะเป็นเพราะวิธีการถามของผมไม่ค่อยเหมาะสม ทำให้แม่เข้าใจผิดไป ผมรู้ว่าแม่กับลุงเซี่ยเหลยไม่ได้มีอะไรกัน แม่อย่าโกรธเลยนะครับ ถือซะว่าเป็นแค่เรื่องเล่าก็พอ ใครบ้างไม่มีอดีต? ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ”
“อวี้หลง แม่ถูกใส่ร้ายมายี่สิบปี ตอนนี้แม้แต่ลูกชายก็มาซักถาม ลองคิดดูสิว่าถ้าลูกอยู่ในสถานการณ์ของแม่ ลูกจะรู้สึกอย่างไร?”
เซี่ยหลานระบายความคับแค้นใจที่ถูกกดทับมายี่สิบปีออกมาราวกับทำนบพัง “ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง แม่ถูกใส่ร้าย ถูกกล่าวหา เพื่อลูกกับพี่สาวของลูก แม่ต้องทนทุกข์ทรมานมาทั้งหมด
แต่สุดท้าย พี่สาวลูกก็ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของลูก ส่วนลูกก็นอนป่วยไม่ได้สติอยู่บนเตียง แม่ต้องแบกรับความกดดันทางจิตใจมากมายเพียงลำพัง ทั้งร่างกายและจิตใจต้องทนต่อการทดสอบอันยิ่งใหญ่ ทำงานในตอนกลางวัน ดูแลลูกในตอนกลางคืน แม้แต่คุณตาที่อายุมากขนาดนั้นก็ไม่ได้พักผ่อน ยังต้องคอยช่วยเหลือลูกเรื่องขับถ่าย
ตอนนั้นเสิ่นเถี่ยจวินกับปู่ของลูกกำลังทำอะไรกันอยู่? เสิ่นเถี่ยจวินยุ่งอยู่กับการสร้างพรรคพวกในโรงงาน ทำผิดกฎหมายและคอร์รัปชัน ส่วนปู่ของลูกล่ะ? เชื่อคำพูดของเสิ่นเสี่ยวเหมยแล้วผสมโรงตามหล่อนใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว กลั่นแกล้งหลินเซี่ย สุดท้ายชีวิตแต่งงานของเสิ่นเสี่ยวเหมยก็พังทลายลงด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง
ลูกเป็นลูกหลานตระกูลเสิ่น การที่ลูกไปเยี่ยมปู่ หรือกระทั่งดูแลเขา แม่ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน แต่ถ้าลูกยังไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก ปล่อยให้ปู่ของลูกจูงจมูก แม่จะผิดหวังมาก”
“ในฐานะผู้อาวุโส การที่ตัวเองประพฤติตัวไม่ดี แล้วยังปลูกฝังความคิดที่ไม่ถูกต้องให้กับคนรุ่นหลัง อีกทั้งยังยุยงให้ลูกมีปัญหากับหลินเซี่ยและฉัน แสดงว่าปู่ยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจจนถึงตอนนี้ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือคนเห็นแก่ตัวและมีจิตใจชั่วร้าย”
“อวี้หลง ถ้าลูกยังเห็นแม่เป็นคนสำคัญ แม่ไม่อยากให้ลูกไปเยี่ยมปู่อีก เขาเดินมาถึงจุดนี้ก็เพราะตัวเขาเอง แม่ไม่อยากให้ลูกถูกชักจูงไปในทางที่ผิดด้วย”
เซี่ยหลานรู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่เข้มงวดกวดขันในการสั่งสอนเสิ่นอวี้หลงให้มากกว่านี้ เขาอาจจะเติบโตไปในทางที่ผิดได้จริงๆ
เสิ่นอวี้หลงเป็นลูกหลานตระกูลเสิ่น แต่ก่อนได้รับความรักความเอ็นดูจากผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเถี่ยจวินมาก จิตใจของเขาจึงมักจะเอนเอียงไปทางฝั่งของเสิ่นเถี่ยจวินโดยไม่รู้ตัว
คนเราล้วนมีความรู้สึก
เมื่อเป็นเรื่องของคนในครอบครัว เสิ่นอวี้หลงไม่สามารถใช้เหตุผลได้อย่างเต็มที่
เหมือนกับที่หล่อนเคยมองเรื่องของเสิ่นอวี้อิ๋งผ่านแว่นตาสีชมพูมาตลอด
เสิ่นอวี้หลงแสดงสีหน้าลำบากใจ “แม่ครับ คุณปู่นอนติดเตียงแล้ว ถ้าผมไม่ไปเยี่ยมท่าน แล้วท่านเสียชีวิต พวกเราอาจจะไม่รู้เลยนะครับ”
“แล้วเขาไม่มีแม่บ้านดูแลหรือ?” เซี่ยหลานพูด “ตอนนี้ลูกอยู่ในช่วงสำคัญที่สุด ลูกควรทุ่มเทเวลาและพลังงานทั้งหมดไปกับการเรียน ส่วนเรื่องอื่นๆ ลูกไม่ต้องสนใจหรอก แม่จะไปเยี่ยมคุณปู่ของลูกทุกสัปดาห์เอง”
“แม่ แม่จะไปเยี่ยมเขาเหรอ?” เสิ่นอวี้หลงได้ยินคำพูดของเซี่ยหลาน จึงมองหล่อนด้วยสีหน้าประหลาดและเอ่ยถาม
เซี่ยหลานสีหน้าเคร่งขรึม ตอบอย่างจริงจังว่า “ใช่แล้ว แม่จะไปเยี่ยมเขา ไปแทนลูก”
หล่อนจำเป็นต้องตัดขาดการติดต่อระหว่างเสิ่นอวี้หลงกับผู้เฒ่าเสิ่น ไม่อนุญาตให้คนแก่คนนั้นปลูกฝังความคิดที่ผิดๆ ให้กับเสิ่นอวี้หลงอีก
เสิ่นอวี้หลงตอบว่า “ก็ได้ครับ”
หากแม่ของเขาไปเยี่ยมคุณปู่ของเขาได้ เขาก็แน่ใจว่าเมื่อสุขภาพของคุณปู่ไม่ดี ก็จะมีคนอยู่ข้างๆ ได้ทันท่วงที
เสิ่นอวี้หลงตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง ในที่สุดแม่ลูกทั้งสองก็ไม่มีความรู้สึกรังเกียจกัน พวกเขานั่งกินบะหมี่ที่เสิ่นอวี้หลงทำซึ่งตอนนี้เย็นชืดจนเส้นจับตัวติดเป็นก้อน
เซี่ยหลานถือโอกาสนี้สอบถามเสิ่นอวี้หลงอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับเนื้อหาการสนทนาระหว่างเขากับผู้เฒ่าเสิ่นในขณะไปเยี่ยม
เมื่อเซี่ยหลานรู้ว่าผู้เฒ่าเสิ่นต้องการให้เสิ่นอวี้หลงโน้มน้าวหลินเซี่ยไปเยี่ยมเขา และหวังว่าเสิ่นอวี้หลงจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินเซี่ย เพื่อให้หลินเซี่ยใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ของตระกูลเฉินช่วยเหลือเสิ่นเถี่ยจวิน หล่อนก็โมโหขึ้นมา
หล่อนเตือนเสิ่นอวี้หลงอย่างจริงจังว่า “ต่อไปอย่าพูดถึงคุณปู่ของลูกต่อหน้าพี่สาวของลูกอีก ไม่เช่นนั้นความสัมพันธ์พี่น้องของลูกก็จะจบลง ลูกควรมีชีวิตของตัวเอง อย่าให้คนแก่นั่นจูงจมูกและใช้ประโยชน์จากลูกอีก”
“แม่ ผมเข้าใจแล้ว”
“รีบไปเรียนเถอะ แม่จะล้างหม้อเอง ถ้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้ ลูกถึงจะมีอนาคตที่สดใส”
……….
หวังจะบอกผู้เฒ่าเสิ่นว่าต่อไปนี้เสิ่นอวี้หลงยุ่งอยู่กับการเรียน ไม่มีเวลามาเยี่ยมเขาอีกแล้ว
เซี่ยหลานมาเยี่ยมอย่างกะทันหัน ผู้เฒ่าเสิ่นรู้สึกดีใจมาก
หลังจากที่เกิดเรื่องกับเสิ่นเถี่ยจวิน และทั้งคู่ได้หย่าร้างกัน เซี่ยหลานก็ไม่เคยมาอีกเลย
ผู้เฒ่าเสิ่นคิดว่าเสิ่นอวี้หลงอยู่บ้านและได้พูดคุยกับเซี่ยหลานแล้ว เซี่ยหลานจึงมาเยี่ยมเขาด้วยความจริงใจ
เขาถึงกับมองไปด้านหลังเซี่ยหลาน หวังว่าจะเห็นเงาของหลินเซี่ย
แต่ไม่คิดว่าเซี่ยหลานจะเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งผยอง และถึงกับบอกว่าต่อไปนี้หลานชายคนโตของเขาจะไม่มาหาอีกแล้ว
ร่างผอมแห้งของผู้เฒ่าเสิ่นขดตัวอยู่บนเตียง เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยหลาน เขาก็ถามเสียงดุด้วยความโกรธ “เซี่ยหลาน เธอหมายความว่ายังไง? เธอไม่ให้หลานชายฉันมาเยี่ยมฉันแล้วหรือ?”
มาถึงตอนนี้ เซี่ยหลานก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป พยักหน้ารับ “ใช่ ฉันไม่ให้เขามาแล้ว ถ้าเขายังมาเยี่ยมคุณต่อไป เขาก็จะถูกคุณสั่งสอนให้กลายเป็นคนชั่วที่เห็นแก่ตัวและใจร้ายเหมือนเสิ่นเถี่ยจวินนั่นแหละ”
“เธอ……..”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เซี่ยหลานทำถูกแล้วค่ะ ต้องตัดไฟแต่ต้นลม อย่าให้ญาติชั่วมาชักจูงลูกชายเข้าด้านมืดเด็ดขาด
ไหหม่า(海馬)