ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 842 มาพร้อมข่าวกรอง
ตอนที่ 842 มาพร้อมข่าวกรอง
เซี่ยหลานมองผู้เฒ่าเสิ่นจากที่สูงด้วยสายตาเย็นชา ในดวงตาไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย “พวกคุณตระกูลเสิ่นเลวร้ายตั้งแต่รากเหง้า การตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของฉันคือการแต่งงานเข้าครอบครัวแบบพวกคุณ สิ่งที่ฉันเสียใจยิ่งกว่าคือการอดทนครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อลูก ไม่ได้หนีออกมาเร็วกว่านี้ ปล่อยให้พวกคุณทำร้ายผู้คนมากมาย”
“เสิ่นอวี้หลงยังไม่ได้มีมุมมองสามทัศน์หลงผิดอย่างสมบูรณ์ ฉันไม่อยากให้เขากลายเป็นคนชั่วร้าย ต่อไปคุณจะไม่ได้พบเขาอีกแล้ว”
เซี่ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ขณะผู้เฒ่าเสิ่นอยากจะด่าสั่งสอนหล่อน แต่ตอนนี้แม้แต่การลุกขึ้นนั่งก็ยากลำบาก เสียงก็แผ่วเบาราวกับสายลม ไม่มีพลังอำนาจเลยแม้แต่น้อย
ผู้เฒ่าเสิ่นตระหนักว่าตนเองอาจจะไม่ได้เจอหน้าหลานชายอีกต่อไป เขามองเซี่ยหลานแล้วอธิบายอย่างร้อนรน
“ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ฉันรู้ว่าตัวเองผิดพลาดมาก่อน แค่หวังว่าอวี้หลงในฐานะลูกชายจะไม่เกลียดชังพ่อของเขา จะไปเยี่ยมพ่อบ่อยๆ และให้อภัยพ่อ ฉันก็หวังว่าอวี้หลงจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินเซี่ยด้วย”
“ให้อวี้หลงเลี้ยงดูเขาหลังออกจากเรือนจำเหรอ? หรือจะให้หลินเซี่ยใช้เส้นสายช่วยเหลือเสิ่นเถี่ยจวินกันล่ะ?” เซี่ยหลานหัวเราะเยาะ “คุณยังจะให้อวี้หลงไปเยี่ยมเสิ่นเสี่ยวเหมยอีก ทำไมล่ะ? หรือในอนาคตคุณอยากให้อวี้หลงดูแลพวกที่อยู่ในคุกทั้งหมด?”
ถ้าผู้เฒ่าเสิ่นสำนึกผิดจริง ตระหนักว่าทำผิดต่อหลินเซี่ย อยากขอโทษเธอ และคิดถึงเธออย่างจริงใจ หล่อนก็อาจจะมองเขาดีขึ้นสักนิด
เสิ่นเถี่ยจวินยักยอกทรัพย์สินของรัฐ มีหลักฐานการทุจริตชัดเจน
ยังจะให้หลินเซี่ยไปติดต่อกับตระกูลเฉินอีก เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
เซี่ยหลานมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยปากว่า “ถ้าคุณรักพวกเขามากขนาดนั้น ตอนที่คุณตายก็พาพวกเขาไปด้วยสิ แล้วไปคุ้มครองพวกเขาต่อในโลกหน้าเลย”
“เธอ…เธอ…”
ผู้เฒ่าเสิ่นเอามือกุมหน้าอก ถูกคำพูดของเซี่ยหลานกระตุ้นจนหายใจไม่ออก ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจและโกรธเคือง มองหล่อนราวกับไม่รู้จักคนตรงหน้า
ถูกต้อง นี่คือคำพูดที่เลวร้ายที่สุดที่เซี่ยหลานเคยพูดกับผู้เฒ่าเสิ่นมาตลอดหลายปี
ในอดีตหล่อนเคยเคารพนับถือเขา กตัญญูต่อเขา แต่ได้รับอะไรตอบแทนกลับมา?
คนแก่ไร้คุณธรรมแบบนี้ ก็อย่าหวังให้คนรุ่นหลังเคารพนับถือเลย
“ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้” เซี่ยหลานทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้แม่บ้าน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็อย่าโทรมาดีกว่า ฉันยุ่งมาก”
หล่อนทำเช่นนี้เพื่อให้เสิ่นอวี้หลงสบายใจและตั้งใจเรียนที่โรงเรียน หล่อนถึงได้รับภาระอันยุ่งยากนี้มาไว้
ถึงจะมาก็มาเพื่อกวนประสาทผู้เฒ่าเสิ่นเท่านั้น
เหมือนที่หลินเซี่ยพูดไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับคนไร้ยางอาย เราก็ต้องวางมารยาทลง
หลินเซี่ยสั่งให้เจียงอวี่เฟยสืบข่าวเกี่ยวกับเสิ่นเสี่ยวอวี้ในหมู่บ้านพนักงานของโรงงานเครื่องจักร
เจียงอวี่เฟยเองไม่เก่งในการติดต่อกับคนแก่ที่เป็นศูนย์กลางข่าวสารในหมู่บ้านพนักงาน และแน่นอนว่าหล่อนเองก็ไม่มีเวลา
แต่ตอนนี้ในบ้านของพวกเขามีคนที่มีความสามารถด้านนี้อย่างมาก
ไม่กี่วันต่อมา หวังซิ่วฟางก็นำ “ข่าวกรอง” มาที่บ้านด้วยตัวเอง
หวังซิ่วฟางเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากแต่งงานกับเจียงกั๋วเซิ่ง
ประการแรก หล่อนไปดัดผมเป็นลอนเล็กๆ แบบที่สตรีวัยกลางคนนิยมทำกัน
ในด้านการแต่งกาย หล่อนก็แต่งตัวให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีแนวโน้มไปทางการแต่งกายของสตรีวัยกลางคน
ดูเหมือนว่าหล่อนจงใจแต่งตัวให้ดูเต็มไปด้วยความเป็นแม่
หลินเซี่ยเชิญคนเข้าประตู แล้วพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรเปลี่ยนไปเหรอ?” หวังซิ่วฟางก้มลงมองตัวเองแวบหนึ่ง “ก็เหมือนเดิมนะ”
หลินเซี่ยมองหล่อนแล้วพูดติติงอย่างไม่เกรงใจ “เหมือนที่ไหนกัน? ดูทรงผมของพี่สิ เสื้อผ้าก็ด้วย เหมือนกับแม่ฉันไปหมดแล้ว พี่เพิ่งอายุสามสิบกว่าเอง แต่งตัวแบบนี้ดูเกินวัยไปหน่อยนะ”
ใบหน้าของหวังซิ่วฟางยังดูเด็กอยู่ ริ้วรอยก็ไม่มีมาก แต่รูปลักษณ์โดยรวมนี่สิ…
ในฐานะนักออกแบบรูปลักษณ์มืออาชีพ หลินเซี่ยก็มีอาการย้ำคิดย้ำทำในเรื่องนี้
เธอไม่คุ้นเคยกับการแต่งตัวของหวังซิ่วฟางจริงๆ
ดูเหมือนหล่อนจะตั้งใจแต่งตัวให้ดูแก่กว่าวัย
หวังซิ่วฟางอธิบายว่า “เซี่ยเซี่ย ดูสิ เธอไม่เข้าใจฉันเลย ต่อให้ฉันจะอายุไม่มาก แต่ตอนนี้สถานะของฉันก็เปลี่ยนไปแล้ว อวี่เฟยเรียกฉันว่าป้าหวังทุกครั้ง ฉันเป็นแม่เลี้ยงของหล่อน จะแต่งตัวให้ดูเด็กเหมือนหล่อนได้ยังไง? เหล่าเจียงก็อายุกว่า 40 แล้ว ฉันก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับเขาไม่ใช่เหรอ?”
หลินเซี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดของหวังซิ่วฟางเลย “เข้ากันอะไรกัน? คุณยังสาวยังสวย ลุงเจียงของฉันออกไปไหนก็หน้าชื่นตาบานนะ”
“ถ้าฉันแต่งตัวสวยเกินไปแล้วเขาจะไม่มีความมั่นใจ” หวังซิ่วฟางชำเลืองมองเข้าไปในห้อง เมื่อไม่เห็นเฉินเจียเหอ หล่อนจึงกล่าวเสียงเบาว่า “ตอนที่เธออายุ 30 ปี เสี่ยวเฉินของเธอก็จะใกล้ 40 แล้ว ฉันคาดว่าตอนนั้นเขาก็คงจะไม่มั่นใจเหมือนกัน กลัวว่าเธอจะแต่งตัวสวยเกินไป”
หลินเซี่ยโต้แย้งว่า “เฉินเจียเหอไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก”
แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่หลินเซี่ยก็นึกถึงความหึงหวงของสามีตัวเอง…
บางทีในอนาคตเขาอาจจะเป็นยิ่งกว่าเจียงกั๋วเซิ่งเสียอีก
“ขอฉันดูเสี่ยวหู่หน่อยสิ” หวังซิ่วฟางหยิบของเล่นมากมายออกมาจากถุงที่ถือมา รวมถึงกล่องเครื่องเขียนที่ซื้อมาให้หู่จือด้วย
หลินเซี่ยมองดูของเล่นเด็กมากมายที่หล่อนหยิบออกมา แล้วพูดว่า “ดูสิ พี่ช่างมีน้ำใจจริงๆ ต่อไปไม่ต้องสิ้นเปลืองแบบนี้นะ”
หวังซิ่วฟางยิ้มพลางตอบว่า “สิ้นเปลืองอะไรกัน ก็ไม่ได้เสียเงินมากมายอะไร ตอนนี้ฉันมีคนเลี้ยงแล้ว เงินเดือนของฉันก็ใช้กับตัวเองและลูกได้ ไม่ต้องรัดเข็มขัดเหมือนแต่ก่อนแล้ว”
“รู้สึกมั่นคงขึ้นใช่ไหมคะ?” หลินเซี่ยถามต่อพร้อมรอยยิ้ม
หวังซิ่วฟางพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ใช่ๆๆ รู้สึกมั่นคง จิตใจสงบลง ไม่ต้องกังวลเหมือนแต่ก่อนที่ใจลอยๆ กลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เสี่ยวฮวาจะลำบาก”
หวังซิ่วฟางพูดถึงตรงนี้แล้วถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม “พวกผู้หญิงอย่างเรานี่นะ ยังไงก็ต้องมีผู้ชายสักคนอยู่ข้างๆ ไม่ได้หวังพึ่งพาอะไรหรอก แค่มีเขาอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกสบายใจแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ม่ายลูกติดอย่างฉัน ไม่มีผู้ชายในบ้าน พูดคุยกับผู้ชายคนอื่นก็ไม่กล้า กลัวว่าภรรยาเขาจะเข้าใจผิดว่าฉันมีใจให้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้แล้ว”
“เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว เข้าเรื่องภารกิจวันนี้ดีกว่า”
หวังซิ่วฟางนั่งตัวตรงขึ้น สีหน้าจริงจัง
หลินเซี่ยงุนงงกับท่าทางจริงจังของหล่อน “หา? ภารกิจอะไรเหรอ?”
หวังซิ่วฟางอธิบาย “ภารกิจที่อวี่เฟยมอบหมายให้ฉันน่ะ หล่อนบอกให้ฉันสืบหาร่องรอยของลูกนอกสมรสของหลิวจื้อหมิงกับเสิ่นอวี้อิ๋ง”
“แล้วพี่สืบได้ความอะไรบ้างล่ะ?” หลินเซี่ยถาม
หลินเซี่ยพูดราวกับเป็นการโจมตีหวังซิ่วฟาง จนหล่อนมองหลินเซี่ยแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฟังคำพูดของเธอสิ ยังสงสัยอีกหรือว่าฉันสืบมาได้หรือเปล่า? ถ้าฉันออกโรงเอง จะมีอะไรที่สืบไม่ได้? ถ้าไม่มีข่าวที่เชื่อถือได้ ฉันจะมาหาเธอด้วยตัวเองแบบนี้เหรอ?”
“งั้นพี่ก็เล่ามาสิ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มันต้องอย่างนี้สิเซี่ยหลาน เหลืออดมานานแล้ว ตอกหน้าคนแก่ตระกูลเสิ่นไปสักที
ซิ่วฟางจะได้ข่าวอะไรมาบ้างน้า เราเชื่อในฝีมือการสืบของเธอ
ไหหม่า(海馬)