ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 843 เสิ่นเสี่ยวอวี้ถูกขายไป
ตอนที่ 843 เสิ่นเสี่ยวอวี้ถูกขายไป
หลินเซี่ยรินน้ำให้หวังซิ่วฟาง จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งลงบนโซฟา หลินเซี่ยมองหล่อน รอให้อีกฝ่ายเล่าข้อมูลที่รวบรวมมาได้
หวังซิ่วฟางพูดอย่างลึกลับว่า “เธอลองเดาซิว่าครอบครัวหลิวจัดการกับเด็กคนนั้นยังไง?”
หลินเซี่ยคิดในใจ ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะว่าพวกเขาจัดการยังไง?
เธอรีบพูดออกมาว่า “พี่หวัง อย่าทำให้ฉันต้องลุ้นเลย บอกมาตรงๆ เถอะค่ะ”
หวังซิ่วฟางดื่มน้ำอย่างมีกลยุทธ์ วางแก้วลงแล้วจึงพูดอย่างไม่แยแส “ถูกขายไปแล้ว!”
หลินเซี่ย “???”
เธอมองหวังซิ่วฟางอย่างไม่อยากเชื่อ และถามเพื่อยืนยัน “ขายไป? ขายไปที่ไหน?”
เธอคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง ทั้งการบีบคอให้ตาย การส่งตัวไปให้คนอื่น การทอดทิ้ง…
แต่สิ่งเดียวที่เธอไม่เคยคิดถึงคือการขายไป!
สุดท้ายพวกเขาก็ใช้เสิ่นเสี่ยวอวี้แลกกับเงินก้อนหนึ่ง!
มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ
เมื่อเผชิญกับสายตาอันเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของหลินเซี่ย หวังซิ่วฟางก็ส่ายหัว “ฉันไม่ได้สืบให้ละเอียดว่าขายไปที่ไหน แต่ฉันได้ยินเพื่อนบ้านในหมู่บ้านพูดคุยกันว่า ดูเหมือนคนรักของหลิวลี่ลี่จะอุ้มเด็กไป”
“งั้นจะเป็นไปได้ไหมว่าหลิวลี่ลี่อุ้มไปเลี้ยงเอง?” หลินเซี่ยอดไม่ได้ที่จะคาดเดา
หวังซิ่วฟางส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง “เป็นไปไม่ได้หรอก หลิวลี่ลี่ไม่มีงานทำ หล่อนอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ตลอด ถ้าหล่อนเลี้ยงเด็กคนนั้นจริง ต้องพาติดตัวไปด้วยแน่ๆ พวกเราไม่มีทางไม่เห็น”
หวังซิ่วฟางคิดสักครู่ แล้วพูดต่อว่า “ฉันยังสืบได้อีกว่า ตอนที่แฟนของหลิวลี่ลี่แต่งงานกับหล่อน เขาเป็นหนี้สินรุงรัง ตอนนี้ก็ยังไม่มีงานทำที่มั่นคง เขาเองก็ไม่ได้ดีกับหลิวลี่ลี่เท่าไหร่ ดูเหมือนว่าตอนแรกเขาเรียกสินเดิมแพงมาก แต่เงินสินเดิมทั้งหมดถูกเสิ่นอวี้อิ๋งหลอกเอาไป เขาจึงไม่พอใจและมีปัญหากับครอบครัวหลิว”
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากหวังซิ่วฟาง หลินเซี่ยก็ครุ่นคิดสักพัก และเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
สามีของหลิวลี่ลี่ไม่พอใจครอบครัวหลิวเรื่องสินเดิม เพราะเงินนั้นถูกเสิ่นอวี้อิ๋ง หลอกเอาไปเมื่อปีที่แล้ว
อาจเป็นไปได้ว่าหลิวลี่ลี่ไม่มีสินเดิมติดตัวมาเลย
แม่หลิวและหลิวจื้อหมิงไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร ชายคนนั้นจึงอุ้มเด็กไปขาย นอกจากจะช่วยจัดการภาระให้ครอบครัวหลิวแล้ว ยังได้เงินอีกก้อนด้วย
หลินเซี่ยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เธอถึงกับตะลึงงัน
นี่มันเรื่องของฝนตกขี้หมูไหลคนจัญไรมาพบกันชัดๆ
หวังซิ่วฟางมองสีหน้าของหลินเซี่ยที่เปลี่ยนไปมาอย่างคาดเดาไม่ถูก หล่อนหรี่ตาวิเคราะห์อะไรบางอย่างราวกับเป็นเชอร์ล็อก โฮล์มส์ที่กำลังไขคดี ถามอย่างสงสัย “เซี่ยเซี่ย ทำไมเธอถึงสืบเรื่องพวกนี้ล่ะ? เด็กคนนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยนะ นั่นมันลูกของเสิ่นอวี้อิ๋งศัตรูตัวฉกาจของเธอ เธออย่าได้ใจอ่อนคิดจะตามหาเด็กคนนั้นกลับมาเลย เด็กคนนั้นคงถูกขายไปอยู่ในชนบทหรือบนภูเขาห่างไกลแล้วล่ะ”
หลินเซี่ยได้ยินดังนั้น มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ “พี่สาวหวัง คุณคิดว่าฉันใจดีเกินไปแล้วล่ะ ฉันจะไปตามหาหล่อนทำไม? ฉันแค่อยากรู้ว่าปีศาจน้อยคนนั้นไปอยู่ที่ไหนเท่านั้นเอง”
ถูกขายไปแล้ว ชาตินี้พวกเขาจะได้พบกันอีกหรือไม่ ก็คงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาของปีศาจน้อยคนนั้นแล้ว
“ปีศาจน้อย?” หวังซิ่วฟางไม่เข้าใจคำเรียกของหลินเซี่ยในทันที หล่อนมองหลินเซี่ยด้วยความสงสัยและถามว่า “ทำไมถึงเรียกว่าปีศาจน้อยล่ะ?”
หลินเซี่ยตอบว่า “ลูกที่ปีศาจใหญ่ให้กำเนิดก็ต้องเป็นปีศาจน้อยไม่ใช่เหรอ?”
หวังซิ่วฟาง “……..”
พูดตามตรง หลินเซี่ยไม่รู้สึกอะไรเลยกับเรื่องที่เสิ่นเสี่ยวอวี้ถูกขายไป
เพียงแต่อุทานว่า ตระกูลหลิวนี่โหดเหี้ยมจริงๆ
แฟนที่หลิวลี่ลี่หามาก็ล้วนไร้ยางอายทั้งนั้น
ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันก็ไม่เข้าประตูบ้านเดียวกัน
การรวมตัวกันครั้งนี้นับว่าสมบูรณ์แบบมาก
ยังมีแฟนที่หลิวจื้อหมิงคบอยู่ด้วย ได้ยินมาว่าทำลายมุมมองชีวิตพอสมควรเช่นกัน
หลินเซี่ยถามหวังซิ่วฟางว่า “หลิวจื้อหมิงแต่งงานกับผู้นำหญิงคนนั้นหรือยัง?”
เมื่อพูดถึงหลิวจื้อหมิงกับแฟนของเขา หวังซิ่วฟางทำหน้าเบื่อหน่ายและส่งเสียงจุ๊ๆ สองครั้ง แสดงความรู้สึกเหนื่อยหน่าย “ผู้หญิงคนนั้นท้องโตแล้ว ได้ยินมาว่าพวกเขาแค่จดทะเบียนสมรสกัน คงไม่กล้าจัดงานแต่งงานหรอก สามีเก่าของผู้หญิงคนนั้นมาหาหลิวจื้อหมิงหลายครั้งแล้ว ทั้งยังเคยต่อยเขาด้วย
ตอนที่คุณหมอเซี่ยอุ้มเด็กไปที่บ้านตระกูลหลิว เหล่าเจียงของบ้านฉันได้เตือนพวกเขาไว้ว่าอย่าโยนเด็กกลับไปให้คุณหมอเซี่ย ไม่งั้นเขาจะไปคุยกับผู้นำของโรงงานสิ่งทอในเรื่องนี้”
“แต่เหล่าเจียงยังไม่รู้เรื่องที่ตระกูลหลิวขายเด็กไป วันนี้ฉันสืบข่าวมาได้ก็รีบมาหาเธอเลย ตอนกลางคืนฉันจะเล่าให้เขาฟัง”
หวังซิ่วฟางแค่นเสียงอย่างโกรธเคือง “ถ้าเหล่าเจียงเอาเรื่องที่หลิวจื้อหมิงกับกุ้ยเฟินทำไปบอกผู้นำของโรงงานสิ่งทอ ดูสิว่าพวกเขาสองคนจะอยู่ในโรงงานต่อไปได้ยังไง”
“พวกเขาไม่มียางอายเลย ผู้หญิงคนนั้นท้องโตแบบนั้น อายุมากกว่าฉันอีก ทุกครั้งที่เจอกันในหมู่บ้านยังเรียกฉันว่าป้า ช่างไม่มียางอายจริงๆ”
พูดถึงเรื่องนี้ หวังซิ่วฟางก็รู้สึกโมโห
ผู้หญิงอายุกว่า 30 ปี รอยย่นบนใบหน้าก็เห็นชัดเจน ยังมาเรียกหล่อนว่าป้าอีก
หลินเซี่ยพูดพลางหัวเราะ “ก็ไม่ได้เรียกผิดนี่คะ หลิวจื้อหมิงยังเรียกลุงเจียงของฉันว่าลุงเลย พวกเขาก็ต้องเรียกตามที่หลิวจื้อหมิงเรียกคุณว่าป้าสิคะ”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่หวังซิ่วฟางก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ
ส่วนใหญ่เป็นเพราะขัดใจกับขีดเส้นมโนธรรมอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินของผู้หญิงคนนั้น และยิ่งทนไม่ได้ที่หลิวจื้อหมิงผู้ชายเลวคนนั้นหาผู้หญิงทีละคนๆ
เขาไม่คิดจะพยายามเลยสักนิด ตั้งใจแต่จะเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกิน
หวังซิ่วฟางนึกถึงช่องว่างอายุอันมหาศาลระหว่างกุ้ยเฟินกับหลิวจื้อหมิง เมื่อทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันแล้ว ก็รู้สึกขัดหูขัดตา
“ฮึ ไม่ส่องกระจกดูตัวเองบ้างหรือไง หล่อนแก่กว่าฉันตั้งหลายปี ยังหน้าด้านหาผู้ชายอายุน้อยกว่าตัวเองขนาดนั้นได้”
แม้หวังซิ่วฟางจะแต่งตัวให้ดูเกินวัยและมีสถานะที่สูงส่ง แต่เมื่อถูกผู้หญิงที่อายุมากกว่าเรียกว่า “ป้า” หล่อนก็นึกโมโหอยู่ในใจ
แต่ด้วยสถานะปัจจุบันของหล่อน หล่อนจึงไม่สามารถระบายความโกรธกับใครได้
หล่อนเป็นภรรยาของผู้จัดการโรงงานเครื่องจักร ต้องแสดงท่าทางสง่างามและยิ้มแย้มกับทุกคน
ช่างเหนื่อยจริงๆ
หลินเซี่ยกล่าว “พวกเขาคงอยู่ด้วยกันได้ไม่นานหรอก”
เห็นได้ชัดว่าหลิวจื้อหมิงต้องการใช้ผู้หญิงคนนั้นเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น พอเขายืนหยัดได้มั่นคงแล้ว สิ่งแรกที่เขาจะทำคงเป็นการทิ้งภรรยาที่บ้านแน่นอน
ผู้หญิงคนนั้นถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว
แต่พอคิดอีกที บางทีอาจไม่ใช่การหลอกลวงฝ่ายเดียวจากหลิวจื้อหมิงก็ได้
หล่อนคงไม่ได้ถูกคำหวานของหลิวจื้อหมิงหลอกจนไร้สติไปเสียทีเดียว
บางทีนี่อาจเป็นเพียงการต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ
หล่อนชอบคนหนุ่ม ส่วนหลิวจื้อหมิงก็รักสบายไม่อยากทำงานหนัก
ผีเน่ากับโลงผุแบบนี้ บางทีอาจอยู่ด้วยกันได้ยืนยาว
“พอเถอะ อย่าพูดถึงคนน่ารำคาญพวกนั้นอีกเลย”
วันนี้หลินเซี่ยได้พบกับหวังซิ่วฟาง เธอก็ค่อนข้างมีความสุข
หลังทราบเรื่องของเสิ่นเสี่ยวอวี้แล้ว ก็ไม่อยากจะพูดคุยเรื่องน่าขยะแขยงพวกนั้นอีกต่อไป
ทั้งสองคนคุยกันไป หวนนึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขาเคยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเก่าของโรงงานรถยนต์แล้วก็รู้สึกสะเทือนใจมากมาย
ที่นั่นบรรจุเสียงหัวเราะและคำพูดมากมายของพวกเขาเอาไว้
ตอนแรกพวกเธอยังเป็นศัตรูกันอยู่เลย
ต่อมาพวกเธอก็กลายเป็นพี่น้องกัน
ตอนนี้หวังซิ่วฟางกลายเป็นผู้อาวุโสของเธอไปแล้ว
และยังเป็นเพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเรื่อง
หวังซิ่วฟางเข็นรถเข็นเด็กของเสี่ยวหูอย่างเป็นธรรมชาติ มองดูหลินเซี่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วเอ่ยปากว่า “เซี่ยเซี่ย มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะคุยกับเธอหน่อย”
หลินเซี่ยตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ “คุยสิ คุยให้คุ้มสิบหยวนเลย”
หวังซิ่วฟางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรวบรวมความกล้าเอ่ยปากว่า “ในเมื่อเธอบอกว่าฉันยังสาวอยู่ งั้นฉันควรจะมีลูกให้เหล่าเจียงสักคนดีไหม?”
“หา?” หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของหวังซิ่วฟางแล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“พี่อยากมีลูกเหรอ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แต่ละข่าวที่หวังซิ่วฟางสืบมาได้ เปิดโลกทัศน์คนฟังมากค่ะ
ทำไมอยู่ๆ หวังซิ่วฟางถึงอยากมีลูกขึ้นมาล่ะ ต้องติดตามตอนต่อไปแล้วล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)
………………..