ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 847 เฉินเจียวั่งเปลี่ยนไป
ตอนที่ 847 เฉินเจียวั่งเปลี่ยนไป
เมื่อข่าวที่เฉินเจียวั่งได้รับรางวัลจากการแข่งขันออกแบบสถาปัตยกรรมในประเทศ M แพร่ออกไป ญาติและเพื่อนทุกคนต่างมาแสดงความยินดี
เฉินเจียวั่งเป็นคนที่มีนิสัยสบายๆ ไม่ค่อยมีความทะเยอทะยาน เมื่อคุณปู่ของเขาโทรศัพท์ไปบอกข่าวกับญาติๆ เขากลับรู้สึกอึดอัดใจ
เขาคิดว่าคนแก่ผู้นี้ช่างมีนิสัยเหมือนเด็กเหลือเกิน
มันไม่มีอะไรน่าโอ้อวดเลย
แต่เมื่อพ่อของเขาโทรศัพท์ไปหาอารองที่เมืองหนานเฉิง เฉินเจียวั่งกลับไม่ได้ขัดขวาง ทำเพียงนั่งฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างพ่อของเขากับอารองอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆ
เขาจินตนาการเลยว่าได้ว่าอาสะใภ้รองจะต้องรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจมากแค่ไหนเมื่อได้ยินข่าวนี้
ถ้าอาสะใภ้รองไม่มีความสุข เขาก็มีความสุข
สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำชมเชยหรือความอิจฉาจากญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง ล้วนไม่สำคัญ
“พี่สะใภ้ เอ่อ… เมื่อเร็วๆ นี้คุณได้เจอ เจียงอวี่เฟย บ้างไหมครับ?” เฉินเจียวั่งถามหลินเซี่ยด้วยท่าทางเศร้าสร้อยเล็กน้อยในวันรุ่งขึ้นก่อนที่พวกเธอจะจากไป
“หา?” หลินเซี่ยอุทานพร้อมรอยยิ้ม “นายไม่ได้ติดต่อหล่อนเหรอ? ไม่ได้บอกข่าวดีนี้กับหล่อนเลยเหรอ?”
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไอ้หนูคนนี้กลับไม่แบ่งปันกับเจียงอวี่เฟยเลยเหรอ?
เฉินเจียวั่งปั้นหน้าเย็นชา “ก็ไม่มีอะไรจะบอกหรอก ทำเหมือนจะอวดไปได้”
หลินเซี่ยมองเขาที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงท่าทางหยิ่งผยอง แล้วกลอกตาอย่างระอา
เขาเลือกจะถามเธอถึงเจียงอวี่เฟยในตอนนี้ แต่ตัวเองกลับไม่ไปติดต่อเอง
นี่มันชัดเจนว่าต้องการให้เธอเป็นคนส่งข่าวไม่ใช่หรือ?
ตัวเองอยากจะบอกอีกฝ่าย แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าเขากำลังอวด
ทั้งที่ในใจอยากให้คนรู้ข่าวดีที่เขาได้รับรางวัลมาก
เขาไม่รู้สึกอึดอัดตายบ้างเลยเหรอ?
แม้หลินเซี่ยจะแสดงท่ารังเกียจ แต่วันรุ่งขึ้นเธอก็โทรหาเจียงอวี่เฟยเพื่อบอกข่าวดีนี้
“เฉินเจียวั่งได้รางวัลเหรอ?” เมื่อเจียงอวี่เฟยได้ยินข่าวนี้ หล่อนก็ตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าคนในครอบครัวเฉินเสียอีก แต่แล้วก็สังเกตเห็นอีกปัญหาหนึ่ง เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “เซี่ยเซี่ย ทำไมเฉินเจียวั่งไม่โทรมาบอกฉันเองล่ะ? เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วเหรอ?”
แม้จนถึงตอนนี้พวกเขาจะยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอย่างชัดเจน แต่ก่อนหน้านี้หล่อนก็รู้สึกว่าเฉินเจียวั่งมีใจให้ตน
หลินเซี่ยพูดว่า “โธ่เอ๊ย พวกเธอทั้งสองคนทำไมถึงได้เขินอายกันขนาดนี้ เขาใช้ฉันเป็นคนส่งข่าว ฉันส่งข่าวให้แล้วเธอก็ไม่พอใจ ถ้าอย่างนั้นเธอโทรหาเขาเองสิ เธอก็รู้นิสัยเขาดีอยู่แล้ว ถ้าเธอรำคาญก็อย่าทำตัวคลุมเครือกับเขาอีกเลย พวกเธอทั้งสองคนไปหาคนใหม่ดีกว่า ฉันล่ะปวดหัวไปหมด”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย เจียงอวี่เฟยก็อุทานเบาๆ
หล่อนใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะเข้าใจความหมายของหลินเซี่ย
เฉินเจียวั่งไม่กล้าบอกหล่อนโดยตรง จึงให้หลินเซี่ยเป็นคนส่งข่าวแทน
แต่คนที่ได้รับรางวัลกลับไม่มีความต้องการที่จะโทรศัพท์มาบอกหล่อนสักคำ
“เขาคงคิดว่าถ้าพูดถึงเรื่องที่ได้รับรางวัลด้วยตัวเอง เธอจะเข้าใจผิดว่าเขากำลังอวดน่ะสิ”
“งั้นฉันจะโทรไปถามดู”
หลังจากวางสาย เจียงอวี่เฟยก็โทรหาเฉินเจียวั่งทันที
“เอ่อ… ฉันได้ยินมาว่านายได้รับรางวัลเหรอ?”
เฉินเจียวั่งกระแอมเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “อืม เป็นแบบนั้นจริงๆ”
“ยินดีด้วยนะ นายเก่งมากเลย”
“ก็พอไปได้” เฉินเจียวั่งยิ้มมุมปาก เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เอ่อ… พอดีฉันมีธุระแถวมหาวิทยาลัยของเธอ เธอว่างไหม? ฉันจะพาเธอไปกินข้าว”
เจียงอวี่เฟยตอบอย่างรวดเร็ว “ว่างสิ”
“ตอนนี้ฉันว่างพอดี”
“งั้นเธอออกมาสิ ฉันอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน”
เฉินเจียวั่งมองประตูใหญ่ของวิทยาลัยศิลปะการแสดง แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นแก้คำพูด “ไม่ใช่ ฉันกำลังจะไปถึงหน้าประตูโรงเรียน”
“ได้ นายรอฉันนะ”
ครูสอนเต้นเห็นสายตาประจบของหล่อน จึงจำต้องอนุญาต “ได้ แต่บ่ายนี้เธอต้องมาถึงห้องเต้นให้เร็วหน่อยนะ เราเสียเวลาฝึกซ้อมไม่ได้ การแข่งขันเต้นครั้งนี้สำคัญมากสำหรับภาควิชาของเรา เธอเป็นหัวหน้าทีมและมีชื่อเสียงอยู่บ้าง อย่าได้ประมาทหรือทำผิดพลาดเด็ดขาด”
เจียงอวี่เฟยรับคำทันที “ฉันทราบค่ะอาจารย์ หลังกินข้าวเสร็จแล้วรีบกลับมาเลยค่ะ”
เจียงอวี่เฟยเปลี่ยนชุดซ้อมเต้นออก สวมเสื้อโค้ทขนเป็ดตัวใหญ่ของตัวเอง แล้ววิ่งออกจากห้องเรียนอย่างเบิกบานใจ
เมื่อมาถึงประตูโรงเรียน ก็เห็นเฉินเจียวั่งที่กำลังยืนเดินไปเดินมาอยู่ตรงนั้นในทันที
“นายมาถึงนานแค่ไหนแล้ว?”
เฉินเจียวั่งตอบ “เพิ่งมาถึง”
เจียงอวี่เฟยก้มมองลงไปโดยไม่ตั้งใจ เห็นรอยเท้าจำนวนมากมายที่เขาเหยียบไว้บนพื้น
เธอมองเขาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
นึกถึงคำพูดบ่นของหลินเซี่ยเมื่อคืนที่พูดถึงเฉินเจียวั่ง มุมปากของหล่อนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
ช่างเป็นคนที่ทำตัวแปลกประหลาดและปากไม่ตรงกับใจจริงๆ
เฉินเจียวั่งยังคงมีใบหน้าหล่อเหลาที่สงบนิ่ง “ขอบคุณ”
เฉินเจียวั่งถามว่า “เธอซ้อมเต้นยุ่งไหม? ดูเหมือนว่าใกล้จะถึงเวลาแข่งขันแล้ว”
เจียงอวี่เฟยยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ไม่ยุ่งหรอก ฉันมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว อาจารย์ไม่ได้เข้มงวดกับฉันมาก เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ต่างหากที่ซ้อมกันอย่างเคร่งเครียด”
“ไปกันเถอะ เพื่อเป็นการฉลองที่นายได้รับรางวัล ฉันจะเลี้ยงอาหารอร่อยๆ นายเอง”
เฉินเจียวั่งมองหล่อนแวบหนึ่ง น้ำเสียงยังคงทะนงตัวเช่นเคย “จะให้ผู้หญิงเลี้ยงได้ยังไงกัน? ฉันมีเงินรางวัลอยู่แล้ว”
“งั้นก็ได้ ฉันอยากกินอาหารตะวันตก ได้ไหม?”
“อาหารตะวันตกเอาไว้กินตอนเย็น ตอนเที่ยงไปกินอะไรร้อนๆ กันดีกว่า”
เขายืนอยู่ตรงนี้นานเกินไป สูดอากาศเย็นเข้าไปมาก ทำให้ปวดท้อง
เขาใช้มือข้างหนึ่งกุมท้องไว้ด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน
เจียงอวี่เฟยสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเขาไม่ค่อยดี จึงถามด้วยความเป็นห่วง “นายเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“อ๋อ” เจียงอวี่เฟยรีบเข้าไปพยุงแขนของเขาทันที บอกให้เขาอย่าเพิ่งขยับ ให้ยืนสักครู่รอให้เลือดไหลเวียนดีก่อนค่อยเดิน
อาจเป็นเพราะได้รับรางวัล วันนี้เฉินเจียวั่งจึงพูดคุยมากขึ้นกว่าปกติ คนทั้งคนดูมั่นใจและสดใสขึ้นมาทีเดียว
เจียงอวี่เฟยรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความกระตือรือร้นของเขา ไม่เหมือนกับในอดีตที่เขามักจะเย็นชาเสมอ และการสนทนาก็มักจะเป็นหล่อนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เฉินเจียวั่งก็ไปส่งเจียงอวี่เฟยที่หน้าประตูโรงเรียน และบอกว่าจะมารับเธอไปรับประทานอาหารตะวันตกในตอนบ่าย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงอวี่เฟยก็เอ่ยปากว่า “แบบนั้นมันเกรงใจเกินไปนะ”
เฉินเจียวั่งล้วงมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เดิมทีเขาตั้งใจจะพูดอย่างเท่ๆ ว่า “ฉันเองก็อยากกินเหมือนกัน”
แต่พอคำพูดมาถึงปาก เขาก็กลืนมันกลับลงไป
เขามองหล่อนด้วยสายตาอ่อนโยน น้ำเสียงก็อ่อนโยนกว่าปกติหลายเท่า “ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรต้องเกรงใจกันหรอก ฉันจองร้านอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวจะมารับเธอ”
“โอ้ ได้” เจียงอวี่เฟย เมื่อเผชิญหน้ากับชายที่อ่อนโยนขึ้นอย่างกะทันหัน หัวใจดวงน้อยก็เต้นรัวอย่างห้ามไม่อยู่
นี่ยังเป็นผู้ชายหยิ่งผยองคนเดิมที่มักจะทำหน้าบึ้งตึงและมีท่าทีเย่อหยิ่งอยู่หรือเปล่านะ?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใจๆ หน่อยหนุ่ม เดี๋ยวสาวเขาน้อยใจหรอก
ไหหม่า(海馬)