ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 849 หวังเว่ยตงกลับมา
ตอนที่ 849 หวังเว่ยตงกลับมา
“เซี่ยเซี่ย เขาคนนั้นแหละ” หลินจินซานเห็นหลินเซี่ยแล้วก็รีบเข้าไปต้อนรับ ชี้ไปยังชายวัยกลางคนที่กำลังโมโหโกรธาอยู่ไม่ไกล “คนนั้นน่าจะเป็นคนที่อารองบอกให้ระวังตัว คนที่มาก่อเรื่องนั่นแหละ”
“อืม เดี๋ยวพูดกับเขาดีๆ หน่อยนะ”
หลินเซี่ยเดินเข้าไปหา ยิ้มทักทายอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลินเซี่ย เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ?”
“หวังเว่ยตง” ชายคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
หวังเว่ยตงหน้าตาบึ้งตึง มองดูฐานรากที่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ พูดด้วยท่าทางแข็งกร้าวว่า “ผมเตือนพวกคุณนะ นี่เป็นที่ดินของครอบครัวผม ขอให้พวกคุณหยุดการรุกล้ำที่ดินของเราทันที ไม่งั้นผมจะฟ้องร้องพวกคุณ”
หลินเซี่ยมองเขาด้วยความสงสัยและถามว่า “ขอโทษนะคะ คุณยายหวังกับน้าซิ่วเหมยไม่ได้บอกคุณเรื่องขายที่ดินหรือคะ?”
หลินเซี่ยพยายามอธิบายอย่างใจเย็นว่า “เราได้ลงนามในสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว แม้คุณยายหวังจะอายุมาก แต่ภรรยาของคุณและพี่ชายใหญ่ของคุณก็อยู่ด้วย ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาด้วยความยุติธรรมและสมัครใจ เปิดเผยและโปร่งใส เราจ่ายเงินและดำเนินการตามขั้นตอน ตอนนี้เรามีสิทธิ์ในการใช้ที่ดินแปลงนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุณไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซง”
หวังเว่ยตงโต้แย้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ลายเซ็นของคนแก่ไม่มีผลทางกฎหมาย”
“คุณยังไม่ได้กลับบ้านใช่ไหมคะ?” หลินเซี่ยกล่าว “คุณควรกลับไปดูที่บ้านก่อน และยืนยันกับคุณยายอีกครั้ง ในสถานการณ์แบบนี้ แจ้งตำรวจก็ไม่มีประโยชน์ เอกสารของเราถูกต้องตามกฎหมาย คุณไม่สามารถขัดขวางการก่อสร้างของเราได้ ถ้าคุณมาก่อกวนที่นี่ เราจะแจ้งตำรวจ”
หวังเว่ยตงพลันรู้สึกอับจนในคำพูดของหลินเซี่ย เขาได้แต่เก็บกระเป๋าเดินทางเก่าๆ สกปรกขึ้นมาจากพื้น
ก่อนจากไป เขาได้หันมาเตือนพวกเขาว่า “ห้ามขุดต่อนะ เดี๋ยวผมจะกลับมาเจรจากับพวกคุณอีกที”
เซี่ยไห่ขับรถมาถึงทันทีที่หวังเว่ยตงเพิ่งจากไป
เขาจอดรถแล้วมองไปรอบๆ ก่อนถามอย่างร้อนรน “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนั้นไปไหนแล้ว?”
หลินเซี่ยตอบว่า “เพิ่งไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
เซี่ยไห่หันกลับไปมองแล้วถามว่า “เป็นผู้ชายที่ถือกระเป๋าเดินทางสกปรก ๆ ตัวผอม หน้าตาบึ้งตึงใช่ไหม?”
หลินเซี่ยไม่พูดอะไร หลินจินซานพยักหน้า “อารอง ถูกต้องครับ เขาเพิ่งเดินผ่านทางแยกไป คุณเจอเขาหรือเปล่า?”
เซี่ยไห่พยักหน้า “อืม ผมเห็นเขาจากในรถ”
เซี่ยไห่เห็นพวกเขายืนพักอยู่ตรงนั้น จึงออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “ทำงาน ทำงานต่อไป”
นี่เป็นอาณาเขตของพวกเขา พวกเขาจะกลัวหวังเว่ยตงได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินคำสั่งของเซี่ยไห่ พวกคนงานก็รีบก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้น
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง
หวังเว่ยตงก็มาอีกครั้ง
คราวนี้เขาพยุงแม่ที่ขาไม่ค่อยดีมาด้วย ตามหลังมาด้วยภรรยาชื่อซิ่วเหมยที่เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา
“แม่ แม่บอกพวกเขาไปสิว่าข้อตกลงนี้ใช้ไม่ได้”
คุณยายหวังเดินงกงั่นพร้อมไม้เท้า แม้จะมีหวังเว่ยตงคอยประคอง แต่ก็ยังเดินลำบากบนพื้นดินขรุขระเต็มไปด้วยหลุมบ่อ
คุณยายหวังเดินไปพลางพยายามเกลี้ยกล่อมลูกชายไป “เว่ยตง เธออย่าทำแบบนี้เลย ที่ดินผืนนี้แม่สมัครใจขายให้หลินเซี่ยเอง พวกเราก็ลงนามในข้อตกลงกันแล้ว จะบอกว่าใช้ไม่ได้ได้อย่างไร”
หวังเว่ยตงยืนกรานด้วยท่าทีอย่างแข็งกร้าว “แม่ นี่เป็นสิ่งที่ระลึกจากบ้านเกิดของแม่ ต่อให้พวกเราลำบากแค่ไหนก็ขายไม่ได้ ถ้าขายไปแล้วภายหน้าแม่จะไปพบญาติพี่น้องที่ล่วงลับได้อย่างไร แถมลูกหลานก็จะถูกบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ ดูถูกเหยียดหยามด้วย”
คุณยายหวังไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายถึงต้องดื้อดึงเช่นนี้
“แม่ครับ ผมจะออกไปหาเงินมาใช้คืนพวกเขาเอง”
หวังเว่ยตงพาคุณยายมาเผชิญหน้ากับเซี่ยไห่และหลินเซี่ย ยืนกรานให้คุณยายเปลี่ยนใจ
เซี่ยไห่เห็นภาพนี้แล้วมีสีหน้าเคร่งเครียด มองหวังเว่ยตงด้วยสายตาเหยียดหยาม
เขาพยายามอดทน มองหวังเว่ยตงแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่หวัง ผมได้ยินน้าหวังบอกว่าคุณแก่กว่าผมสองปี ผมจึงเรียกคุณว่าพี่ใหญ่หวัง ไม่ใช่ผมจะพูดอะไร แต่คุณนี่เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว”
“คุณจะหาเงินมาใช้หนี้ได้ยังไง? คุณทำงานก่อสร้างขนปูนซีเมนต์ วันหนึ่งจะได้เงินสิบหยวนหรือเปล่า? เมียกับลูกของคุณต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ คอยเกรงใจพี่สะใภ้ แม่แก่ๆ ของคุณต้องอยู่บ้านคอยรับมือกับเจ้าหนี้ คุณเคยคิดถึงพวกเขาบ้างไหม?”
“พวกเราไปบ้านคุณหลายครั้ง ทุกครั้งก็เจอเจ้าหนี้มาด่าทอและบังคับให้คุณยายใช้หนี้ คนแก่อายุปูนนี้แล้ว ต้องคอยก้มหัวขอโทษขอโพย เกือบจะต้องคุกเข่าให้เขาอยู่แล้ว”
“อีกอย่าง ตอนที่คุณไม่อยู่บ้าน คุณเคยคิดบ้างไหมว่าคุณยายของคุณกินอะไร?”
เซี่ยไห่มองใบหน้าดื้อรั้นของเขา ไม่อาจระงับอารมณ์ได้ จึงตะโกนด้วยความโกรธ “โจ๊กแป้ง ข้าวต้ม ไม่มีผักไม่มีเนื้อสักนิด แม้แต่น้ำมันสักหยดก็ไม่มี”
เขาหัวเราะเยาะอย่างดูแคลน “นี่เหรอที่เรียกว่าลูกกตัญญู”
“คนแก่ขายที่ดินก็เพื่อใช้หนี้ให้นาย เพื่อให้นายลำบากน้อยลง และพาภรรยากับลูกกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้เร็วขึ้น แต่ด้วยความเร็วในการหาเงินของนายแบบนี้ นายคงต้องรอไปถึงชาติหน้าโน่นมั้งกว่าจะได้”
“ฉันบอกนายเลยนะ สัญญาได้ลงนามไปแล้ว ถึงตอนนี้นายจะเอาเงินมาไถ่ที่ดินคืนจากพวกเราก็เป็นไปไม่ได้แล้ว”
เซี่ยไห่มองเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายเองก็คงไม่มีเงินมาหรอก ถ้าฉันเดาไม่ผิด หนี้ของนายยังไม่ได้รับการชำระหมด”
“นาย…”
คำพูดของเซี่ยไห่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหวังเว่ยตงเข้าเต็มๆ เมื่อเขาได้ยินเซี่ยไห่พูดถึงความทุกข์ทรมานที่แม่ชราของเขาต้องเผชิญ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด
แต่เขาก็ยังไม่อยากให้ที่ดินที่ตกทอดมาจากครอบครัวฝ่ายแม่ต้องสูญเสียไปในมือของอีกฝ่าย “ผมจะหาทางหาเงินมาให้พวกคุณ พวกคุณห้ามขุดที่ดินผืนนี้อีก”
“ถ้านายมีความสามารถก็ไปแจ้งตำรวจสิ อย่ามาวุ่นวายเลย พวกเรามีกำหนดการทำงานที่เร่งด่วน ล่าช้าไปวันเดียวก็เสียหายหลายพันหยวนแล้ว นายชดใช้ไม่ไหวหรอก อย่าหาเรื่องใส่ตัวเองเลย”
เสียงของเซี่ยไห่ดังขึ้น พวกยามรักษาความปลอดภัยที่กำลังช่วยทำงานอยู่ทางนั้นก็วิ่งเข้ามา แล้วยืนขวางหน้าเซี่ยไห่ทันที คอยปกป้องเขาไว้
ภาพนี้ช่างน่าขนลุกอย่างยิ่ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บางครั้งเราก็ต้องเสียบางอย่างไป เพื่อให้ได้บางอย่างกลับมา บางทีการเสียที่ดินผืนนี้ไปอาจเป็นเรื่องดีก็ได้
ไหหม่า(海馬)