ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 85 คู่แข่งในชาติก่อน (1)
ตอนที่ 85 คู่แข่งในชาติก่อน (1)
ตอนที่ 85 คู่แข่งในชาติก่อน (1)
เฉินเจียเหอทำหน้าบูดบึ้งอยู่เป็นนิจ บุคลิกทั้งเย็นชาและน่าเบื่อ ทว่านับตั้งแต่พวกเขาเจาะทะลุหน้าต่างกระดาษเพราะเธอบอกว่ายินดีที่จะแต่งงานกับเขา เขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เขาจูบเธอราวกับจะกลืนกินถึงสองครั้ง
ซึ่งทั้งสองครั้งที่ว่า พวกเขาไม่เพียงจูบกันอย่างเดียว แต่ยังมีสัมผัสวาบหวามอีกด้วย
ดูเหมือนว่าลุงวัยใกล้สามสิบคนนี้จะร้อนแรงมากทีเดียว
สายตาที่เขามองเธอในช่วงเวลานั้นไม่ต่างจากหมาป่าดุร้ายตัวใหญ่ที่ละโมบในตัวกระต่ายขาวตัวน้อย
“ฉันจำได้ว่าคุณจะออกไปคุยเรื่องงานกับผู้อำนวยการหลิวไม่ใช่เหรอคะ?” หลินเซี่ยเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
“ใช่” เฉินเจียเหอตอบเพียงสั้น ๆ ไม่ได้บอกเธอว่าที่จริงเขาต้องไปคุยงานกับใคร
“แล้วหู่จือล่ะ? หรือฉันควรรอให้คุณกลับมาก่อนแล้วค่อยออกไป?”
เฉินเจียเหอตอบว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมพาเขาไปฝากให้ถังจวิ้นเฟิงเลี้ยงก่อนก็ได้ เขาหยุดพักมาสองวัน คงคิดถึงหู่จือจะแย่”
หลินเซี่ยนั่งลงแล้วบรรจงแต่งแต้มเครื่องสำอางอีกครั้ง เธอโปะแป้งทับรอยที่ถูกเฉินเจียเหอรังแก แล้วทาลิปสติกอีกครั้ง เฉินเจียเหอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้าง ๆ พอเหลือบไปเห็นเธอปล่อยผมยาวสลวย และทาปากเป็นสีแดงเพลิง ก็อดชื่นชมไม่ได้ว่าหญิงสาวช่างมีเสน่ห์จริง ๆ
ดวงตาของเขาหรี่ลงอีกครั้ง ยิ่งจ้องมองนานเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกอยากกระโจนเข้าใส่หลินเซี่ยทุกนาที
หลินเซี่ยสะบัดผมไปด้านข้าง หันกลับมามองเขาด้วยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ “สวยหรือยังคะ?”
“สวยมาก” นัยน์ตาดำขลับของเฉินเจียเหอวูบไหว เขารีบเสมองไปทางอื่น พยายามสงบสติอารมณ์
หลินเซี่ยชื่นชมความสวยของตัวเองในกระจก “พอแต่งหน้าแล้วสวยกว่าเดิมเยอะเลย อีกหน่อยฉันจะขยันแต่งตัวแต่งหน้าสวย ๆ ให้มากขึ้น
ในเมื่อมีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้งแล้ว เธอตั้งใจว่าจะพยายามแต่งตัวสวยทุกวัน ทำให้ตัวเองเป็นสาวสวยอารมณ์ดี และดูดีในสายตาคนอื่น
“คุณ… คุณจะไปหาเพื่อนที่อาคารพักอาศัยในเขตโรงงานเครื่องจักรจริง ๆ เหรอ?”
เฉินเจียเหอรู้สึกกระดากปากนิดหน่อยเมื่อโพล่งถามแบบนั้นออกไป แต่เมื่อมองดูหญิงสาวที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์ตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะถามไถ่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลินเซี่ยเผชิญกับสายตาที่เป็นกังวลและตั้งคำถามของเฉิยเจียเหอ ตอบกลับไปว่า “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ฉันไม่ได้ไปหาหลิวจื้อหมิงซะหน่อย หล่อนเป็นเพื่อนผู้หญิงชื่อเจียงอวี่เฟย พ่อของเธอเป็นรองผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักร ก่อนหน้านี้เราสองคนพอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ฉันเลยอยากไปหาเธอ กลับมาคราวนี้ฉันอยากมีกลุ่มเพื่อนเป็นของตัวเองบ้าง”
“แล้วถ้าไปเจอกับคนตระกูลเสิ่นเข้าจะทำยังไง?” เฉินเจียเหอกลัวว่าอาจจะมีคนมาสร้างปัญหา
หลินเซี่ยบอกว่า “ไม่เจอแน่ ก่อนไปฉันจะแวะซื้อหน้ากากผ้ามาสวม ถ้าบังเอิญเจอคนตระกูลเสิ่นจริง ๆ ฉันจะพยายามทำเหมือนไม่มีตัวตน เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับพวกเขาในช่วงนี้”
“งั้นไปกันเถอะ ผมก็จะออกไปแล้วเหมือนกัน ต้องไปเรียกหู่จือด้วย”
หลินเซี่ยสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ที่เฉิยเจียเหอเพิ่งซื้อให้เมื่อวานนี้ สวมผ้าพันคอผืนใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็ออกไปด้วยกัน
หลินเซี่ยมองรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนใบหน้าของเฉินเจียเหอแล้วพูดว่า “แผลมีดบาดบนหน้าคุณเห็นชัดกว่าที่คิดแฮะ หาปลาสเตอร์ยามาปิดไว้ดีไหม?”
บังเอิญเหลือเกินว่าตำแหน่งที่โดนบาดนั้นอยู่ไม่ไกลจากมุมปาก คนที่เห็นอาจจะจินตนาการไปไกล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเพิ่งแต่งงานกับภรรยาหมาด ๆ
“ไม่เป็นไร” เฉินเจียเหอลูบแผลเบา ๆ ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย “ถ้ามีใครถาม ผมจะบอกว่าถูกแมวข่วน”
หลินเซี่ย “…”
หวังซิ่วฟางเอาแต่จดจ่อกับสถานการณ์ภายในครอบครัวของเฉินเจียเหอตั้งแต่เขากลับเข้าไปในบ้าน
หลังจากฟังอยู่นาน หล่อนกลับไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่มีใครในบ้านเปิดประตูแล้วเดินตึงตังลงมาด้วยซ้ำ
ยิ่งบรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีวี่แววของการทะเลาะเบาะแว้ง หวังซิ่วฟางก็ยิ่งกังวลใจ
มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ
เฉินเจียเหอที่เป็นเหมือนมะระน่าเบื่อคนนี้แกล้งทำเป็นเมินเฉยไม่ยอมรับความจริงว่าภรรยาตัวเองมีชู้งั้นเหรอ?
เขาทุ่มเทให้ชีวิตคู่ขนาดนี้เชียว
เพื่อแต่งงานกับสาวน้อยแสนสวย เขาถึงขั้นต้องกล้ำกลืนฝืนทนขนาดนั้นเลยเหรอ?
ขณะที่กำลังนึกถึงเรื่องนี้ หล่อนก็เห็นเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยกำลังเดินลงไปชั้นล่างเคียงข้างกัน ทั้งคู่แต่งตัวหล่อสวยสมกัน เหมือนจะออกไปเดตอย่างหวานชื่น
หวังซิ่วฟางลอบสังเกตการแสดงออกของทั้งสอง ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย
ตรงกันข้าม กลับรักใคร่กลมเกลียวกันยิ่งกว่าเก่า
เพราะวันนี้สายตาของเฉินเจียเหอมักจะจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซี่ยไม่คลาดสายตา
ช่วงหลายวันมานี้ กิริยาอาการต่างๆ ของเฉินเจียเหอช่างอยู่เหนือความคาดหมายของหล่อนยิ่งนัก
เมื่อเห็นพวกเขา หวังซิ่วฟางก็รู้ตัวว่าตัวเองมีความผิด หันหลังกลับอย่างเร่งรีบ คิดจะเข้าไปในบ้าน
“พี่สาวหวัง” หลินเซี่ยกวาดสายตาอันเฉียบคมไปเห็นเข้าเสียก่อน จึงร้องเรียกไว้
หวังซิ่วฟางตัวแข็งทื่อ แต่ยังคงมีทีท่าสงบ เกลี่ยผมตัวเองไปด้านหลัง “กำลังจะออกไปข้างนอกกันเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ไปเดตกัน” เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของหวังซิ่วฟาง หลินเซี่ยก็คลี่ยิ้มอย่างมีความหมาย “ขอบคุณนะคะที่เมื่อเช้าอุตส่าห์เป็นธุระมาถ่ายทอดข้อความให้”
“ด้วยความยินดี”
“พี่สาวหวัง ครั้งหน้าถ้ามีใครกำลังสนทนากัน ฉันขอแนะนำว่าอย่าไปแอบฟังใกล้ ๆ เลย เกิดคุณได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยินขึ้นมา จะง่ายต่อการเข้าใจผิด”
หลังจากที่หลินเซี่ยพูดจบ เธอก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้อีกฝ่าย ก่อนจะคล้องแขนเฉินเจียเหอ
ใบหน้าของหวังซิ่วฟางเปลี่ยนเป็นดำคล้ำแล้วซีดขาว ในที่สุดก็หันหลังกลับเข้าไปในบ้าน
ทั้งสองไปที่บ้านของพี่สาวจางเพื่อเรียกหู่จือ แล้วออกไปด้วยกัน
เฉินเจียเหออาสาจะไปส่งเธอ แต่หลินเซี่ยปฏิเสธ บอกว่าจะขึ้นรถโดยสารไปด้วยตัวเอง
เธออาศัยความทรงจำเก่า ๆ ทำให้นั่งรถไปลงที่ป้ายหน้าอาคารที่พักในเขตโรงงานเครื่องจักรได้อย่างราบรื่น
อาคารที่พักของโรงงานเครื่องจักรมีขนาดใหญ่กว่าอาคารในเขตโรงงานยานยนต์มาก เพราะเป็นอาคารใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว จึงถือเป็นอาคารที่พักพนักงานที่ดูดีที่สุดในไห่เฉิง ทั้งหมดเป็นอาคารเจ็ดชั้นเรียงรายต่อกัน
หลินเซี่ยยืนอยู่ข้างนอก มองไปยังสถานที่ที่เธอเคยอาศัยอยู่จนเติบโต ความรู้สึกในอกผสมปนเป
วันนี้เธอซื้อหน้ากากผ้าติดตัวมาโดยเฉพาะ หยิบขึ้นมาสวมและปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิดจนแน่ใจว่าไม่มีใครจำเธอได้แน่
เธอเห็นร่างที่คุ้นเคยสองคนเดินเข้ามาใกล้ จึงรีบหลบไปยืนอยู่หลังต้นไม้
เสิ่นเถี่ยจวินและหลิวจื้อหมิงที่สวมใส่เสื้อผ้าทำงานเดินออกมาจากอาคาร ในมือถือกระเป๋าเอกสาร
“จื้อหมิง คราวหน้าคราวหลังทำอะไรให้มันรอบคอบกว่านี้”
“เข้าใจแล้วครับลุงเสิ่น”
หลินเซี่ยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง เดินตรงเข้าไปในอาคาร รอจนกว่าพวกเขาจะห่างออกไปไกล ๆ
จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นสองแล้วเคาะประตู
คนที่เปิดประตูให้เธอเป็นหญิงสาวสูงโปร่ง หน้าตาเย็นชาไม่เป็นมิตร เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูปิดบังใบหน้ามิดชิดจนมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน ก็ระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที “มาหาใครคะ?”
“ฉันเอง” หลินเซี่ยดึงผ้าที่ปิดหน้าอยู่ลง
เจียงอวี่เฟยถึงกับผงะเมื่อเห็นคนที่มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูบ้านของหล่อน จากนั้นก็กอดอก แล้วตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างไม่แยแส “อ้อ เสิ่นอวี้อิ๋งสินะ? ไม่สิ ตอนนี้เธอไม่ใช่เสิ่นอวี้อิ๋งแล้ว ตอนนี้เธอชื่ออะไรล่ะ?”
“หลินเซี่ย” หลินเซี่ยไม่สนใจสีหน้าเยาะเย้ยถากถางของอีกฝ่าย แนะนำตัวเองอย่างจริงจัง
ทัศนคติของเจียงอวี่เฟยเย็นชามาก “มาหาฉันทำไมมิทราบ?”
“ฉันมีเรื่องสำคัญมากจะคุยด้วย” หลินเซี่ยมองย้อนไปยังสุดทางเดิน พูดด้วยเสียงต่ำราวกระซิบ “ให้ฉันเข้าไปก่อนสิ”
“ทำไมต้องเข้ามาด้วย? มีอะไรก็พูดมาตรงนี้เลย” เจียงอวี่เฟยกั้นประตูเอาไว้ ไม่ยอมให้เธอเข้าไป
ทั้งสองเคยขัดแย้งกันครั้งหนึ่ง ตอนที่เธออยู่ที่นี่ สองสาวมักจะชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดจาเสียดสีทะเลาะกันข้ามห้องไปมา
แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวของที่นี่อีกต่อไปแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เจียงอวี่เฟยจะคุยกับเธอดี ๆ
“ฉันมาคุยเรื่องที่เธอจะเข้าร่วมการเฟ้นหานางแบบหน้าใหม่”
ในเมื่อเธอกล้ามาเผชิญหน้า แน่นอนว่าเธอต้องมีไพ่เด็ดสำหรับซื้อใจอีกฝ่าย
ความประหลาดใจฉายบนใบหน้าเย็นชาของเจียงอวี่เฟย “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“ฉันรู้มากกว่าที่เธอคิดอีก ถ้าไม่อยากให้ฉันป่าวประกาศก็ให้ฉันเข้าไปก่อนสิ”
เจียงอวี่เฟยถูกหลินเซี่ยโน้มน้าวได้สำเร็จ หล่อนก้าวออกไปด้านข้างเพื่อหลีกทางให้ผู้มาเยือนเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ปิดประตูอย่างรวดเร็ว
หลินเซี่ยมองไปรอบ ๆ ถามว่า “พ่อเธอไม่อยู่บ้านเหรอ?”
“ไม่อยู่”
เจียงอวี่เฟยพูดอย่างไม่อดทน
“บอกมาซิ นี่มันหมายความว่ายังไง? เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังจะเข้าร่วมประกวดนางแบบ เธอมาหาฉันถึงบ้านเพราะต้องการอะไรกันแน่?”
หล่อนเคยเล่าความฝันของตัวเองให้พ่อฟังจริง แต่พ่อของหล่อนไม่เห็นด้วย บอกว่าการเปิดเผยเนื้อตัวเป็นเรื่องที่น่าอับอาย จึงสั่งให้หล่อนตั้งใจเรียน หลังเรียนจบจะได้เข้าไปทำงานในโรงงาน
แม้แต่พ่อของหล่อนยังอายเกินกว่าจะแพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรับรู้
ยิ่งไปกว่านั้น หลินเซี่ยกลับชนบทไปตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้วนี่นา
เมื่อได้ยินว่ารองผู้อำนวยการโรงงานเจียงไม่อยู่ที่นี่ หลินเซี่ยก็เดินไปนั่งลงตรงโซฟา แล้วพูดเสียงดังว่า “ไม่สำคัญหรอกว่าฉันไปได้ยินมาจากไหน แต่ฉันรู้ว่าเธออยากเข้าร่วมการประกวดนางแบบประจำเมืองไห่เฉิงครั้งนี้มาก แต่พ่อของเธอกลับไม่อนุญาต เขาไม่เห็นด้วย แล้วก็ไม่มีใครสนับสนุน ตอนนี้เธอคงลำบากใจมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนใบเหลืองแล้วหนึ่งรอบ ถ้าคราวหน้ายังปากสว่างอีกจะโดนใบแดงแล้วนะเจ๊หวัง
แผนล้างแค้นยัยอวี้อิ๋งเริ่มขึ้นแล้ว จะมีอะไรเด็ดๆ อีกไหม
ไหหม่า(海馬)