ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 850 ไม่สามารถสร้างคลื่นลมได้
ตอนที่ 850 ไม่สามารถสร้างคลื่นลมได้
คุณยายหวังคิดว่าคนของเซี่ยไห่จะทำร้ายลูกชายของเธอ จึงรีบเข้าไปขวางด้วยความตกใจ แล้วพูดกับเซี่ยไห่ว่า “เสี่ยวเซี่ย อย่าเพิ่งใจร้อน เว่ยตงไม่ได้มีเจตนาอื่น ฉันจะพูดกับเขาเอง”
หลินเซี่ยเห็นลูกน้องของเซี่ยไห่มีระเบียบวินัยดีมาก เมื่อเจ้านายเพียงแค่เปล่งเสียงดังขึ้น พวกเขาก็สามารถรวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าพวกเขาคงได้รับการฝึกฝนในห้องเต้นรำมาไม่น้อย
ด้วยท่าทีแบบนี้ คนธรรมดาคงจะตกใจกลัวแน่นอน
หากถูกคนที่มีเจตนาร้ายเห็นเข้าแล้วนำไปขยายความก็เป็นไปได้
ท่าทางแบบนี้ พูดตามตรงแล้วดูเหมือนอิทธิพลมืดมากเกินไป
เธอขมวดคิ้วพลางกระซิบกับเซี่ยไห่ว่า “อารอง คุณรีบให้พวกเขาถอนกำลังเถอะ”
เซี่ยไห่เพียงแค่ส่งสายตา พวกหนุ่มใหญ่น้อยที่ยืนขวางหน้าเขาอยู่ก็กระจายตัวออกไปทันที แล้วไปช่วยขุดฐานรากต่อ
เซี่ยไห่เดินเข้าไปประคองคุณยายหวัง เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “น้าหวัง คุณวางใจได้ พนักงานของผมล้วนมีคุณภาพ ไม่ทำร้ายใครพร่ำเพรื่อหรอก ผมแค่หวังว่าลูกชายของคุณที่อายุปูนนี้แล้วจะมองความเป็นจริงตรง ๆ คุณสงสารเขา แต่เขากลับไม่เข้าใจความลำบากของคุณที่เป็นผู้เฒ่าเลย”
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ ในฐานะลูกผู้ชาย แน่นอนว่าคุณหวังจะรักษาทรัพย์สินของครอบครัวไว้ แต่ตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว การเก็บที่ดินผืนนี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์ การแปลงเป็นเงินเพื่อชำระหนี้ และให้คุณกับภรรยาและลูกๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
เซี่ยไห่พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ หวังเว่ยตงที่อยู่ข้างๆ ถึงกับพูดอะไรไม่ออกหลังจากได้ฟังคำพูดของเซี่ยไห่
ต้องยอมรับว่าทุกคำพูดของเซี่ยไห่นั้นกระทบใจเขาอย่างจัง
เขารู้ว่าชีวิตของเขาได้มาถึงจุดนี้แล้ว โรคระบาดครั้งนี้ทำลายทุกอย่างไปหมด
แต่ในฐานะผู้ชาย เขาต้องมีศักดิ์ศรี การต้องมองดูที่ดินที่แม่ของเขาได้รับมาจากครอบครัวเดิมถูกขายไป มันทำให้เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าความตาย
เขากลัวว่าหลังจากร้อยปีผ่านไป เขาจะไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษ
แต่ความสามารถของเขาในตอนนี้ ก็ไม่มีทางที่จะชดใช้หนี้สินได้จริงๆ
เมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนที่ฟาร์มไก่ของเขาเติบโตขึ้นมาก เขาก็เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นคนมีความสามารถ
แต่ตอนนี้เขามีหนี้สินท่วมตัว ถูกบังคับให้ต้องขายที่ดิน…
คุณยายหวังพูดถึงเรื่องสะเทือนใจ จนอดไม่ได้ที่จะเช็ดน้ำตา
ในช่วงที่ลูกชายและลูกสะใภ้ไม่อยู่บ้าน นางต้องแบกรับภาระของครอบครัวนี้ไว้ คอยต้านทานเจ้าหนี้ที่มาทวงหนี้ ไม่อาจปล่อยให้พวกเขามาทวงหนี้ถึงลูกชายและลูกสะใภ้ได้
ดังนั้นในตอนนั้นนางจึงมีความคิดเดียว คือต้องอดทน แม้ชีวิตจะแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อต้านทานเจ้าหนี้เหล่านั้น ให้ลูกชายของนางสามารถทำงานหาเงินใช้หนี้ได้อย่างสบายใจ
ตอนนี้ ลูกชายและลูกสะใภ้อยู่ข้างกายนางแล้ว หนี้สินก็ใช้ไปเกือบหมดแล้ว แต่ลูกชายกลับดื้อดึง ยืนกรานจะปะทะกับผู้มีพระคุณของพวกเขา
หญิงชรานึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตัวเองต้องแบกรับเพียงลำพังแล้ว ก็รู้สึกเศร้าโศกอย่างที่สุด
หากวันนี้ลูกชายมาขัดขวางเซี่ยไห่และคนของเขาไม่ให้ขุดดิน และเอาที่ดินผืนนี้กลับคืนมาจริงๆ พวกเขาจะทำอะไรได้?
ไม่ต้องพูดถึงการละเมิดข้อตกลงที่จะต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย แค่เงินก้อนนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถจ่ายคืนได้
“เหล่าหวัง อย่าก่อเรื่องเลย พวกเราขายที่ดินไปแล้วถึงจะใช้หนี้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะถูกบีบจนตายนะ”
หวังเว่ยตงได้ยินคำพูดของคุณยายหวังกับภรรยาของเขาแล้วก็รู้สึกละอายใจและเจ็บปวด
คุณยายหวังโบกมือที่เหี่ยวแห้งของตนแล้วดึงเขาขึ้นมา “ฉันไม่เป็นไรหรอกถ้าต้องลำบากบ้าง สิ่งที่ฉันทนไม่ได้ที่สุดคือการเห็นลูกถูกหนี้สินบีบคั้นจนหมดทางไป เสี่ยวจวินของเราก็ต้องหยุดเรียนไปหลายเดือนแล้ว ตอนนี้พวกเราควรใช้ชีวิตอย่างสงบ ลูกไปหางานทำที่เมืองไห่เฉิง แล้วใช้หนี้ที่เหลือให้หมด ถ้าเป็นอย่างนั้นแม้ฉันตายไปก็จะหลับตาอย่างสบายใจ”
นางรู้ว่าลูกชายกังวลเรื่องอะไร จึงพูดอย่างจริงใจว่า “ลูกไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าบรรพบุรุษของเราได้เห็นตึกสูงที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนถูกสร้างขึ้นบนที่ดินผืนนี้ พวกเขาคงจะดีใจมาก ชาติก่อนพวกเขาไม่เคยมีชีวิตที่ดี และไม่เคยเห็นว่าตึกเป็นอย่างไร ถ้าเสี่ยวเซี่ยกับพวกเขาสร้างตึกใหญ่บนที่ดินผืนนี้จริงๆ บรรพบุรุษของเราก็จะได้เห็นโลกกว้างบ้าง”
สุดท้ายหวังเว่ยตงก็ถูกคุณยายหวังโน้มน้าวให้ยอมรับ
ที่จริงเขารู้ดีว่าแม่ได้เซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ผลลัพธ์นี้จึงยากที่จะเปลี่ยนแปลง
แต่ตอนแรกเขาก็ยังไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ คิดว่าแม่ผู้แก่ชราอาจจะเปลี่ยนใจ ถ้าก่อเรื่องวุ่นวายสักหน่อย บางทีอาจจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์
แต่แม่ของเขากลับเข้าข้างคนพวกนั้นสุดหัวใจ ไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจเลย
เขารู้ว่าทุกอย่างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว
“เสี่ยวเซี่ย พวกเธอทำงานต่อไปเถอะ พวกเราขอตัวก่อนนะ”
คุณยายหวังเพิ่งก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ก็หดเท้าเล็กๆ กลับมา หันไปมองเซี่ยไห่ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแสดงรอยยิ้มอ่อนโยน แล้วถามอย่างระมัดระวัง “เสี่ยวเซี่ย พวกเราเคยตกลงกันไว้ว่าถ้าลูกชายฉันกลับมา และคุณมีงานที่เหมาะสม ก็จะจัดการหางานให้เขาสักอย่าง คุณดูสิว่าที่นี่ยังต้องการคนงานอีกไหม?”
คุณยายหวังมองไปทางคนงานที่กำลังขุดฐานราก เห็นว่ามีบางคนอายุมากกว่าลูกชายของเธอ ดูแล้วน่าจะประมาณ 40-50 ปี งานแบบนี้ ลูกชายของนางก็น่าจะทำได้
การขุดดินด้วยพลั่วนั้นสบายกว่าการแบกปูนซีเมนต์มากทีเดียว
ที่บ้านยังมีหนี้สินอยู่บ้าง ลูกชายของนางกลับมาก็ต้องหางานทำ
นอกจากนี้ เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือนางหวังว่าลูกชายจะได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างตึก
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นที่ดินของครอบครัว การที่เขาได้ทำงานที่นี่ ได้เห็นตึกค่อยๆ สูงขึ้นด้วยตาตัวเอง ก็ถือว่าได้มีส่วนร่วมแล้ว
เซี่ยไห่มองไปยังหวังเว่ยตงที่อยู่ไม่ไกล เขาพูดว่า “น้าหวัง ผมเคยพูดแบบนี้ไว้จริง แต่ผมเห็นว่าลูกชายของคุณตอนนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ เขาคงไม่อยากมาทำงานกับผม เอาอย่างนี้แล้วกัน เขาเพิ่งกลับมา ให้เขากลับบ้านพักผ่อนสักสองวันก่อน ใจเย็นๆ แล้วค่อยคุยกันใหม่”
เซี่ยไห่ไม่ได้ตอบรับคำขอของคุณยายหวังในทันที
ด้วยสภาพจิตใจของหวังเว่ยตงในตอนนี้ หากให้เขาอยู่ทำงานที่นี่ ก็อาจจะก่อกวนหรือทำเรื่องเลวร้ายได้
คำพูดระหว่างเซี่ยไห่กับคุณยายหวัง ก็ถูกหวังเว่ยตงที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเข้า
หวังเว่ยตงตะโกนเรียกแม่ของเขา ให้รีบกลับบ้าน
หลังจากที่พวกเขาทั้งครอบครัวจากไป เซี่ยไห่หยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า ดึงบุหรี่ออกมามวนหนึ่งแล้วจุดด้วยไฟแช็ค เขาพูดอย่างโกรธเคือง “คนอะไรกัน น้าหวางบอกว่าลูกชายเป็นลูกกตัญญู ฉันคิดว่าเขาจะกตัญญูมากแค่ไหนเชียว ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”
“ฮึ ถ้าเขามีความมุ่งมั่นขนาดนั้น ก็น่าจะหาทางชำระหนี้เองสิ ปล่อยให้คนแก่ลำบากแบบนี้มันเรื่องอะไรกัน จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้จักความเป็นจริง คิดว่าตัวเองมีน้ำใจมาก ฉันเกลียดคนแบบนี้ที่สุด อายุปูนนี้แล้วยังดื้อรั้นขนาดนี้ คนเราต้องมีความมุ่งมั่นและอารมณ์ แต่ต้องรู้จักความสามารถของตัวเองก่อน และต้องดูแลครอบครัวของตัวเองให้ดีก่อน”
เซี่ยไห่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก และวางครอบครัวไว้เป็นอันดับแรก เขาไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นลูกกตัญญู ยกเว้นช่วงไม่กี่ปีก่อนที่เขาทำให้แม่ต้องกังวลเรื่องความรัก หลังจากออกจากกองทัพ เขาก็ไม่เคยทำให้แม่ต้องลำบากในเรื่องวัตถุเลย
เขารู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อเห็นคุณยายหวังอายุมากขนาดนี้ลากร่างที่ป่วยมาโต้เถียงกับพวกเขาตามที่ลูกชายต้องการ
“อารอง หวังเว่ยตงคงไม่มาก่อกวนอีกแล้ว ถึงเขาจะมาก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราไม่ต้องสนใจแล้ว คุณก็อย่าโกรธอีกเลย”
หลินเซี่ยพบกับหวังเว่ยตงเป็นครั้งแรกในวันนี้ และมีความประทับใจต่อเขาไม่ค่อยดีนัก
แน่นอนว่า หวังเว่ยตงมีจุดยืนของเขาเอง
แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันของครอบครัวพวกเขา ก็จำเป็นต้องยอมรับความเป็นจริง
ในช่วงแรก เซี่ยไห่ยังช่วยจ่ายหนี้สินให้ครอบครัวพวกเขาไปกว่าสามพันหยวน ต่อมาพวกเขาก็ตั้งใจจะสละที่ดินผืนนี้ เป็นเพราะคุณยายหวังถูกหนี้สินบีบคั้นจนไม่มีทางเลือก จึงต้องมาขอความยินยอมจากพวกเขาด้วยตัวเองเพื่อขายที่ดิน
ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่อาจถือว่าพวกเขาบีบบังคับได้
ในการจัดการเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีปัญหาอะไร
เอกสารก็ครบถ้วน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งอื่นใด เริ่มงานได้ตามกำหนดเวลาเลย
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถ้ามันถึงเวลาต้องปล่อยก็ต้องปล่อยไปนะเว่ยตง รั้งไว้จะยิ่งทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ไหหม่า(海馬)
………………..