ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 851 จะแต่งงานก็สามารถล้ำเส้นได้แล้วหรือ?
ตอนที่ 851 จะแต่งงานก็สามารถล้ำเส้นได้แล้วหรือ?
“จินซาน นายคอยระวังดูตรงนี้ ถ้าเขามาอีกก็ให้โทรหาฉัน”
เซี่ยไห่พูดจบ แล้วก็กำชับพวกเขาว่า “อย่าไปลงไม้ลงมือกับใครล่ะ พวกเราพี่น้อง แค่ทำให้น่าเกรงขามหน่อยก็พอ ข่มขู่นิดหน่อยก็ใช้ได้ อย่าไปทำร้ายจริงๆ นะ”
“อารอง คุณวางใจได้ พวกเราไม่เคยต่อยแม้แต่พวกนักเลงในห้องเต้นรำของเรา จะไปต่อยคนงานธรรมดาได้ยังไงล่ะครับ?”
หลินจินซานมองพฤติกรรมแบบนี้ของหวังเว่ยตงด้วยความคุ้นชิน ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร
แม้กระทั่งเขายังรู้สึกว่าหวังเว่ยตงนับว่าเป็นคนที่มีคุณภาพและมีเหตุผลมากแล้ว
เขาเพียงแค่พยายามต่อรองเท่านั้น ไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวายแต่อย่างใด
เมื่อเทียบกับหมู่บ้านของพวกเขาตอนที่มีการสร้างถนน ถ้ามีการรุกล้ำที่ดินของใครแม้เพียงนิดเดียว คนพวกนั้นก็จะนอนลงกับพื้นแล้วดิ้นพราดๆ แกล้งตายไม่ยอมให้สร้าง
ให้เงินชดเชยก็ไม่ยอม
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากที่สุดคือการที่หวังเว่ยตงไม่ทำตัวเหมือนผู้ชาย ปล่อยให้แม่และภรรยาออกหน้าแทน ทั้งที่ตัวเองเป็นหนี้มากมาย แต่กลับทำตัวเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
คนแบบนี้สมควรให้เจ้าหนี้มาทวงหนี้สักหลาย ๆ ครั้ง
ให้เขาได้เห็นท่าทีที่เลวร้ายของพวกทวงหนี้ที่มีต่อครอบครัวของเขา เขาจะได้รู้สำนึกเสียที
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หวังเว่ยตงก็ไม่ได้มาก่อเรื่องอีกเลย แต่หลินจินซานบอกว่าเห็นเขายืนมองพวกเขาขุดดินอยู่ห่าง ๆ หลายครั้งแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
การไม่อยากจากที่ดินผืนนี้ไปก็เป็นความจริง
หลินจินซานคิดจะไปพูดโน้มน้าวเขา ให้เขาไปขอโทษอารอง แล้วหางานทำที่นี่ซะ
หลังจากขุดฐานรากเสร็จแล้ว เนื่องจากอากาศหนาวเกินไป จึงไม่สามารถเริ่มงานเทฐานรากได้
คอนกรีตจะไม่แข็งตัวง่ายเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป และอาจเกิดปัญหาในภายหลังได้
ตัวงานก่อสร้างจริง ๆ จะเริ่มหลังปีใหม่ ตอนนี้ที่ขุดดินทำฐานรากไว้ก็แค่กันที่ไว้ก่อน ยังไม่ต้องรีบสร้างอะไร พอขุดเสร็จก็พักโครงการนี้ไว้ก่อนได้
พริบตาเดียวก็ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ร้านเช่าชุดแต่งงานของหลินเซี่ยจึงยิ่งคึกคัก ยิ่งช่วงนี้มีรูปพรีเวดดิ้งของหลินจินซานกับชุนฟางด้วย ยิ่งทำให้มีคนมาต่อคิวกันยาวเหยียด
หลินจินซานกับชุนฟางตกลงกันว่าจะแต่งงานกันในเดือนธันวาคม
ตอนนี้บ้านยังไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว หลินจินซานเลยคิดว่าจะหาเวลาไปจัดบ้านหน่อย
“อารองครับ ตอนนี้ผมต้องเเต่งงานแล้ว ช่วงนี้เลยอยากจะขอเลิกงานเร็วหน่อย ผมจึงขอแจ้งไว้ก่อนครับ”
หลินจินซานตอนนี้ดูแลห้องเต้นรำอยู่หนึ่งแห่ง จริงๆ แล้วถึงเขาจะมาสายหรือกลับเร็วก็ไม่มีใครรู้ แต่เขาก็ยังคงรายงานให้เซี่ยไห่ทราบล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เซี่ยไห่มาตรวจสอบแบบไม่ทันตั้งตัวและจับได้
นี่ก็เป็นการแสดงความเคารพต่อเซี่ยไห่ผู้เป็นเถ้าแก่ใหญ่ด้วย
เซี่ยไห่ไม่ได้เข้มงวดกับเขาเหมือนตอนแรกแล้ว เขาพูดว่า “เธอแค่ดูแลห้องเต้นรำให้ดี อย่าให้มีข้อผิดพลาด อยากเลิกงานตอนไหนก็ตอนนั้น”
“ฉันดูแค่ผลงาน ดูผลการทำงาน ดูตอนประเมินผลสิ้นเดือน ยอดขายที่นั่นของพวกเธอ ถ้าธุรกิจไม่ดี ฉันก็จะปลดเธอออก”
เซี่ยไห่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทำเอาหลินจินซานตกใจจนหัวใจสั่น “ครับ ผมจะตั้งใจทำงานให้ดี”
เขากำลังจะแต่งงาน หลังจากนั้นต้องเลี้ยงดูครอบครัว จึงไม่สามารถตกงานได้
ลานบ้านที่เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงซื้อให้หลินจินซานอยู่ในตรอกเล็กๆ ไม่ไกลจากบ้านตระกูลเซี่ยนัก
ตอนซื้อบ้าน เซี่ยเหลยตั้งใจจะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อหาความสัมพันธ์ซื้อห้องชุดให้หลินจินซาน
ตอนนี้คนหนุ่มสาวชอบอยู่ห้องชุดกัน
แต่หลินจินซานไม่เห็นด้วย เขาบอกว่าอยู่ลานบ้านดีแล้ว กว้างขวางดี
เขาเคยชินกับการอยู่อย่างอิสระในหมู่บ้านมาตั้งแต่เด็ก ไม่ชินกับการอยู่ในตึก เพราะรู้สึกเหมือนอยู่ในกรง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดว่าลานบ้านราคาถูก
เงินซื้อบ้านหลังนี้ เซี่ยเหลยยืนกรานจะจ่ายเอง เขาถือว่าหลินจินซานเป็นลูกของเขา และเขาก็ได้สัญญากับหลินต้าฝูไว้ที่หน้าหลุมศพแล้ว ดังนั้นเขาจะทำตามสัญญาและทำหน้าที่ของพ่อคนหนึ่ง
หลินจินซานรู้สึกซาบซึ้งที่เซี่ยเหลยปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ แต่ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง การรับของขวัญแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลย
ดังนั้น เขาจึงเลือกลานบ้านในตรอกเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างห่างไกล แต่อยู่ใกล้กับที่ทำงานของเขาและชุนฟาง
ในที่สุด หลินเซี่ยก็โน้มน้าวเซี่ยเหลยได้สำเร็จ
หลินเซี่ยบอกว่า ให้ซื้อลานบ้านนี้ไว้อยู่ก่อน อีกไม่กี่ปีข้างหน้า นโยบายอาจเปลี่ยนแปลง พื้นที่นี้อาจได้รับการพัฒนา ถึงตอนนั้นเราอาจได้รับเงินชดเชยจากการรื้อถอน
ส่วนตึก เมื่อมีเงื่อนไขที่ดีขึ้นในอนาคตแล้วค่อยซื้อ
ด้วยความพยายามอย่างหนักของหลินจินซานและชุนฟาง พวกเขาจะมีทุกอย่างในอนาคต
ลู่เจิ้งอวี่ก็สละเวลามาช่วยหลินจินซานตกแต่งห้องใหม่อย่างกระตือรือร้นมาก
เขาซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมในลานบ้านให้ด้วย
หลินจินซานต้องการใช้กระดาษขาวปิดผนัง แต่ลู่เจิ้งอวี่บอกว่าการปิดผนังแบบนั้นล้าสมัยไปแล้ว
ถ้าเป็นบ้านดินในชนบท การใช้กระดาษขาวปิดผนังก็ยังพอได้ แต่บ้านหลังนี้เป็นบ้านอิฐมุงกระเบื้อง สามารถทาสีขาวได้เลย
หลินจินซานพาลู่เจิ้งอวี่มาทาสีผนัง หลินเยี่ยนก็ขอลาหลินเซี่ยมาช่วยงานและทำความสะอาดด้วย
ลู่เจิ้งอวี่ยืนอยู่บนบันไดทาสีผนังอย่างมืออาชีพ แต่สายตาของเขามักจะเหลือบมองไปทางใดทางหนึ่งอย่างมีเลศนัย
หลินจินซานพยุงบันได เห็นคนบนบันไดดูเหม่อลอยไม่มีสมาธิ หลินจินซานก็มีสีหน้าเบื่อหน่าย แม้เขาจะเข้าใจและไม่ตั้งใจจะพูดอะไร
แต่คนคนนี้กลับทำเกินเลยขึ้นเรื่อยๆ ไม่สนใจเขาที่เป็นพี่ใหญ่เลยสักนิด คอยส่งสายตาเจ้าชู้ให้น้องสาวเขาตลอด ถ้าตกลงมาจะให้ใครรับผิดชอบ?
ลู่เจิ้งอวี่มีตำแหน่งสูงกว่าเขา และยังเป็นผู้ช่วยคนสนิทของเซี่ยไห่ หลินจินซานไม่กล้าต่อว่าเขาตรงๆ เขาจึงมองน้องสาวตัวเองด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเอ่ยปากว่า “เสี่ยวเยี่ยน เธอส่งสายตากันทำไมน่ะ?”
หลินเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็รีบก้มหน้า “ใครส่งสายตาคะ?”
หลินจินซานจ้องหล่อน “อย่าคิดว่าฉันมองไม่เห็นนะ”
หลินเยี่ยนก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ลู่เจิ้งอวี่มองดูหญิงสาวที่หน้าแดงด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เขาทาสีผนังพลางพูดกับหลินจินซานว่า “พี่ซาน อย่าว่าเสี่ยวเยี่ยนเลยครับ หล่อนจะเขินเอา”
“มีอะไรให้ต้องเขินด้วยล่ะ?” หลินจินซานในฐานะพี่ชาย มองดูทั้งสองคนแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าพวกนายมีใจให้กัน ก็ไปพบพ่อแม่กันตรงๆ เลย คุยกันดีๆ อย่าแอบๆ ซ่อนๆ”
หลินจินซานไม่สนใจว่าลู่เจิ้งอวี่จะเป็นผู้ช่วยของเจ้านายหรืออะไร เขาเตือนอย่างเคร่งขรึม “เจิ้งอวี่ ถ้านายแอบรังแกเสี่ยวเยี่ยน ฉันจะไม่ยกโทษให้นายนะ”
“ฉันไม่สนหรอกว่านายจะเป็นคนโปรดของอารองหรือเป็นเจ้านายของฉัน ถ้านายรังแกน้องสาวฉัน ฉันจะไม่เกรงใจใครทั้งนั้น”
หลินเยี่ยนได้ยินพี่ชายคุยกับลู่เจิ้งอวี่เกี่ยวกับหัวข้อเหล่านี้ จึงหยิบอ่างน้ำแล้วรีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลินเยี่ยนออกไปแล้ว ลู่เจิ้งอวี่ก็อธิบายให้หลินจินซานฟังด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “พี่ซาน ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเปิดเผย ผมก็อยากพบพ่อแม่ของหล่อนเหมือนกัน แต่เสี่ยวเยี่ยนไม่ยอม”
“หา?” หลินจินซานสงสัย “หล่อนไม่ยอมคบกับนาย?”
ลู่เจิ้งอวี่อธิบายว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ หล่อนยังอายุน้อย อยากให้ความสำคัญกับงานก่อน พวกเราจึงคบกันในฐานะเพื่อนก่อน ค่อย ๆ ทำความรู้จักและค่อย ๆ ใกล้ชิดกัน”
เป็นเขาเองที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เมื่ออยู่กับหล่อน เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากเข้าใกล้ อยากส่งสายตาให้หล่อน
การรักใครสักคน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถซ่อนเร้นได้เลย
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เจิ้งอวี่ หลินจินซานมองออกไปนอกประตูแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เด็กสาวตัวน้อยนี่มีความคิดเป็นของตัวเองดีนี่”
แต่เดิมยังกังวลว่าเด็กคนนี้เข้าเมืองมาแล้วจะถูกคนหลอก ไม่คิดว่าหล่อนจะมีความมั่นคงและมีความคิดเป็นของตัวเองขนาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง พวกเธออยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ได้” หลินจินซานมองออกไปนอกประตูแล้วทำหน้าเคร่งเครียดเตือนลู่เจิ้งอวี่ว่า “แต่นายห้ามรังแกหล่อนนะ เข้าใจความหมายของฉันไหม?”
ลู่เจิ้งอวี่มองหลินจินซาน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ผมไม่ได้รังแกหล่อนหรอก ผมชอบหล่อน ทะนุถนอมจนไม่มีเวลาเหลือ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผมจะรังแกหล่อน?”
“สิ่งที่ผมหมายถึงคือการรังแกแบบ…”
หลินจินซานเห็นสายตาเซ่อซ่าของลู่เจิ้งอวี่แล้วก็รู้ว่าต่อให้เด็กคนนี้จะอายุน้อยกว่าเขาแค่สองปี แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจจริงๆ
“แบบนั้นน่ะ…” เขาให้ลู่เจิ้งอวี่ก้มหัวลงมาใกล้ๆ แล้วกระซิบบอกอะไรบางอย่าง
เมื่อลู่เจิ้งอวี่ได้ยินคำพูดของหลินจินซาน และเห็นสายตาคลุมเครือของเขา ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
“พี่ซาน คุณพูดอะไรน่ะ?”
ใบหน้าหล่อเหลาของลู่เจิ้งอวี่ดูจริงจังและตื่นเต้น เขาหน้าแดงยิ่งกว่าหลินเยี่ยนเมื่อครู่นี้เสียอีก “พวกเราแค่อยู่ในขั้นทำความรู้จักกันเท่านั้น ผมจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง? นั่นมันเป็นอาชญากรรมนะ”
หลินจินซานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อถูกลู่เจิ้งอวี่จ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขากระแอมเบาๆ “ดีแล้วที่นายเข้าใจ”
“แน่นอนว่าผมเข้าใจ นี่มันไม่ใช่หลักการพื้นฐานที่สุดหรอกหรือ? ผมเคยเป็นทหารมาก่อนนะ จะก่ออาชญากรรมจนทำให้อาชีพของผมเสื่อมเสียได้ไง?”
หลังจากลู่เจิ้งอวี่พูดจบ เขาสังเกตเห็นว่าลูกตาของหลินจินซานกำลังกลอกไปมา เขานึกอะไรขึ้นมาได้ทันที ด้วยความเป็นผู้ชายตรงๆ ของเขา จึงถามออกไปทันที “เหมือนคุณกับพี่ชุนฟางน่ะหรือ?”
“ไปไป ไป อย่ามาซักไซ้ไล่เลียง”
หลินจินซานมองเขาด้วยสายตาดูแคลนแล้วอธิบายว่า “พวกเรากำลังจะแต่งงานกันแล้วนะ หล่อนกำลังจะเป็นภรรยาของฉันแล้ว”
ลู่เจิ้งอวี่มองดูสายตาที่หลบๆ เลี่ยงๆ อย่างอึดอัดของหลินจินซาน เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ
ดังนั้น การกำลังจะแต่งงานกันก็สามารถล่วงเกินได้แล้วงั้นหรือ?
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยังไงเนี่ยจินซาน จะแต่งงานกันแล้วก็คือล่วงเกินได้งี้?
ไหหม่า(海馬)