ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 852 เขาเป็นคนมีศักดิ์ศรี
ตอนที่ 852 เขาเป็นคนมีศักดิ์ศรี
หลินจินซานลูบจมูกอย่างเก้อเขินแล้วพูดกับลู่เจิ้งอวี่ที่กำลังมองเขาอย่างสงสัยว่า “รีบทำงานเถอะ พวกเราต้องทาสีให้เสร็จก่อนฟ้ามืด”
ลู่เจิ้งอวี่เคยเป็นผู้ช่วยพิเศษของเซี่ยไห่และเป็นหัวหน้าโดยตรงของหลินจินซาน หลินจินซานพูดกับเขาอย่างสุภาพมาก แต่หลังจากรู้ว่าเขามีใจให้น้องสาวของตนและมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นน้องเขย เขาก็ไม่ได้มองว่าลู่เจิ้งอวี่เป็นหัวหน้าอีกต่อไป
หลินจินซานยังตั้งใจติดตั้ง “ผ้าเก็บฝุ่น” ในห้องนอนของบ้านใหม่ด้วย สิ่งนี้เทียบได้กับฝ้าเพดานในยุคหลัง บ้านอิฐและกระเบื้องเหล่านี้มักมีเพดานสูง การตกแต่งแบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก แต่ยังอุ่นในฤดูหนาวอีกด้วย
พวกเขาจัดการเรียบร้อยเกือบทั้งหมดหลังจากทำความสะอาดสามวัน ตอนนี้ก็แค่รอเฟอร์นิเจอร์เข้ามา แล้วค่อยตกแต่งห้องใหม่ตอนแต่งงาน
แม้ว่าครอบครัวของชุนฟางจะมีญาติที่แปลกประหลาด แต่พ่อแม่ของหล่อนเป็นคนมีเหตุผล
งานและรายได้ในปัจจุบันของชุนฟางทำให้พวกเขาพอใจและภูมิใจมาก
ทั้งหมดนี้แม้จะเป็นผลจากความพยายามของลูกสาว แต่ก็เป็นเพราะโอกาสที่หลินเซี่ยมอบให้ด้วย
พวกเขาทุกคนรู้จักความกตัญญู
หลินจินซานรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม เขาจึงไปพูดคุยกับพ่อตาถึงสองครั้ง บอกว่าเขาจะเป็นคนซื้อเฟอร์นิเจอร์เอง แต่พ่อตาของเขากลับดื้อรั้นมากในเรื่องนี้
พ่อตาไม่ยอมถอยเลย ยืนกรานว่าจะต้องให้สินเดิมให้ได้
ในขณะที่ครอบครัวอื่นๆ มักจะมีปัญหาเรื่องสินสอดและสินเดิมไม่ลงตัวกัน แต่พวกเขากลับตรงกันข้าม
ทั้งสองฝ่ายต่างแย่งกันจ่ายเงิน
ของหมั้นที่นำไปให้ตอนหมั้น พวกเขาจะนำมาเป็นสินเดิมให้ลูกสาวทั้งหมด
พ่อของชุนฟางสูบบุหรี่มวนกระดาษ มองหลินจินซานแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “จินซาน เธอฟังฉันก็พอแล้ว ชุนฟางเป็นเด็กซื่อ พวกเราก็เป็นครอบครัวธรรมดา ถ้าหล่อนแต่งเข้าบ้านพวกเธอ ฉันกลัวว่าหล่อนจะเชิดหน้าไม่ขึ้น ฉันต้องให้สินเดิมกับหล่อน เพื่อให้หล่อนมีความมั่นใจ”
หลินจินซานไม่คิดว่าพ่อตาจะมีความคิดเช่นนี้ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ลุง อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับ แม่ของผมกับลุงเซี่ยเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย พวกเขาเองก็ชอบชุนฟางมาก อีกอย่างชุนฟางเก่งขนาดนั้น ผมยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้หล่อนเป็นภรรยาเลย”
“จินซาน เธอฟังฉันเถอะ”
พ่อของชุนฟางยืนกรานอย่างแน่วแน่ ถึงแม้จะต้องเสียเงินมากขึ้น ก็ต้องให้ลูกสาวมีหน้ามีตา
เขาเห็นแล้วว่าคนในตระกูลเซี่ยปฏิบัติกับหลินจินซานเหมือนลูกของพวกเขาจริงๆ
หลังจากชุนฟางแต่งงานเข้าไป หล่อนก็จะกลายเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเซี่ย พวกเขาจะต้องเป็นญาติกับเซี่ยเหลยและครอบครัวของเขา
แม้สถานะทางการเงินของครอบครัวพวกเขาจะธรรมดา แต่พวกเขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายดูถูกได้
พ่อแม่ของชุนฟางยืนกรานที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์ พวกเขาให้หลินจินซานและชุนฟางไปดูและสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ล่วงหน้าที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์
หลินจินซานจำต้องตกลง
บ้านนั้นเซี่ยเหลยเป็นคนซื้อ ส่วนเฟอร์นิเจอร์เป็นของที่ครอบครัวชุนฟางจัดหามาเป็นสินเดิม
หลินจินซานไม่ได้ลงทุนอะไรเลยในการแต่งงานครั้งนี้ เงินที่เก็บสะสมมานานก็ยังอยู่ในมือเขา
จนเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกกินแรงภรรยานิดๆ
เขาไปหาหลินเซี่ย แล้วเล่าเรื่องที่บ้านชุนฟางจะให้เฟอร์นิเจอร์มาเป็นสินสอดให้เธอฟัง
“เซี่ยเซี่ย ฉันรู้สึกกังวลใจนิดหน่อย”
เฉินเจียซิ่งแต่งงานกับหยางหงเสีย ตอนนั้นครอบครัวของหยางหงเสียวางแผนว่าจะไม่ให้สินเดิมอะไรเลย
เมื่อเทียบกับครอบครัวทั่วไปที่ยกลูกสาวให้แต่งงาน ครอบครัวของชุนฟางถือว่าเข้าใจเหตุผลและเข้ากันได้ดี
หลินจินซานทำหน้าลำบากใจ “เรื่องยินดีน่ะก็ยินดีอยู่หรอก แต่ฉันตั้งใจจะซื้อเฟอร์นิเจอร์เอง เพราะลุงเซี่ยกับแม่ซื้อบ้านให้ ครอบครัวชุนฟางซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้ ฉันก็เลยเหมือนแค่หิ้วกระเป๋าเข้าไปอยู่ แถมยังได้เมียมาด้วย รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย”
เขาเป็นคนชนบท ซึ่งเขารู้ดีที่สุดว่าหนุ่มคนหนึ่งในชนบทต้องทำงานหนักเพียงใดเพื่อจะได้แต่งงาน
ตั้งแต่เลิกเรียนหนังสือ คนในครอบครัวก็จะปลูกฝังความคิดว่าต้องพยายามหาเงินเพื่อสร้างบ้านและแต่งงาน
ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบจนถึงยี่สิบกว่า ต้องทำงานหนักอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อเก็บเงินค่าสินสอดให้พอ
แต่สำหรับเขาที่ไม่ต้องลงแรงอะไรเลย ทุกคนก็ปูทางให้เขาเรียบร้อยแล้ว
การที่มีคนปูทางให้นั้นดีอยู่แล้ว แต่เซี่ยเหลยก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเขา
แม้แต่หลิวกุ้ยอิงก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเขา
การปล่อยให้พวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
เด็กที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ ย่อมไม่มีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในจิตใจ
หลินเซี่ยพูดกับเขาว่า “ในเมื่อบ้านของชุนฟางจะเตรียมเฟอร์นิเจอร์เป็นสินเดิมให้ งั้นพี่ก็ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าสิ ทีวีสี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า สามอย่างนี้ไม่ได้ถูกๆ นะ พี่ต้องซื้อทั้งหมด แล้วพี่ก็ควรจ่ายค่างานเลี้ยงเองด้วย การถ่ายรูปพรีเวดดิ้งก็ต้องใช้เงิน ฉันให้ส่วนลดพี่ได้ แต่ไม่ได้ให้ฟรีนะ การทำธุรกิจต้องมีหลักการ พี่ต้องเข้าใจฉันด้วย”
แม้จะมีคนดีกับเขา เขาก็ยังกลัวและหวาดระแวงอยู่เสมอ กลัวว่าสักวันหนึ่งทุกอย่างจะถูกพวกเขาเรียกคืนไป
ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกและสถานการณ์ของเขาได้
ครอบครัวเซี่ยดีกับเขา แต่ก็ไม่ใช่ญาติสนิท พวกเขาจะดีกับเขาทำไมกัน
“ดูเหมือนพี่จะมีเงินติดตัวนะ ของที่ต้องซื้อสำหรับงานแต่งงานยังมีอีกเยอะ จะรีบร้อนไปทำไม?”
“เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”
เมื่อได้ฟังหลินเซี่ยพูดเช่นนั้น หลินจินซานก็คำนวณดู ของสามอย่างนี้แพงจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าซื้อจากเซินเจิ้นได้ก็จะถูกลงมาก
อย่างไรเสียเซี่ยไห่ก็ซื้อโทรทัศน์สีไว้ในร้านคาราโอเกะ เขามีช่องทางการสั่งซื้อสินค้า
หลินจินซานกลัวว่าพวกเขาจะเสียเงินซื้อของให้เขาอีก เขาจึงโทรศัพท์ไปหาเฉินต้าเฉิงที่อยู่ไกลถึงเซินเจิ้นล่วงหน้า ให้เขาสั่งจองเครื่องใช้ไฟฟ้าสามชิ้นใหญ่ให้ตัวเอง
เห็นหลินจินซานมีความกล้าหาญเช่นนี้ พูดตามตรงแล้วหลินเซี่ยรู้สึกปลื้มใจมาก
ตระกูลเซี่ยก็เริ่มเตรียมการแต่งงานของหลินจินซาน ทุกคนต่างจมดิ่งอยู่ในความสุขของงานมงคลในครอบครัว
หลิวกุ้ยอิงยุ่งอยู่กับการปั่นฝ้าย ซื้อผ้าหุ้มผ้านวม เพื่อทำผ้านวมใหม่สำหรับงานแต่งงานของหลินจินซาน
หลินจินซานกับชุนฟางก็นัดเวลากันแล้วว่าจะไปถ่ายชุดแต่งงานที่ร้านเช่าชุดแต่งงานของหลินเซี่ย
ความจริงแล้วหลินจินซานก็หวังจะให้จางซ่วนมาถ่ายรูปให้พวกเขาด้วย
ถึงอย่างไรจางซ่วนก็เป็นช่างภาพระดับปรมาจารย์
คนเราถ่ายรูปพรีเวดดิ้งแค่ครั้งเดียวในชีวิต ก็ควรจะถ่ายให้ออกมาสวยงามหน่อย
แต่จางซ่วนไปทำงานต่างถิ่นเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากที่จางซ่วนถ่ายภาพนิ่งให้กับกองถ่ายของผู้กำกับเหยียนครั้งที่แล้ว ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังในวงการ ประกอบกับการแนะนำของเซี่ยอวี่ ทำให้เขามีโอกาสในการทำงานมากมาย
หลินเยี่ยนที่รับผิดชอบในการแต่งหน้าทำผมให้ชุนฟางก็มารออยู่ก่อนแล้วเช่นกัน
หลินเซี่ยแม้จะอุ้มลูกอยู่ทำให้ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ก็ตามมาด้วย
หลินจินซานมีความรู้สึกไม่ค่อยดีนักต่อเฉินเจียซิ่งคนนี้
สาเหตุหลักคือเขาเคยคบหากับเสิ่นเสี่ยวเหมยและเคยรังแกหลินเซี่ยมาก่อน
หลังจากนั้นแม้เขาจะห่างไกลจากผู้หญิงไร้ค่า และได้แต่งงานกับภรรยาที่ดี
แต่สำหรับคนคนนี้ หลินจินซานมักจะมีความเห็นบางอย่างเสมอ
ท่าทางเหลวไหลแบบนั้นของเขาจะถ่ายชุดแต่งงานได้ดีหรือ?
“จินซานมาแล้วหรือ? มานี่ เชิญนั่งเร็ว”
เฉินเจียซิ่งถือกล้องถ่ายรูปอยู่ในมือ ดูมืออาชีพมาก
เขาต้อนรับหลินจินซานและชุนฟางเข้ามา จากนั้นก็แนะนำเสื้อผ้าและสไตล์ต่างๆ สำหรับรูปพรีเวดดิ้งอย่างกระตือรือร้น
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของหลินจินซานกลับเฉยเมยไม่ร้อนไม่หนาว เขาเดินตรงไปหาหลินเซี่ย แล้วพูดว่า “พวกเราคุยกับน้องสาวก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลองดูฝีมือของเจียซิ่งก่อนนะ ตอนนี้อีกฝ่ายเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ดีแล้วค่อยว่ากัน
ไหหม่า(海馬)