ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 856 ความในใจของคุณแม่เซี่ย
ตอนที่ 856 ความในใจของคุณแม่เซี่ย
เซี่ยไห่เพิ่งออกไป พอดีกับที่เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงปิดร้านกลับมา
พวกเขาดีใจมากที่เห็นหลานชายสองคน พอเข้าประตูมาแล้วล้างมือเสร็จ คนหนึ่งก็อุ้มหู่จือ อีกคนอุ้มเสี่ยวหู่ ยิ้มแก้มปริเปี่ยมด้วยความสุข
หลิวกุ้ยอิงอุ้มเด็กๆ สักพัก พอได้ยินว่าหลินเซี่ยอยู่ในครัว ก็เข้าไปทำอาหาร
“เซี่ยเซี่ย ออกมาเร็ว แม่จะทำเอง” หลิวกุ้ยอิงเห็นลูกสาวก็บ่น “ทำไมก่อนมาลูกไม่โทรบอกพ่อ พวกเราจะได้กลับมาเร็วๆ แม่จะได้ทำของอร่อยๆ ให้ลูกกิน”
หลิวกุ้ยอิงพูดพลางเปิดตู้เย็น “ไหนดูหน่อยว่าสิว่าในตู้เย็นมีผักอะไรบ้าง”
หลินเซี่ยยิ้มพลางพูดกับแม่ “แม่คะ ฉันหั่นมันฝรั่งกับแครอทไว้แล้ว แม่ผัดได้เลย แค่นี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ? อย่าเปิดดูอีกเลย ถึงมีเยอะพวกเราก็กินไม่หมดหรอก”
หลิวกุ้ยอิงรับคำ “งั้นก็ได้ พรุ่งนี้แม่จะทำอาหารที่ลูกชอบให้ ตอนเช้าแม่จะไปซื้อผักสดๆ มา”
พอลูกสาวกลับมา หลิวกุ้ยอิงก็ดีใจจนเดินไปเดินมา ทำกับข้าวสี่จานอย่างคล่องแคล่ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าน้อยไป
หลินเซี่ยเห็นหลิวกุ้ยอิงวนเวียนอยู่ในครัวตลอด พยายามคิดว่าจะทำอาหารเพิ่มได้อีกไหม เธอจึงพูดว่า “แม่คะ นี่ก็เยอะพอแล้วค่ะ ปกติพวกเรามีกับข้าวสองอย่างก็พอ คนกันเองทั้งนั้น แม่ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนี้หรอก ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นแขกไปได้”
พอหลินเซี่ยพูดจบ หลิวกุ้ยอิงก็กลัวว่าหลินเซี่ยจะเข้าใจความหมายของตนผิด จึงรีบพูดว่า “ได้ งั้นก็กินแค่นี้แหละ”
แม่ลูกสองคนยกอาหารไปวางบนโต๊ะ
เซี่ยเหลยก็อุ้มหลานชายออกมาด้วย เซี่ยไห่กำลังเล่นเกมกับหู่จือ หลินเซี่ยเรียกพวกเขาหนึ่งครั้ง แล้วก็นั่งลงด้วย
พวกเธอทำอาหารมากมาย สุดท้ายเซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงกลับอุ้มเด็กไปนั่งที่โซฟา บอกว่าพวกเขากินมาจากร้านอาหารแล้ว ยังไม่ค่อยหิวนัก
หลินเซี่ยเรียกให้พวกเขานั่งลงกินด้วยกันสักหน่อย แต่เซี่ยเหลยกลับโบกมือปฏิเสธ บอกว่ากินอะไรไม่ลงเลยสักคำ
วันนี้ทำอาหารมากเกินไป จึงเหลือไม่กี่ชามที่ขายไม่หมด ทำให้พวกเขาหลายคนพยายามฝืนกินจนหมด
ตอนนี้ท้องยังอืดอยู่เลย
“แม่ แม่กับพ่อกินมาแล้วแท้ๆ ยังกลัวอาหารไม่พออีกเหรอคะ จะทำเพิ่มตลอดเลย”
นี่แหละคือความรักของแม่
ตั้งแต่ตัวเองได้เป็นแม่ ทุกครั้งที่เห็นภาพของแม่ของตัวเองวุ่นวายทำโน่นทำนี่ให้พวกเขา เธอก็รู้สึกสงสารแม่
หลิวกุ้ยอิงเล่นกับเสี่ยวหู่ พูดกับหลินเซี่ยและคนอื่นๆ ว่า “กินเร็วๆ กินเยอะๆ หน่อย”
หู่จือชิมมันฝรั่งเส้น บอกว่ารสชาติเหมือนที่ย่าทำ ชมว่าหลิวกุ้ยอิงเก่ง พลางกินอย่างเอร็ดอร่อย
“คุณย่าคะ คุณย่าก็กินเยอะๆ หน่อยนะคะ”
“ได้ ย่าจะกินเยอะๆ”
เห็นหลินเซี่ยพาลูกๆ มา คุณแม่เซี่ยก็รู้สึกดีใจมาก
หลังกินข้าวเสร็จ ทุกคนในครอบครัวต่างห้อมล้อมหู่จือกับเสี่ยวหู่และเล่นด้วยกัน บ้านที่ปกติเงียบสงบก็กลายเป็นคึกคักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเพราะการมาของเด็กๆ
พอกินข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกลับห้องไปนอน
คุณแม่เซี่ยกลับนั่งอยู่หัวเตียงด้วยความกังวล ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยปรากฏร่องรอยเศร้าหมอง
จากนั้นนำมาวางที่โต๊ะ แล้วสวมแว่นสายตายาวของตัวเอง
นางเปิดอัลบั้มรูป พลิกไปสองสามหน้า แล้วหยุดที่หน้าที่มีรูปถ่ายขาวดำขนาดหนึ่งนิ้ว
ชายในภาพสวมชุดจงซาน คิ้วเข้มตาคม หน้าตาดี ดูอายุราวยี่สิบกว่าปี
หากมองอย่างพินิจ จะเห็นว่าคิ้วและดวงตามีความคล้ายคลึงกับเซี่ยไห่อยู่หลายส่วน
คุณแม่เซี่ยมองรูปถ่ายในมือ มือสั่นเทาเล็กน้อย ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ชัดเจน
นางจ้องมองรูปถ่ายขาวดำเก่าๆ นั้นอยู่พักหนึ่ง แล้วถอนหายใจเบาๆ อย่างไร้เสียง
จากนั้นค่อยๆ เก็บรูปกลับเข้าไปในอัลบั้มอย่างระมัดระวัง
แล้วนำอัลบั้มกลับไปเก็บในลิ้นชักตามเดิม
คุณแม่เซี่ยจัดตู้เสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางแล้วเข้านอน
หลังจากปิดไฟ ไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของคนชราดังมาจากในห้อง
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหลินเซี่ยตื่นนอน เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงก็ได้ไปที่ร้านอาหาร ก่อนหน้านี้พวกเขาพาหู่จือไปส่งที่โรงเรียนด้วย
หลังจากหลินเซี่ยตื่นนอน เธอก็อุ้มเสี่ยวหู่มานั่งในห้องนั่งเล่น แต่กลับไม่เห็นผู้เป็นย่า
ปกติหญิงชรามักจะตื่นเช้าที่สุด พอถึงตอนเช้าก็จะถือไม้กวาดขนไก่มากวาดฝุ่นในบ้าน
โดยเฉพาะวันนี้ที่เธอกับเสี่ยวหู่อยู่ แต่ทำไมคุณย่าถึงยังไม่ตื่น?
หลินเซี่ยกำลังจะไปดูคนแก่ที่ห้องนอน เซี่ยไห่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับหาว
เขาสวมชุดนอนหนา ๆ เผ้าผมยุ่งเหยิง ตายังลืมไม่ขึ้น
เห็นหลินเซี่ยอุ้มเด็กออกมา เขาก็หาวอีกครั้ง แล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย อากาศหนาวขนาดนี้ เธออุ้มเด็กออกมาทำไม? เข้าห้องไปสิ”
หลินเซี่ยตอบว่า “อารอง ย่าของฉันยังไม่ตื่นนอนเลย ฉันจะไปดูว่าท่านไม่สบายหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ดวงตาของเซี่ยไห่ก็ฉายแววกังวล เขาพูดว่า “เธอช่วยอุ้มลูกเข้าไปในห้องนะ ฉันจะไปดูคุณย่า บางทีท่านอาจจะเป็นหวัด ไม่งั้นป่านนี้ท่านคงตื่นแล้ว”
“ได้”
“แม่ครับ ตื่นหรือยัง?”
เซี่ยไห่เรียกหนึ่งครั้ง แต่ในห้องไม่มีเสียงตอบรับ เซี่ยไห่จึงไม่เคาะต่อ แต่รีบผลักประตูเข้าไปทันที
โดยปกติแล้วประตูห้องของแม่เขาจะไม่ได้ล็อก เพื่อป้องกันกรณีฉุกเฉินที่พวกเขาอาจเปิดประตูไม่ได้
เซี่ยไห่ผลักประตูเข้าไป
เขาเห็นแม่ของเขายังนอนอยู่บนเตียง ไม่ขยับเขยื้อน เขารีบเข้าไปหา ปฏิกิริยาแรกคือลองสัมผัสลมหายใจของผู้สูงอายุ
เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอ เขาจึงโล่งใจ
คนอายุเจ็ดสิบปีแล้ว พอเห็นนางนอนลงแบบนี้ ในใจก็นึกกลัวขึ้นมาทันที
เซี่ยไห่ถามเสียงอ่อนโยน “แม่ครับ แม่เป็นอะไรไปหรือเปล่า? แม่ตื่นอยู่หรือเปล่าครับ?”
เมื่อได้ยินเสียงลูกชาย คุณแม่เซี่ยก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เซี่ยไห่เปิดม่านหน้าต่าง แสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามา เขาจึงเห็นใบหน้าของแม่เฒ่าชัดเจนขึ้น
ครั้นเห็นดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้และสีหน้าที่อิดโรยของหญิงชรา เขาก็ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
เขารีบพยุงแม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “แม่ครับ แม่เป็นอะไรไป? ทำไมแม่ถึงร้องไห้ล่ะครับ?”
อาจจะเป็นเพราะคุณแม่เซี่ยพักผ่อนไม่เพียงพอ สภาพจิตใจจึงแย่มาก เมื่อเซี่ยไห่พยุงนางขึ้นมา ร่างกายคนทั้งคนก็ดูอ่อนแรง กระทั่งเพียงนั่งก็ยังรู้สึกเหนื่อย
เซี่ยไห่ตกใจมาก เขาลนลานเอามือไปแตะหน้าผากของหญิงชรา แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฮือ ขอให้คุณแม่เซี่ยก้าวผ่านความเจ็บปวดในอดีตไปให้ได้นะ มีความสุขไปกับลูกหลานให้เต็มที่เลยนะคะ
ไหหม่า(海馬)