ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 858 ปู่ของเธอหนีไปกับผู้หญิงคนอื่น
ตอนที่ 858 ปู่ของเธอหนีไปกับผู้หญิงคนอื่น
หลินเซี่ยเดินเข้าห้องโถงพร้อมกับคุณแม่เซี่ย แต่ก็ยังไม่เห็นเซี่ยไห่ออกมา เธอจึงวางเด็กลงบนโซฟา ให้คุณย่านั่งบนโซฟาคอยดูแลป้องกันไม่ให้เด็กคลานลงมา จากนั้นเธอก็เข้าครัวไปตักโจ๊กให้พวกเขา
เมื่อนำโจ๊กมาวางบนโต๊ะ อารองของเธอก็ยังไม่เข้ามา
หลินเซี่ยยืนอยู่ที่ประตู ตะโกนไปทางลานบ้านว่า “อารอง มากินข้าวได้แล้ว”
“เซี่ยเซี่ย พวกเธอกินกันเถอะ ฉันไม่หิว ฉันขอออกไปข้างนอกก่อน” เซี่ยไห่เดินออกมาจากห้องของคุณย่า แล้วเดินตรงไปทางประตู
หลินเซี่ยถาม “อารอง คุณจะไปไหนแต่เช้าตรู่? ห้องเต้นรำก็ยังไม่เปิดนี่”
“ออกไปทำธุระนิดหน่อย” เซี่ยไห่กำชับเธอ “ในเมื่อเธอมาแล้วก็อยู่บ้านสักหลายวันนะ ฉันจะไปรับหู่จือกลับมาเอง”
“อยู่เป็นเพื่อนคุณย่าด้วยนะ”
“ค่ะ”
เซี่ยไห่ออกจากบ้านไปโดยที่ยังไม่ได้ล้างหน้า เผ้าผมก็ยุ่งเหยิง ไม่สนใจภาพลักษณ์เลย
เธอสงสัยว่าทำไมอารองที่ปกติแล้วต้องแต่งตัวให้หล่อเสมอแม้ฟ้าจะถล่มลงมาถึงออกไปในสภาพแบบนั้นในวันนี้
เธอกับคุณย่าสองคนมีเรื่องอะไรกันแน่?
ทำไมทุกอย่างถึงดูผิดปกติไปหมด ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?
หลินเซี่ยเต็มไปด้วยคำถาม หลังเซี่ยไห่ออกไปแล้ว เธอจึงได้แต่กลับเข้าไปในบ้านเพื่อรับประทานอาหารกับคุณย่า
วันนี้คุณย่าก็ไม่มีความอยากอาหาร กินโจ๊กไปแค่ครึ่งชาม หลินเซี่ยส่งฮวาจ่วนอันเล็กให้ แต่คุณย่ากลับส่ายหน้าแล้วบอกว่าตัวเองกินไม่ลง
“คุณย่าคะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” หลินเซี่ยเห็นสีหน้าของคุณย่าแย่มาก จึงถามด้วยความเป็นห่วง “ถ้าไม่สบาย ย่าไปโรงพยาบาลดีกว่านะคะ”
คุณแม่เซี่ยฝืนยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ย่าสบายดี อาจจะแค่นอนไม่หลับ”
คุณย่าดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แต่ก็ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ป่วยอะไร
หลินเซี่ยอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ตอนนี้คุณย่านั่งเล่นกับเสี่ยวหู่อยู่บนโซฟาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หลินเซี่ยบอกว่าจะใช้ผ้าขนหนูประคบตาให้คุณย่า เพราะเห็นว่าบวมมากจนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
หลินเซี่ยวางเสี่ยวหู่ลงบนโซฟา ให้คุณย่านอนข้างๆ วิธีนี้จะช่วยกั้นไม่ให้เสี่ยวหู่ตกลงมา และยังสะดวกในการประคบตาให้คุณย่าด้วย
คุณแม่เซี่ยบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องประคบ แต่พอกลับมาจากห้องน้ำ ก็เปลี่ยนใจบอกให้หลินเซี่ยประคบให้
คุณแม่เซี่ยนอนบนโซฟา มือข้างหนึ่งจับมือเสี่ยวหู่ไว้ หลินเซี่ยเอาผ้าขนหนูประคบที่ใบหน้าของนาง
จู่ๆ นางก็พูดขึ้นมาว่า
“เซี่ยเซี่ย ที่จริงแล้วฉันฝันถึงคุณปู่ของเธอน่ะ”
“คุณปู่ของฉันเหรอคะ?” หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของคุณย่าก็รู้สึกตกใจ
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของเธอก็เผยถึงความเข้าใจ
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
หลินเซี่ยคิดว่าคุณย่าคงฝันเห็นคู่ชีวิตที่จากไปแล้ว ถึงได้ร้องไห้จนตาบวม
ส่วนที่อารองเป็นแบบนั้นก็เพราะคุณปู่ของเธอเช่นกัน
ในเมื่อจู่ๆ คู่ชีวิตของตัวเองมาปรากฏในความฝัน คุณย่าย่อมต้องตื่นเต้น ส่วนเซี่ยไห่ก็คงคิดถึงพ่อมากเกินไป อารมณ์เลยไม่สู้ดีนัก
“คุณย่าคะ คุณปู่เสียไปกี่ปีแล้วเหรอคะ? ฉันเหมือนไม่เคยได้ยินพวกคุณพูดถึงคุณปู่เลย”
วันนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคุณย่าพูดคำว่า “ปู่ของเธอ”
ตั้งแต่เธอได้รับการยอมรับเป็นญาติ ในบ้านก็ไม่มีปู่ แม้แต่พ่อของเธอ อาหญิง และอารองเวลาคุยถึงเรื่องสมัยเด็กก็ไม่เคยพูดถึงพ่อของพวกเขาเลย
ราวกับว่าในชีวิตของพวกเขาไม่เคยมีคนคนนี้อยู่เลย
ตอนปีใหม่ บนโต๊ะในบ้านก็ไม่มีการวางป้ายชื่อของคุณปู่
เพราะพวกเขาย้ายมาจากฮ่องกง อีกทั้งพ่อของเธอและอารองเคยเป็นทหาร ส่วนอาหญิงก็เป็นดาราดัง อาชีพทุกคนล้วนค่อนข้างพิเศษ ทั้งยังได้รับการศึกษาแบบไม่นับถือศาสนา น่าจะเป็นพวกสัจนิยมทั้งครอบครัว หลินเซี่ยจึงคิดว่าพวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งเหนือธรรมชาติพวกนี้
ส่วนตระกูลเฉินเป็นครอบครัวทหาร พวกเขาจึงไม่ได้ตั้งป้ายบูชาบรรพบุรุษในช่วงปีใหม่เช่นกัน
เธอจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้
คนอื่นอาจไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ แต่ย่าของเธอไม่มีทางที่จะไม่ตั้งป้ายบูชาให้กับคู่ชีวิตของตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เรียกเธอกลับมาแล้วก็ไม่ได้พูดถึงการปลอบประโลมวิญญาณของคู่ชีวิตที่อยู่บนสวรรค์เลย
หลินเซี่ยหยิบผ้าเช็ดหน้าบนใบหน้าของคุณย่าขึ้นมา แล้วล้างในอ่างใหม่อีกครั้ง เธอมองคุณย่าด้วยความสงสัย รอคอยคำตอบจากท่าน
จากนั้นเธอก็วางผ้าเช็ดหน้าลงบนดวงตาของคุณย่าอีกครั้ง ปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง หลินเซี่ยมองไม่เห็นสีหน้าของคุณย่าได้ทั้งหมด แต่ได้ยินนางพูดด้วยอาการสงบว่า “เขาจากไปกี่ปีแล้วฉันก็ไม่รู้ บางทีอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้”
“หา?”
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของคุณย่า มองท่านด้วยความตกตะลึง สีหน้างุนงง
“ยังมีชีวิตอยู่เหรอคะ?”
ปฏิกิริยาแรกของหลินเซี่ยคือสงสัยว่าคุณปู่ของเธอก็เหมือนกับคุณพ่อเซี่ยเหลยในอดีตหรือเปล่า ที่ไปเป็นทหารแล้วสูญหายระหว่างการรบ?
หลินเซี่ยดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากใบหน้าของคุณย่า มองตาของนางด้วยสีหน้าตื่นเต้น แล้วถามว่า “คุณย่าคะ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินคุณย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย?”
เธอแทบไม่อยากเชื่อเลย
คุณแม่เซี่ยมองเห็นประกายความยินดีในดวงตาของหลินเซี่ยอย่างชัดเจน
นางจึงรู้ว่าคำพูดของตัวเองทำให้หลินเซี่ยเข้าใจผิดไป
เด็กโง่คนนี้คงกำลังหวังว่าจะได้พบคุณปู่แท้ๆ ของเธอ
คุณแม่เซี่ยรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที
ไม่รู้จะบอกความจริงกับหลินเซี่ยอย่างไรดี
ถ้าเด็กคนนี้ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด คงจะผิดหวังมากแน่ๆ
แต่นางก็รู้สึกว่าหลินเซี่ยมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง
เมื่อก่อนกลัวว่าลูกยังเล็ก ถ้ารู้เรื่องเก่าๆ เหล่านั้น อาจจะเกิดความกลัวต่อการแต่งงาน
แต่ตอนนี้ดวงตาของนางบวมขนาดนี้ ถ้าไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผล ลูกหลานก็คงจะมีความสงสัยในใจแน่นอน
คุณแม่เซี่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจที่จะพูดออกมา
“เซี่ยเซี่ย พวกเราไม่อาจพูดถึงเขาได้ ในใจของแม่ลูกอย่างพวกเรา เขาได้ตายไปแล้วตั้งแต่สามสิบปีก่อน”
“แต่ตอนนี้หลานก็แต่งงานมีลูกแล้ว มีบางเรื่องที่ไม่ควรปิดบังจริงๆ” คุณแม่เซี่ยหายใจลึก นางปรับอารมณ์ของตัวเอง แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสงบ “เมื่อสามสิบปีก่อน เขาทิ้งแม่ลูกอย่างพวกเราไป หนีไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง”
หลินเซี่ย “???”
เธอมองคุณย่าด้วยสีหน้างุนงง สมองเหมือนจะค้างไปชั่วขณะ
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สามสิบปีนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างน้า ขอให้มูฟออนจากอดีตได้นะคะคุณย่า
ไหหม่า(海馬)
………………..