ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 860 กอดฉันหน่อย
ตอนที่ 860 กอดฉันหน่อย
หลินเซี่ยมองใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงชรา ฟังเสียงอ่อนโยนที่กล่าวคำอวยพรด้วยความหวัง น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอีกครั้ง พร้อมกับรู้สึกอึดอัดในอก
ทำไมผู้หญิงที่ใจดีมีเมตตาเช่นนี้ต้องทนทุกข์ทรมานและถูกดูหมิ่นเช่นนั้นด้วย
ใช่แล้ว ในสายตาของเธอ การที่คนในฐานะคุณปู่สามารถละทิ้งภรรยาที่แต่งงานด้วยกันแล้วหนีไปกับผู้หญิงอื่นได้ไม่เพียงเป็นการกระทำของคนเห็นแก่ตัว แต่ยังเป็นการดูหมิ่นคุณย่าของเธออีกด้วย
คุณย่าทำอะไรผิด? เพียงเพราะถูกครอบครัวคลุมถุงชน อีกทั้งระหว่างนางกับสามีก็ไม่มีความรักต่อกัน เหตุใดนางยังต้องมาผ่านความยากลำบากเช่นนี้
ในเมื่อไม่รัก แล้วทำไมจึงมีลูกด้วยกันถึงสามคน?
เธอไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าในฐานะพ่อของลูกสามคนแล้ว เขาใจร้ายพอที่จะหนีไปกับผู้หญิงอื่นได้อย่างไร?
อ้อใช่ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็มีลูกให้เขาด้วย
ดังนั้นเขาจึงไม่มีความรู้สึกอะไรกับลูกๆ ที่เกิดจากภรรยาที่เขาไม่รักสินะ
หลินเซี่ยพยายามกดความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในใจเอาไว้ มือข้างหนึ่งจับมือคุณยายไว้แน่น แล้วยิ้มเบาๆ “คุณย่าคะ พวกเราทุกคนจะต้องมีความสุข มีพวกเราลูกหลานมากมายอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าแล้ว คุณย่าก็จะมีความสุขมากเช่นกันค่ะ”
“มีความสุขสิ ตอนนี้ฉันก็มีความสุขมากแล้ว แค่ได้เห็นพวกเธอทุกคนมีชีวิตที่ดี มีที่พึ่งพิง ฉันก็มีความสุขแล้ว”
คุณแม่เซี่ยพูดถึงตรงนี้แล้วถอนหายใจอีกครั้ง
“ตอนที่ฉันพยายามโน้มน้าวให้อาหญิงเธอแต่งงาน จริงๆ แล้วในใจฉันก็ขัดแย้งมาก ฉันรู้ว่าทำไมอาหญิงเธอถึงไม่อยากหาแฟน เป็นเพราะหล่อนมีบาดแผลในใจ เลยไม่สามารถเปิดใจยอมรับผู้ชายเข้ามาในชีวิตได้ แต่ก่อนฉันก็ไม่เคยเร่งรัดหล่อน ตัวฉันเองก็เคยมีประสบการณ์แบบนั้น ฉันเป็นคนที่ล้มเหลวในชีวิตคู่ ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะบังคับลูกสาวของตัวเองให้ต้องโดนผูกมัดด้วยชีวิตสมรส”
คุณแม่เซี่ยพูดถึงตรงนี้แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “หลังจากกลับมาที่เมืองไห่เฉิง ได้พบกับอิงจื่อที่พ่อของเธอพูดถึง และได้รู้จักเธอซึ่งเป็นหลานสาว พ่อของเธอก็ฟื้นความทรงจำกลับมาคืนดีกับแม่ของเธอ ตอนนั้นเอง ชะตาชีวิตของคนในครอบครัวเราก็เปลี่ยนไป”
“ฉันได้เห็นพ่อแม่ของเธอที่พลัดพรากกันมา 20 ปีได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้วยังรักกันเหมือนเดิม คอยดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน แล้วก็มีเธอกับเจียเหอ พวกเธอรักกันมาก เจียเหอสามารถยอมรับเธอได้ เธอก็เอาใจใส่ดูแลเขา ตอนนั้นเอง ฉันเองก็รู้สึกว่าได้รับการเยียวยาจากความรักของคนหนุ่มสาวอย่างพวกเธอ และเข้าใจว่าผู้ชายในโลกนี้ไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด เหตุที่ตอนนั้นฉันรั้งเขาไว้ไม่ได้อาจจะเป็นปัญหาของฉันเองด้วย ฉันไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้มีผลกระทบต่อมุมมองในการเลือกคู่ครองของลูกสาวและลูกชาย”
“ฉันเร่งพวกเขา เร่งให้พวกเขาออกไปคบหาดูใจกัน และพบว่าคนหนุ่มสาวอย่างพวกเธอที่หาแฟนกันเอง มีความรู้สึก มีความรัก ก็จะให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายได้”
คุณแม่เซี่ยมีสีหน้าเศร้าสร้อย ถอนหายใจยาว “การแต่งงานแบบคลุมถุงชนที่ไม่มีความรักความผูกพัน มันช่างทรมานและกดดันเหลือเกิน”
“คุณย่า ดูสิคะ ตอนนี้อาหญิงกับลุงเขยอยู่กันอย่างมีความสุขมาก ลุงเขยรักและทะนุถนอมอาหญิงมากเลยค่ะ”
คุณแม่เซี่ยหัวเราะพลางกล่าวว่า “ใช่แล้ว ถึงเย่ไป๋จะอายุน้อยกว่าอาหญิงของเธอ แต่เขาก็เป็นคนที่มีวุฒิภาวะและมั่นคง สิ่งสำคัญคือเขารักหล่อน เขาเป็นคนที่หล่อนไว้วางใจได้”
“การที่อาหญิงเธอเปิดใจยอมรับเย่ไป๋ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกปลื้มปีติที่สุด”
“ที่ฉันไม่อาจรั้งผู้ชายคนนั้นไว้ได้ มันเป็นปัญหาของฉันเอง ฉันไม่อยากให้ลูก ๆ ของฉันได้รับผลกระทบจากฉัน และต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนแก่เฒ่า”
หลินเซี่ยแก้ไขคำพูดของคุณย่าอย่างจริงจัง “คุณย่าคะ คุณย่าพูดไม่ถูกนะคะ”
เธอมองหน้าคุณย่าอย่างจริงจังและอธิบายเหตุผล “มันเป็นความผิดของผู้ชายคนนั้นที่ไม่รับผิดชอบ ไม่ทำหน้าที่ของสามีและพ่อ เขาถูกสิ่งที่เรียกว่าความรักทำให้ดวงตามืดบอด นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณย่าเลย คุณย่าไม่ควรคิดแบบนี้กับตัวเอง อย่าปฏิเสธตัวเอง พวกคุณแค่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันเท่านั้นเอง คุณย่าไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
คุณแม่เซี่ยฟังคำปลอบโยนของหลานสาวแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ นางกล่าวว่า “เมื่อก่อนตอนที่ฉันทะเลาะกับคนอื่น พวกเขามักจะด่าฉันว่าเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายไม่ต้องการ พูดว่าฉันไม่มีอะไรดีเลย ตอนนั้นฉันรู้สึกด้อยค่ามาก คิดว่าตัวเองไร้ประโยชน์ จับใจผู้ชายไม่ได้ แต่ต่อมาฉันก็ปล่อยวาง ฉันกับเขาแต่งงานกันแบบคลุมถุงชนเหมือนอย่างในสมัยก่อน เขามีความรู้ แต่ฉันไม่มีการศึกษา เราไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน เขาไม่เคยพยายามทำความเข้าใจฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่เคยเข้าถึงโลกภายในของเขา เหมือนที่เธอพูด พวกเราอยู่คนละโลกกัน ในเมื่อเขาไม่รับผิดชอบถึงขนาดทิ้งลูกของตัวเองได้ ทำไมฉันต้องปฏิเสธตัวเองและเสียใจเพราะผู้ชายแบบนั้นด้วย”
“ไว้ค่อยคุยกับอารองให้ดีๆ นะคะ เขาคงทุกข์ใจมาก”
คุณแม่เซี่ยเป็นห่วงว่าลูกชายจะออกไปข้างนอกแล้วคิดสั้น ทำร้ายตัวเอง
ทุกอย่างเป็นความผิดของผู้ใหญ่ แต่พวกเขากลับต้องแบกรับความเจ็บปวดมากมาย
ทนทุกข์ทรมานมาเยอะ
ทุกครั้งที่นึกถึงความยากลำบากที่ลูกๆ ต้องเผชิญตอนเด็ก อารมณ์ของคุณแม่เซี่ยที่สงบลงแล้วก็จะปั่นป่วนอีกครั้ง นึกเกลียดคนคนนั้นขึ้นมา
“คุณย่า อย่ากังวลไปเลยค่ะ อารองไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก เขาเป็นลูกผู้ชายมากพอ คงปรับอารมณ์ตัวเองได้”
…
ทางด้านเซี่ยไห่ขับรถออกจากบ้านตอนเช้า แล้วก็ขับมาที่หน้าอพาร์ตเมนต์ของลินดาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อลินดาที่เพิ่งตื่นนอนเห็นชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา หล่อนก็ตกใจจนสะดุ้ง
แทบจะจำเขาไม่ได้
นี่เป็นคนเดียวกับเซี่ยไห่ที่หล่อนรู้จักหรือ?
เขามองหล่อนด้วยดวงตาเศร้าสร้อย เสียงแหบพร่า “กอดผมหน่อย”
เซี่ยไห่เดินเข้ามา กางแขนออก รอให้ลินดากอดเขา
ลินดาตกใจกับท่าทางของเขา หล่อนอึ้งไปชั่วขณะ แล้วเดินเข้าไปกอดเขาอย่างว่าง่าย
เมื่อเซี่ยไห่รู้สึกถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของหญิงสาว เขาก็กอดหล่อนแน่นไม่ยอมปล่อย ซบหน้าลงบนไหล่ของลินดา
เขาดูเหมือนจะเศร้ามาก ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนตัวลินดา ทำให้หล่อนรู้สึกราวกับว่าจะทรงตัวไม่อยู่
หล่อนผลักเขาเบาๆ “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากกอดคุณ” เขากอดหล่อนแน่นขึ้น
ลินดา “!!!”
สภาพของเขาดูน่าสังเวชแบบนี้ จะบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร?
บรรยากาศรอบตัวลินดาดูทรงพลังเหลือเกิน สายตาของหล่อนที่จ้องมองมาแบบนั้น ทำให้เซี่ยไห่แทบหาข้ออ้างไม่ได้เลย
“เมื่อคืนแม่ของผมร้องไห้” เขาพูด
ลินดาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ “หืม? ทำไมคุณน้าเซี่ยถึงร้องไห้ล่ะ? คุณทำให้ท่านโกรธเหรอ?”
เซี่ยไห่ “……”
“ทำไมอะไร ๆ ก็ต้องโทษผมด้วย?” ตอนนี้เซี่ยไห่ไม่มีอารมณ์จะตำหนิลินดา เขาจึงกล่าวตามตรง “หล่อนฝันถึงคนคนนั้นแล้วร้องไห้จนตาบวมไปหมด เห็นสภาพแม่เป็นแบบนั้น ผมก็รู้สึกแย่มาก”
ลินดาได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ สีหน้าฉายแววเข้าใจ
หล่อนอุทาน “อ้อ” เบา ๆ
แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
หล่อนย่อมรู้ดีว่าคนที่เซี่ยไห่พูดถึงนั้นคือใคร
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอ็นดูเซี่ยไห่จังเลยค่ะ กอดๆ นะคะอารอง เรื่องมันผ่านไปแล้ว
ไหหม่า(海馬)