ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 863 นี่มันผู้ชายเลวขั้นสุดชัดๆ
ตอนที่ 863 นี่มันผู้ชายเลวขั้นสุดชัดๆ
คุณแม่เซี่ยเห็นลูกชายกระตือรือร้นวุ่นวายไปมา หัวใจพลันรู้สึกอบอุ่น พร้อมกันนั้นก็รู้สึกผิดอยู่ด้วย
พวกเด็กๆ พยายามทำให้นางมีความสุข ต้องลำบากในสภาพอากาศหนาวเย็นแบบนี้ นางรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
แล้วยังมีลินดาคนนี้ที่วันนี้ก็มาเป็นเพื่อนด้วย
“ฉันก็อยากกินเกี๊ยวของพี่สะใภ้ใหญ่แล้วเหมือนกัน วันนี้ถือว่าโชคดีได้กิน เดี๋ยวพวกเราช่วยกันทำนะ”
หลินเซี่ยให้พวกหล่อนช่วยดูแลเสี่ยวหู่ ส่วนตัวเองไปนวดแป้งในครัว แล้วก็รอไส้เกี๊ยวจากเซี่ยไห่
รอจนถึงบ่ายสามกว่าๆ ในที่สุดก็ได้ยินเสียงแตรรถ
ไม่ใช่แค่เซี่ยไห่ที่กลับมา เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงก็ลงมาจากรถด้วย
หลิวกุ้ยอิงถือชามใบหนึ่งมา ในชามคือไส้เกี๊ยวที่เตรียมมาจากร้านอาหาร
“ทำไมพวกเธอสองคนกลับมาเร็วจัง?”
เซี่ยเหลยพูดว่า “ที่ร้านอาหารไม่ยุ่ง พวกเราอยู่ที่นั่นก็ไม่มีอะไรทำน่ะครับ”
หลังเข้าประตูมาก็ยิ้มแย้มเรียกชื่อเสี่ยวหู่
“เสี่ยวหู่ รอคุณปู่ไปล้างมือก่อนนะ ล้างมือเสร็จแล้วจะมาอุ้ม”
เซี่ยเหลยล้างมือเสร็จแล้วก็ยิ้มแย้มอุ้มเสี่ยวหู่ขึ้นมา พลางยกเขาขึ้นสูง เสี่ยวหู่พอเห็นคุณปู่ก็ดีใจหัวเราะคิกคัก โดยเฉพาะเมื่อถูกยกขึ้นสูงแบบนี้ เขายิ่งดีใจมากขึ้น
“เสี่ยวหู่ คุณปู่ยกไม่ไหวแล้ว เรามานั่งเล่นกันเถอะ”
เซี่ยเหลยอุ้มเสี่ยวหู่วางลงบนตัก แล้วประคองให้เขากระโดดบนขาของตัวเอง
เซี่ยอวี่ถามเซี่ยเหลยว่า “พี่ใหญ่ พวกพี่คิดจะเปิดร้านสาขาไหมคะ? ร้านนี้มีลูกค้าประจำมั่นคงแล้ว พี่กับพี่สะใภ้ใหญ่อาจจะเปิดร้านเพิ่มอีกสาขาได้นะ”
เซี่ยเหลยยิ้มพลางส่ายหัว “ไม่เปิดแล้ว ร้านนี้ทำได้ดีก็พอแล้ว เปิดมากไปดูแลไม่ไหว”
เขากับหลิวกุ้ยอิงมีอายุมากแล้ว ไม่เหมือนเซี่ยไห่กับหลินเซี่ยที่ยังมีความกระตือรือร้นมาก พวกเขาแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบ หาเงินเลี้ยงตัวเองกับผู้สูงอายุได้ เมื่อลูกๆ ต้องการความช่วยเหลือก็สามารถหยิบยื่นให้ได้บ้าง แค่นี้ก็พอแล้ว
หลินเซี่ยนำแป้งมาวางบนโต๊ะกาแฟเล็กๆ ในห้องโถง แล้วเริ่มรีดแผ่นแป้งเกี๊ยว
เซี่ยเหลยกับเสี่ยวหู่เล่นด้วยกัน ส่วนพวกผู้หญิงทุกคนยกเว้นเซี่ยอวี่ต่างช่วยกันห่อเกี๊ยว
เซี่ยไห่บอกว่าจะไปรับหู่จือที่โรงเรียน เขาขับรถออกไปพร้อมกับลากลินดาที่กำลังจะช่วยห่อเกี๊ยวไปด้วย
“อารอง ทำไมไม่ปล่อยให้อาสะใภ้รองอยู่ช่วยล่ะ”
เซี่ยไห่จูงมือลินดาเดินออกประตูใหญ่ “พวกเธอห่อเกี๊ยวกันเถอะ ให้อาสะใภ้รองไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย ระหว่างทางจะได้ไม่เบื่อ”
“ฉันช่วยด้วยดีกว่า” พอลินดาไม่อยู่ เซี่ยอวี่ก็รู้สึกไม่ดีที่จะนั่งเฉยๆ เลยตัดสินใจจะช่วยห่อเกี๊ยว
หลิวกุ้ยอิงยิ้มพลางปฏิเสธความช่วยเหลือของเซี่ยอวี่อย่างนุ่มนวล “เสี่ยวอวี่ เธอพักผ่อนเถอะ ถ้าห่อไม่แน่นมันจะกลายเป็นซุปเกี๊ยวนะ”
เซี่ยอวี่ “……..”
หล่อนเงียบไป พลางถอนมือที่กำลังจะหยิบแผ่นเกี๊ยวกลับมา ลุกขึ้นเปิดโทรทัศน์แล้วเปลี่ยนช่องดูรายการ
ผู้หญิงหลายคนนั่งล้อมรอบโต๊ะกลาง เริ่มห่อเกี๊ยวและคุยกันเจื้อยแจ้ว เซี่ยเหลยนั่งอยู่ข้างๆ อุ้มหลานชายเล่น ขณะโทรทัศน์กำลังฉายรายการวาไรตี้ยอดนิยม
ทุกคนมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า
คุณแม่เซี่ยมองดูลูกหลานที่อยู่รอบตัว ในที่สุดใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้ม
ตอนนี้หล่อนมีความสุขเหลือเกิน รู้สึกคุ้มค่ากับความยากลำบากและความขมขื่นทั้งหมดที่เคยผ่านมาในอดีตแล้ว
…….
เซี่ยไห่รับหู่จือพร้อมกับรับเฉินเจียเหอที่เลิกงานมาด้วย โดยมีรถของเย่ไป๋ตามมาติดๆ
ชายหนุ่มสามคนพาหู่จือเด็กชายตัวน้อยเข้ามา ทำให้ในห้องดูแออัดขึ้นมาทันที
เฉินเจียเหอเพิ่งก้าวเข้าประตู สายตาก็จับจ้องที่ใบหน้าของภรรยาที่กำลังรีดแผ่นเกี๊ยว
ปลายจมูกของเธอเปื้อนแป้งเป็นจุด ดูน่ารักเหมือนแมวน้อย
เฉินเจียเหอทักทายทุกคน จากนั้นก็ไปล้างมือ บอกว่าจะมาแทนที่หลินเซี่ย ช่วยเธอนวดแป้ง
หลินเซี่ยไม่ยอมส่งไม้นวดแป้งในมือให้เขา “คุณไปอุ้มลูกชายของคุณเถอะ ฉันจะนวดเอง”
ความเร็วและฝีมือของเฉินเจียเหอนับว่าพอใช้ได้ในยามอยู่ที่บ้าน แต่วันนี้คงไม่กล้าอวดใคร
แผ่นแป้งที่เฉินเจียเหอรีดมักจะออกมาแบนๆ เกี๊ยวที่ห่อออกมาก็ไม่สวย สู้ของแม่และย่าเธอที่กำลังห่อเกี๊ยวอย่างชำนาญไม่ได้
เมื่อเห็นพ่อกลับมา เสี่ยวหู่ก็หัวเราะคิกคักด้วยความดีใจ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นหู่จือ เขายิ่งดีใจ ส่งเสียงอ้อแอ้ราวกับกำลังทักทายพี่ชาย
หู่จือก็ดีใจเช่นกัน เขาหยิบของเล่นชิ้นเล็กออกมาจากกระเป๋า บอกว่าซื้อมาให้เสี่ยวหู่โดยเฉพาะ
หลังจากห่อเกี๊ยวเสร็จ หลิวกุ้ยอิงก็ไม่ให้หลินเซี่ยและคนอื่นๆ เข้าครัวอีก
บอกว่าไม่ต้องช่วยแล้ว หล่อนจะทำเอง
เย่ไป๋เข้ามาแล้วก็ทักทายทุกคน จากนั้นก็ไปอยู่ข้างภรรยา ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
เฉินเจียเหอกระซิบถามหลินเซี่ยว่า “วันนี้ทำไมทุกคนมากันหมดเลย? คึกคักจัง ที่บ้านมีอะไรหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่นานๆ ทีพวกเราจะได้มารวมตัวกัน กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันน่ะ”
เฉินเจียเหอช่วยเช็ดโต๊ะ มองคุณแม่เซี่ยแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ดีจัง ดูสิ คุณยายยิ้มอย่างมีความสุขเชียว”
หลังกินข้าวเสร็จ เซี่ยอวี่ก็บอกว่าคืนนี้จะนอนที่บ้าน
หลินเซี่ยที่กลับบ้านแม่มาสองวันแล้ว วันนี้จึงจำเป็นต้องกลับบ้านตัวเอง
ชุนฟางในช่วงนี้ยุ่งกับการเตรียมงานแต่งงาน หลินเซี่ยเลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปนั่งเฝ้าร้านของชุนฟาง
ถ้าร้านไม่มีเจ้าของอยู่นานๆ มีแต่ลูกมือคอยดูแล ลูกค้าจะหายไปอย่างรวดเร็ว
อากาศหนาวแบบนี้ เซี่ยไห่ก็แสนจะเอาใจใส่ ขับรถไปส่งครอบครัวสี่คนกลับบ้านเลย
พอถึงบ้านก็กล่อมให้เสี่ยวหู่นอน ให้หู่จือทำการบ้านเสร็จแล้วเข้านอน ในที่สุดสองสามีภรรยาก็ได้มีเวลาว่างและมีพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาเองเสียที
นับตั้งแต่มีเสี่ยวหู่ การดูแลเด็กสองคนทำให้เวลาแต่ละวันแทบไม่พอ ต้องช่วยหู่จือทำการบ้าน และยังต้องให้นมเสี่ยวหู่ ส่วนเฉินเจียเหอพอเข้าบ้านแล้วก็ต้องซักผ้าให้ลูกชายทั้งสอง และต้องทำความสะอาดบ้านอีก
สามีภรรยาทั้งสองยุ่งวุ่นวายราวกับกำลังทำสงครามในช่วงเวลานี้ของค่ำคืน
“เซี่ยเซี่ย วันนี้คุณยายอารมณ์ไม่ดีใช่ไหม?” หลังจากเด็กทั้งสองหลับแล้ว เฉินเจียเหอจึงได้สระผมให้ตัวเอง ขณะเช็ดผมเขาก็ถามหลินเซี่ยลอยๆ
หลินเซี่ยได้ยินคำถามของเขาก็แปลกใจ ปฏิกิริยาแรกของเธอคือ “อารองบอกอะไรคุณหรือเปล่าคะ?”
ต้องยอมรับว่าเฉินเจียเหอเป็นคนช่างสังเกตและมีสายตาแหลมคม ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาเขาไปได้
เฉินเจียเหอเป็นสามีของเธอ เป็นคู่ชีวิตที่ใกล้ชิดที่สุด หลินเซี่ยแทบไม่มีความลับอะไรกับเขา
อีกอย่างตอนนี้เธอก็ต้องการระบายความในใจจริงๆ
ทั้งวันนี้ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปลอบให้คุณยายร่าเริง คอยให้กำลังใจ และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุข
แต่สำหรับตัวเธอเองแล้ว เธอยังไม่สามารถทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้จนถึงตอนนี้
เธอคิดว่าคุณปู่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ที่ไหนได้ ท่านกลับหนีไปกับภรรยาลับ
ตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ท่านไม่เคยปรากฏตัวมาเยี่ยมภรรยาเดิมและลูกทั้งสามคนเลย
นี่มันผู้ชายเลวขั้นสุดชัดๆ
คุณปู่แท้ ๆ ของเธอกลับเป็นคนแบบนี้
สุดท้ายหลินเซี่ยก็อดไม่ได้ เล่าเรื่องนี้ให้เฉินเจียเหอฟัง
เฉินเจียเหอไม่ได้ตกตะลึงอย่างที่เธอคาดไว้ ตรงกันข้าม เขากลับมีท่าทางนิ่งเฉย ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจหรือแปลกใจแต่อย่างใด
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เหอคิดอะไรกับเรื่องนี้กันน้า ตอบดีๆ นะคะ