ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 864 คืนนี้เขาทุ่มเทมาก
ตอนที่ 864 คืนนี้เขาทุ่มเทมาก
ปฏิกิริยาของเฉินเจียเหอทำให้หลินเซี่ยโกรธจัด “นี่คุณทำสีหน้าแบบไหนอยู่น่ะ? ไม่รู้สึกตกใจ โกรธ หรือแค้นเคืองเลยเหรอ?”
นั่นมันเรื่องทิ้งเมียทิ้งลูกหนีไปกับชู้นะ
เฉินเจียเหอมองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ไม่แปลกใจหรอก เพราะหลายปีก่อนผมก็เคยได้ยินเรื่องราวชีวิตของเขามาบ้างแล้ว”
“หา?”
คราวนี้หลินเซี่ยกลับเป็นฝ่ายประหลาดใจ “คุณรู้มานานแล้วเหรอว่าคุณปู่ของฉันหนีไปกับผู้หญิงอื่น?”
เฉินเจียเหอพยักหน้า “หลายปีก่อนตอนที่ผมดื่มเหล้ากับเซี่ยไห่ เขาเมาและอารมณ์ไม่ดี ดูเหมือนจะเคยพูดถึงเรื่องนี้อยู่”
นั่นเป็นเรื่องนานมาแล้ว ตอนนั้นพวกเขาเพิ่งปลดประจำการ ผู้บังคับกองร้อยเสียสละชีวิตเพื่อช่วยพวกเขา ทหารรถไฟหลายคนกลับมาอยู่บ้านเกิด และรู้สึกสับสนกับอนาคต
ตอนนั้นเซี่ยไห่บอกว่าจะทำธุรกิจ จะหาเงินมาก ๆ เพื่อตอบแทนความกตัญญูต่อแม่ และรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของพี่ใหญ่
เขาในตอนนั้นไม่อยากให้เซี่ยไห่ทำธุรกิจ อยากให้เซี่ยไห่เข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตรถไฟเหมือนเขา ใช้จิตวิญญาณทหารรถไฟของพวกเขาสานต่อการทำประโยชน์ให้กับกิจการรถไฟต่อไป
หลังจากเซี่ยไห่ดื่มจนเมาได้ที่ก็บอกว่าเขาเป็นลูกรักที่มาจากชุมชนบ้านพักทหาร ไม่เข้าใจความยากลำบากของคนชั้นล่างอย่างเขา
เขาอยากจะอุทิศตนให้กับกิจการรถไฟต่อไป แต่ในขณะเดียวกันก็อยากให้ครอบครัวของตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น
ในคืนนั้นเอง เซี่ยไห่ก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับพ่อของเขาให้ฟัง
ก่อนหน้านั้นพวกเขาต่างคิดว่าพ่อของเซี่ยไห่เสียชีวิตไปแล้ว
เขาบอกว่าแม่ของเขาเลี้ยงดูพวกเขาทั้งสามคนมาตามลำพังอย่างยากลำบาก เขาจึงจำเป็นต้องหาเงินให้มาก ๆ เขาต้องการเป็นคนชั้นสูง ต้องการให้ครอบครัวของเขามีชีวิตที่ดี
และเป็นเพราะคืนนั้นเซี่ยไห่ดื่มมากเกินไป เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เขาก็จำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้าง
แน่นอนว่า เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
เพียงแต่ภายหลังเขามีท่าทีเงียบลง สนับสนุนให้เซี่ยไห่ออกไปทำธุรกิจ
และให้การสนับสนุนทางการเงินเท่าที่เขาจะทำได้
“ผมไม่มีความคิดเลยว่าต้องบอกเรื่องนี้กับคุณ” เฉินเจียเหอมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ยิ้มน้อยๆ “ต่อให้จะพูดถึงเรื่องนี้ มันก็ไม่ควรออกจากปากผม ถ้าพวกคุณยายกับคุณพ่ออยากจะบอกคุณ พวกเขาก็คงจะบอกเอง”
เขาลูบหัวเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “คุณเห็นไหม ตอนนี้พวกเขาก็บอกคุณแล้วนี่”
หลินเซี่ยตอบรับเบาๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เฉินเจียเหอพูดก็มีเหตุผล
เธอกัดฟันด่าอย่างเคียดแค้น “ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าในยุคนั้นคุณปู่ของฉันคิดอะไรอยู่ ถึงได้ทิ้งคุณย่าและลูกๆ ทั้งสี่คนไปแล้วหนีไปกับผู้หญิงคนอื่น หัวใจเขาคงถูกหมากินไปแล้วมั้ง”
“ไอ้คนเลว”
“ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เคยรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในตอนนั้นบ้างไหม คงเป็นคนไร้หัวใจที่ไม่เคยนึกถึงคุณย่าและพวกเขาเลย”
“เซี่ยเซี่ย คุณย่าลำบากมามาก ต่อไปพวกเราต้องกตัญญูต่อท่านให้ดี เรื่องอื่นๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว อย่าโกรธหรือเสียใจเพราะคนแบบนั้นเลย”
เฉินเจียเหอในฐานะผู้ชายก็รู้สึกดูถูกต่อการกระทำของพ่อเซี่ยไห่เช่นกัน แม้จะเป็นการแต่งงานจากการถูกคลุมถุงชนอันปราศจากความรักใคร่ แต่เมื่อแต่งภรรยาเข้าบ้านและมีลูกแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบต่ออีกฝ่าย
ต้องรับผิดชอบในฐานะสามีและพ่อ
นั่นคือผู้ชายเลวตามที่หลินเซี่ยพูดถึง
คืนนั้นหลินเซี่ยรู้สึกสับสนมากจนไม่สามารถข่มตาหลับได้
เธอคุยกับเฉินเจียเหอมากมาย เฉินเจียเหอรู้ว่าเธอถูกกระตุ้นอารมณ์ จึงปลอบประโลมเธออย่างอ่อนโยน บอกว่าผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยจะไม่มีวันทิ้งเธอไป
ต่อให้เธอไล่เขาไป เขาก็จะไม่ยอมไป
เพื่อพิสูจน์ความรักที่มีต่อเธอ คืนนั้นเฉินเจียเหอจึงกอดเธอไว้และพูดคำหวานมากมาย
เมื่อความรู้สึกลึกซึ้งขึ้น เขาก็เริ่มมอบความรักให้เธออย่างเต็มที่…
จนกระทั่งใกล้รุ่งสาง หลินเซี่ยจึงหลับสนิทลงได้
หลังจากตื่นนอน เฉินเจียเหอทำอาหารเช้า แล้วโทรหาแม่ของเขาให้มาช่วยดูแลลูก
เขาพาหู่จือออกไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้รบกวนหลินเซี่ย
หลินเซี่ยตื่นขึ้นเพราะเสี่ยวหู่ที่ตื่นขึ้นมาเกาหน้าเธอ เจ้าตัวน้อยตื่นขึ้นมาแล้วไม่ร้องไห้ใดๆ แต่คลานขึ้นมาบนตัวหลินเซี่ยแล้วยื่นมือมาเกาหน้าเธอ
พอหลินเซี่ยลืมตาขึ้นมาเห็นเสี่ยวหู่คลานอยู่บนตัวเธอและกำลังเกาหน้าเธออยู่ หัวใจของเธอก็ละลายไปกับภาพนั้น รีบอุ้มลูกชายเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก
“ลูกรัก ตื่นแต่เช้าเลยเหรอจ๊ะ?”
“หิวแล้วใช่ไหมลูก?” หลินเซี่ยอุ้มลูกชายไว้แล้วให้นมเขา จากนั้นจึงแต่งตัวให้ลูก แล้วเปลี่ยนชุดนอนของตัวเอง
เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเฉินเจียเหอไปเอาพลังมาจากไหน รังแกเธอจนร่างแทบแหลก แถมยังกระซิบคำรักหวานซึ้งข้างหูเธอไม่หยุด
เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงความรักของเขา จนลืมเรื่องไม่สบายใจทั้งหมดไป
หลินเซี่ยอุ้มลูกออกมาจากห้องนอน เห็นโจวลี่หรงกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ เธอมองด้วยความประหลาดใจและถามว่า “แม่คะ แม่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
โจวลี่หรงตอบว่า “แม่เพิ่งมาถึง เห็นลูกยังไม่ตื่นก็เลยไม่รบกวน แม่กำลังจัดบ้านอยู่”
หลินเซี่ยเห็นเสื้อผ้ากองอยู่บนโซฟา จึงยิ้มแหยๆ พูดว่า “แม่คะ เมื่อวานพวกเรากลับมาจากบ้านฉันดึก เลยไม่ได้จัดเก็บอะไร”
โจวลี่หรงพับเสื้อผ้าเรียบร้อย พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรหรอก แม่ไม่อยู่ ลูกต้องดูแลเด็กสองคน จะมีเวลาที่ไหนมาจัดบ้าน ตอนนี้เสี่ยวหู่ก็ซนมาก ต้องคอยดูตลอดเวลา”
โจวลี่หรงรับเสี่ยวหู่จากอ้อมแขนของหลินเซี่ย “มานี่ ย่าอุ้มเอง ให้แม่ของหนูไปกินข้าวนะ”
“แม่ทำอาหารด้วยเหรอคะ?” หลินเซี่ยรู้สึกเกรงใจมากขึ้น ตัวเองนอนตื่นสาย แม่สามีมาตั้งนานแล้วทำงานตั้งมากมาย แต่เธอกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
โจวลี่หรงอธิบายว่า “นี่เป็นอาหารที่เจียเหอทำ แม่เอามาอุ่นไว้ในหม้อ ตอนนี้ยังร้อนอยู่ รีบกินเร็วๆ นะ”
“อ๋อ ที่แท้เขาเป็นคนทำนี่เอง” หลินเซี่ยรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอชวนโจวลี่หรงกินอาหารเช้าด้วยกัน แต่โจวลี่หรงบอกว่าตัวเองกินมาจากบ้านแล้ว
เธอวางเสี่ยวหู่ลงในรถเข็นเด็ก จัดบ้านทั้งหมดอีกรอบ ปูพรมบนพื้นเพื่อให้เสี่ยวหูคลานได้สะดวก
หลินเซี่ยยิ้มพูดกับโจวลี่หรงว่า “แม่คะ ในเมื่อแม่มาแล้ว ก็อยู่บ้านกับเสี่ยวหู่นะคะ ฉันจะไปทำงานที่ร้านเสริมสวย ชุนฟางกำลังเตรียมงานแต่งงาน ฉันต้องไปดูแลร้านเสริมสวย”
โจวลี่หรงมองหลานชายอย่างตั้งใจ แล้วตอบรับว่า “ได้ เธอไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่บ้าน”
หลินเซี่ยรับประทานอาหารเช้าเสร็จ สวมเสื้อนวมบุฝ้ายห่อตัวจนเหลือแค่ดวงตาโผล่ออกมา แล้วก็ออกจากบ้านไป
เมื่อเธอไปถึงร้านเสริมสวยที่ชุนฟางรับผิดชอบ ก็พบว่าชุนฟางไม่อยู่จริงๆ มีเพียงลูกมือสองคนกำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาด
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ จึงยังไม่มีลูกค้า
เมื่อพวกหล่อนเห็นหลินเซี่ยเถ้าแก่ใหญ่มาถึงอย่างกะทันหัน สาวน้อยทั้งสองก็ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด พวกหล่อนทักทายหลินเซี่ยและกวาดพื้นอย่างพิถีพิถันกว่าปกติ
นี่เป็นโปรโมชั่นพิเศษในช่วงวันหยุด
หลินเซี่ยให้ลูกมือแขวนป้ายนี้ออกไป และเพิ่มข้อความด้านหลังว่า “ช่างทำผมมืออาชีพ เจ้าของร้านลงมือเอง ปกป้องความงามของคุณ”
เพื่อให้ผู้คนรู้ว่าวันนี้เจ้าของร้านจะลงมือตัดผมเอง บางทีอาจจะดึงดูดลูกค้าได้บ้าง
หลังจากให้พนักงานร้านนำป้ายโฆษณานี้ออกไป หลินเซี่ยก็อยากดูว่าทักษะการตัดผมของลูกมือทั้งสองคนนี้พัฒนาขึ้นหรือไม่
พวกหล่อนทั้งหมดเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดในรุ่นที่สอง ชุนฟางตั้งใจคัดเลือกมาเพื่อฝึกฝนเป็นพิเศษ
ตอนนี้หลินเซี่ยจึงตั้งใจจะดูว่าพวกหล่อนทั้งสองคนเรียนรู้ได้ดีแค่ไหน
การฝึกอบรมสามเดือนแน่นอนว่าไม่สามารถเรียนรู้เทคนิคทั้งหมดได้ แค่เรียนรู้วิธีการตัดผมแบบพื้นฐานเท่านั้น ยังต้องอาศัยการฝึกฝนในการทำงานจริงอย่างช้าๆ
“พี่เซี่ยเซี่ย ตอนนี้ไม่มีลูกค้าเลย พวกเราจะแสดงให้ดูยังไงคะ?”
สาวน้อยชื่อเสี่ยวเสียถาม “พวกเราจะตัดผมบนหัวหุ่นเหรอคะ?”
“ตัดผมให้ฉันสิ”
เธอตั้งใจจะบอกให้พวกหล่อนดัดผมบ็อบแบบที่เธอสอนให้ แต่การดัดผมใช้เวลานาน อีกทั้งเธอก็ไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือของสองสาวนี้ ถ้าดัดผมเธอพังขึ้นมา เธออาจโกรธจนไล่พวกเธอออกได้
เพื่อเห็นแก่ทุกคน หลินเซี่ยจึงเลือกที่จะให้พวกเธอแค่ตัดผมสั้นให้เธอเท่านั้น
เสี่ยวเสียกับเหวินจวนสาวน้อยทั้งสองคนได้ยินคำขอของหลินเซี่ยแล้ว ก็เริ่มประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
หัวใจของพวกหล่อนเต้นรัวจนมือเริ่มสั่น
ปกติพวกหล่อนก็ตัดผมให้ลูกค้า แต่จะตัดเฉพาะทรงสั้นเกรียนให้ผู้ชาย หรือไม่ก็ตัดแต่งทรงผมผู้ชายแบบรองทรงที่ผมยาวขึ้นมาหน่อย
หากเป็นแบบนั้นก็แค่ตัดให้สั้นตามทรงเดิมก็พอ ไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรมาก ด้วยทักษะที่พวกหล่อนเรียนมาจากโรงเรียนสอนตัดผม บวกกับประสบการณ์หลายเดือนที่ได้เรียนรู้จากพี่ชุนฟาง พวกหล่อนก็จัดการได้อย่างสบาย
แต่คนตรงหน้าพวกหล่อนคือเจ้านายนี่นา
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เหอทำหน้าที่ดีมากค่ะ สุดยอดสามีมาก
เข้าใจอาการเลยค่ะ เวลาต้องมาตัดผมให้เจ้านายมันก็เกร็งเป็นธรรมดา
ไหหม่า(海馬)