ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 866 พบกับผู้ไล่ตามที่บ้าคลั่ง
ตอนที่ 866 พบกับผู้ไล่ตามที่บ้าคลั่ง
หลินเซี่ยสังเกตรูปทรงศีรษะและใบหน้าของเขารอบหนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจหยิบปัตตาเลี่ยนขึ้นมาโกนผมด้านหลังของเขาทันที
เสี่ยวเสียและเหวินจวนมองการกระทำของหลินเซี่ยด้วยความตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำแบบนี้
แต่พวกหล่อนก็ไม่กล้าถาม คิดว่าเจ้านายทำแบบนี้คงมีเหตุผลของเธอ
หลินเซี่ยโกนผมด้านล่างให้สั้นประมาณหนึ่งนิ้ว แล้วตัดผมด้านบนให้สั้นลง ทรงผมจึงเปลี่ยนจากผมแสกกลางเป็นรองทรงที่ด้านบนยาวกว่าด้านล่าง
ดูสดชื่นและเหมาะกับรูปหน้าของเขา
มองแบบนี้แล้วดูหล่อกว่าตอนที่เพิ่งเข้ามามาก
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือหนาวเกินไปในฤดูหนาว
ด้านหลังศีรษะไม่มีผม ทำให้รู้สึกเย็นวาบ
“ขอโทษนะคะ เมื่อกี้ลงกรรไกรครั้งแรกพลาดไปหน่อย ถึงพยายามแก้ไขแล้วก็ยังสั้นไปนิด ฉันเลยออกแบบทรงผมใหม่ให้คุณตามรูปหน้าของคุณ คุณดูแล้วพอใจไหมคะ?”
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงมีความหมายลึกซึ้ง “แค่รู้สึกหนาวนิดหน่อย”
ในใจรู้สึกเย็นวาบ
“ถ้าพันผ้าพันคออาจจะดีขึ้นนะคะ ทรงผมแบบนี้เหมาะกับคุณมากเลย”
หลินเซี่ยเป่าผมให้แห้ง บอกว่าเสร็จแล้ว
พอดีมีลูกค้าคนอื่นเข้ามา ผู้หญิงสองคนต้องการดัดผม หลินเซี่ยยิ้มต้อนรับพวกเขา
หนุ่มน้อยลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ แม้จ่ายเงินแล้วสายตาก็ยังคงจับจ้องที่ร่างของหลินเซี่ย
ก่อนออกจากประตู เขายังคงไม่ยอมแพ้ หยุดฝีเท้า ดวงตาวาววับ ถามเหวินจวนเพื่อยืนยัน “เมื่อกี้เจ้าของร้านของคุณโกหกผมใช่ไหม? ความจริงหล่อนคงยังไม่ได้แต่งงานและไม่มีลูกแน่ๆ”
“จะมีอะไรให้โกหกล่ะคะ? สามีของเจ้าของร้านเราเก่งมากเลย เป็นวิศวกรผลิตรถไฟ พวกเขามีลูกชายสองคนด้วยนะคะ”
เหวินจวนมาที่นี่ไม่นาน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องราวชีวิตของหู่จือ แม้ว่าหล่อนจะสงสัยว่าทำไมเจ้านายของพวกเธอถึงอายุน้อยแต่กลับมีลูกชายโตขนาดนั้นก็ตาม
ดังนั้น พวกหล่อนจึงแทบไม่ค่อยพูดถึงเรื่องส่วนตัวของเจ้านายเลย
พวกหล่อนรู้เพียงว่าเจ้านายแต่งงานและมีลูกแล้ว
“อ้อ” หนุ่มน้อยเหลือบมองไปทางหลินเซี่ยอีกครั้ง
เธอกำลังต้อนรับลูกค้าอยู่ ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มสดใส เสี้ยวหน้าด้านข้างของเธอดูแล้วช่างงดงามยิ่งนัก
หนุ่มน้อยหรี่ตามองเธอสองสามครั้ง แล้วก็ตัดใจหันหลังเดินจากไป
เหวินจวนกับเสี่ยวเสียมองเหตุการณ์นี้แล้วมองหน้ากันอย่างงุนงง
พวกหล่อนเป็นเด็กสาวอายุ 18-19 ปีเหมือนกัน และยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน
สำหรับเรื่องความรัก พวกหล่อนยังไม่รู้เรื่องและยังเขินอายอยู่
ตอนนี้ถึงได้รู้สึกตัวและเข้าใจว่าเหตุใดนักศึกษาคนนั้นมาถามทุกครั้งว่าเจ้าของร้านอยู่หรือไม่ และบอกว่าจะมาตัดผม แท้จริงแล้วเขามีเจตนาแอบแฝง
ที่แท้เขาก็แอบชอบเจ้าของร้านของพวกหล่อนนี่เอง
สองสาวรู้สึกทั้งประหลาดใจและขำขันกับความคิดนี้
หลินเซี่ยต้อนรับลูกค้าสองคนที่มาทำผมดัด พวกหล่อนตกลงราคากันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีโปรโมชั่นพิเศษ อีกทั้งหลินเซี่ยลงมือทำเอง ทำให้ลูกค้าสองคนเชื่อมั่นในฝีมือของเธอ และยอมให้หลินเซี่ยลงมือทันที
ตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นมา ลูกค้าในร้านเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทุกคนมาเพราะหลินเซี่ย
เสี่ยวเสียและเหวินจวนทำได้แค่สระผม ถ้ามีเด็กหรือคุณลุงมาตัดผม พวกหล่อนสองคนก็จะลงมือ
สิ่งนี้ทำให้พวกหล่อนรู้สึกท้อใจอยู่บ้าง
หลินเซี่ยสังเกตเห็นความกระวนกระวายของพวกหล่อน จึงยิ้มและพูดว่า
“ตั้งใจตัดให้ดีนะ ตอนแรกผู้จัดการร้านของพวกเธอก็เริ่มจากการตัดผมให้พวกคุณลุงเหมือนกัน”
ชุนฟางมีไหวพริบกว่าพวกหล่อนทั้งสองคนมาก หล่อนถึงกับวิ่งออกไปที่ถนนใหญ่เพื่อเรียกลูกค้าโดยตรง
เมื่อเห็นคุณลุงหรือคุณตาที่มีผมยาวและเคราดก หล่อนก็พาพวกเขาเข้ามาในร้านทันที
เสี่ยวเสียยังพอใช้ได้ แต่หลินเซี่ยรู้สึกว่าเหวินจวนเป็นสาวที่มีอารมณ์ไม่แน่นอน เวลาตัดผมให้พวกคุณตา หล่อนมักจะทำแบบขอไปทีอยู่เสมอ
เมื่อพวกเธอทั้งสองเสร็จงาน เธอจึงพูดกับพวกหล่อนอย่างจริงจัง “จำไว้นะ เราต้องปฏิบัติต่อลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน อย่าคิดว่าลูกค้าไม่ใส่ใจทรงผมตัวเองมากนักแล้วทำงานแบบขอไปที พวกเธอต้องพยายามทำให้ดีที่สุดก่อน ปฏิบัติต่อลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยวิธีนี้ทักษะของพวกเธอจึงจะพัฒนาขึ้นได้ การตัดผมไม่เพียงแสดงถึงทักษะของพวกเธอเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงอุปนิสัยของพวกเธอด้วย”
“จำได้แล้วค่ะ”
………
หลินเซี่ยทำงานจนถึงบ่ายสาม เธอเหนื่อยจนปวดเอว
วันนี้แทบจะไม่ได้นั่งพักเลย
ร่างกายแข็งทื่อไปหมด
อาหารกลางวันก็กินแค่เหลียงเฝิ่นผัดที่เสี่ยวเสียซื้อมา
หลินเซี่ยกำลังให้นมลูก ปกติเธอกินจุ พอถึงตอนบ่ายก็หิวจนท้องกิ่ว
แต่ตอนนี้ยังมีสาวคนหนึ่งต้องดัดผม เธอจึงต้องอดทนทำให้เสร็จ
ประมาณห้าโมงเย็น เธอส่งลูกค้าคนสุดท้ายกลับไปในที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดคอร์สอบรมหรือเปิดร้านเช่าชุดแต่งงาน เธอทำไปเพื่อหาเงินทั้งนั้น
มีเพียงการตัดผมและจัดทรงผมเท่านั้นที่ทำให้เธอมีความสุขและรู้สึกภาคภูมิใจที่สุด
ฝีมือคือรากฐานในการดำรงชีวิตของเธอ
“วันนี้เหนื่อยจะตายแล้ว ในที่สุดก็เสร็จงานสักที คงไม่มีลูกค้ามาอีกแล้วใช่ไหม?”
หลินเซี่ยนั่งลงบนเก้าอี้ ยืดเส้นยืดสาย แล้วพูดกับสาวสองคนว่า “พวกเธอก็เหนื่อยกันมากแล้ววันนี้ งั้นปิดร้านกันเถอะ ฉันเองก็จะกลับแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าของร้าน เสี่ยวเสียและเหวินจวนรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
พวกหล่อนเหนื่อยอะไรกัน?
แค่ตัดผมให้คุณลุงคนหนึ่งกับเด็กประถมคนหนึ่ง นอกนั้นก็แค่สลับกันสระผมให้ลูกค้า
แล้วก็ยืนดูเจ้าของร้านทำงานวุ่นวายอยู่ข้างๆ
หลินเซี่ยพักสักครู่ แล้วลุกขึ้นสวมเสื้อกันหนาว สวมหมวกและถุงมือ บอกลาสองสาว แล้วเตรียมตัวกลับบ้าน
เธอรู้สึกอยากกินขาหมูขึ้นมา
วันนี้ยังไม่ได้กินอะไรดีๆ เลย หากซื้อขาหมูกลับไปแทะ น่าจะช่วยให้น้ำนมเยอะขึ้นได้บ้าง
อันดับแรก เธอไม่อาจปล่อยให้ลูกชายไม่มีน้ำนมกินได้
เธอสอบถามตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอนของร้านขาหมูจากเสี่ยวเสีย แล้วเดินไปที่นั่น
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม แม้จะยังไม่ถึงหกโมงเย็นก็มืดลงแล้ว หลินเซี่ยเดินไปที่ร้านขาหมูข้างตรอก ซื้อขาหมูสองชิ้น ใส่ถุงถือกลับมา ตั้งใจจะไปเรียกแท็กซี่ที่หัวมุมถนน
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านข้างของเธอ
หลินเซี่ยตกใจจนสะดุ้ง เกือบทำถุงขาหมูในมือหล่น
“คุณ…”
“หลินเซี่ย ผมรอคุณมานานแล้ว”
หลินเซี่ยมองเห็นชัดว่าคนที่พุ่งออกมาคือหนุ่มที่ตัดผมที่ร้านเสริมสวยตอนเที่ยง
หนุ่มน้อยกลืนน้ำลาย กลืนความประหม่าบนใบหน้าลงไปด้วย “ผมชอบคุณ ผมเห็นคุณครั้งแรกก็รักคุณแรกพบ ผมไม่เชื่อว่าคุณมีแฟนแล้ว ผมอยากเป็นแฟนคุณ…”
เขาพูดกับหลินเซี่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
หลินเซี่ยถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันบอกแล้วว่าฉันแต่งงานและมีลูกแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องโกหก คุณอย่าทำเป็นเข้าใจแต่แกล้งงงเลย การสารภาพรักกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเป็นการกระทำที่ไร้ศีลธรรม และจะไม่มีผลลัพธ์อะไรทั้งสิ้น”
หลินเซี่ยพูดต่อไปว่า “ขอบคุณที่ชอบฉัน แต่ฉันได้อธิบายสถานการณ์ของฉันให้คุณเข้าใจแล้ว ตอนนี้คุณตัดใจจากฉันเสียเถอะ”
เธอพูดจบก็หยิบถุงขาหมูเดินผ่านเขาไปตรง ๆ
แต่ยังไม่ทันก้าวออกไป ก็ถูกคนดึงกลับมา
หนุ่มน้อยอารมณ์พลุ่งพล่าน ยื่นมือมาจะกอดเธอทันที
“คุณจะทำอะไร?” หลินเซี่ยตะโกนด้วยความโกรธพลางสะบัดมือเขาออกอย่างแรง
“ผมชอบคุณ ผมชอบคุณจริง ๆ อย่าปฏิเสธผมเลย พวกเราอายุใกล้เคียงกัน คุณยังอ่อนกว่าผมหนึ่งปีด้วยซ้ำ เราเหมาะสมกันมาก ผมเป็นนักศึกษา ผมไม่สนใจว่าคุณเคยแต่งงานมาก่อน ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ เรามาเป็นแฟนกันเถอะ แอบคบกันก็ได้…”
ปฏิกิริยาแรกของเธอคือพยายามดิ้นให้หลุด
แต่คนคนนี้โอบเอวเธอไว้ เธอดิ้นไม่หลุด ตะโกนขอความช่วยเหลือหลายครั้ง แต่ปากซอยนี้ไม่มีคนเลย
เธอพยายามสงบสติอารมณ์และพูดอย่างมีเหตุผล “ปล่อยฉันนะ พฤติกรรมของนายแบบนี้เหมือนนักศึกษาที่ไหนกัน? ถ้านายยังไม่สุภาพกับฉันอีก ฉันจะแจ้งไปที่มหาวิทยาลัยของนายเลย ให้เขาไล่นายออก พ่อแม่ของนายอุตส่าห์ส่งนายเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อให้นายมาคุกคามผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแบบนี้เหรอ?”
“มหาวิทยาลัยไม่กล้าไล่ผมออกหรอก”
ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือเลย หลินเซี่ยสลัดไม่หลุด เธอจึงเอาขาหมูในมือฟาดเข้าที่หัวของเขา
ชายหนุ่มเจ็บแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย ปากก็พูดรัวเร็วว่าชอบหลินเซี่ย ขอให้เธออยู่กับเขา
หลินเซี่ยรู้สึกว่าคนคนนี้เป็นคนบ้า เธอบอกว่าแต่งงานแล้วแต่เขายังทำอะไรรุนแรงแบบนี้
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
“ถ้านายไม่ปล่อยฉัน นายจะติดคุกจริงๆ นะ พ่อแม่ของนายส่งนายเรียนมหาวิทยาลัยเสียเปล่า อนาคตของนายพังแล้ว ความตั้งใจของพ่อแม่นายก็พังด้วย…”
ชายหนุ่มที่คลุ้มคลั่งไม่ฟังคำพูดของหลินเซี่ยเลย “ผมไม่สนหรอก ผมไม่เรียนมหาวิทยาลัยก็หางานดีๆ ได้ ผมไม่กลัว ที่บ้านผมมีคนรู้จัก คุณมาเป็นแฟนผมนะ…”
ตอนนี้หลินเซี่ยกลัวมาก เธอรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่นักเรียนยากจนที่อาศัยความรู้เปลี่ยนชะตาชีวิต คนนี้ดูธรรมดาแต่จริงๆ แล้วเป็นคุณชายเอาแต่ใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตำรวจอยู่ไหนค้า มาช่วยเซี่ยเซี่ยทีค่ะ น่ากลัวมาก คุกคามขั้นสุด
ไหหม่า(海馬)