ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 868 พวกเราก็มีเส้นสายเหมือนกัน
ตอนที่ 868 พวกเราก็มีเส้นสายเหมือนกัน
เมื่อจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จและกลับถึงบ้าน ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
ถึงเวลานี้จะยังไม่ได้กินข้าว แต่หลินเซี่ยก็ไม่รู้สึกหิวแล้ว
เฉินเจียเหอให้ถังจวิ้นเฟิงขี่มอเตอร์ไซค์ของเขากลับไป ส่วนตัวเองก็พาหลินเซี่ยนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
ทันทีที่เข้าประตูบ้าน โจวลี่หรงอุ้มเสี่ยวหู่กับจูงหู่จือออกมาต้อนรับ
หู่จือเห็นพ่อแม่กลับมาก็ดีใจวิ่งเข้ามากอดขาหลินเซี่ย
“แม่ครับ ในที่สุดแม่ก็กลับมาแล้ว”
“เซี่ยเซี่ย วันนี้ทำไมกลับมาช้าจัง? ตอนบ่ายเสี่ยวหู่ร้องไห้งอแงใหญ่เลย ปลอบยังไงก็ไม่หยุด”
โจวลี่หรงไม่ได้ตำหนิ แต่มองเด็กน้อยในอ้อมกอดด้วยความเป็นห่วง แล้วก็มองหลินเซี่ยที่ดูอิดโรยไม่มีเรี่ยวแรง
ลูกสะใภ้เป็นคนบ้างาน ตัวเองเหนื่อย ลูกก็ลำบากไปด้วย
“แม่ วันนี้ลูกค้าเยอะ ทำงานเสร็จก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้ฉันไม่ไปแล้วค่ะ”
หลินเซี่ยจะรับลูกจากมือของโจวลี่หรง แต่เฉินเจียเหอกลับรีบอุ้มไปก่อน บอกให้หลินเซี่ยพักสักครู่แล้วค่อยอุ้ม
แต่เสี่ยวหู่กลับไม่ยอมให้เฉินเจียเหออุ้มเลย สองมือดิ้นรนจะกระโจนเข้าอ้อมกอดของหลินเซี่ยอย่างเดียว
หลินเซี่ยจะทนเห็นลูกชายร้องไห้ได้อย่างไร จึงรีบรับมาอุ้มทันที
เสี่ยวหู่ที่ใกล้จะหนึ่งขวบแล้วมีน้ำหนักพอสมควร หลินเซี่ยที่เหนื่อยมาทั้งวันและกำลังขวัญเสียจึงรู้สึกว่าวันนี้ลูกชายตัวหนักกว่าปกติมาก
เธออุ้มลูกเข้าห้องนอนเพื่อให้นม
เฉินเจียเหอถามโจวลี่หรง “แม่ครับ แม่กับเสี่ยวหู่กินข้าวกันหรือยังครับ?”
โจวลี่หรงตอบ “ยังจ้ะ แม่ทำซุปเสาจื่อ*ไว้แล้ว ตั้งใจว่าจะรอพวกเธอกลับมาแล้วค่อยต้มบะหมี่”
(*臊子汤 เป็นน้ำซุปรสชาติเปรี้ยวเผ็ดทำจากเนื้อสับผสมผักรวมต่างๆ ของมณฑลส่านซี มักทำเป็นน้ำซุปสำหรับอาหารประเภทเส้น)
โจวลี่หรงเข้าครัวไป เฉินเจียเหอก็ตามไปช่วย
หลินเซี่ยให้นมเสี่ยวหู่อีกครั้ง วันนี้เธอแทบไม่ได้กินอะไรเลย สุดท้ายก็ไม่ได้กินขาหมูด้วย น้ำนมจึงมีน้อยมาก
ราวกับว่าเด็กจะรู้สึกปลอดภัยก็ต่อเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของแม่เท่านั้น
ไม่นานนักเขาก็หลับสนิท
หลินเซี่ยอุ้มลูกชายที่หลับสนิทไว้ในอ้อมกอด นึกถึงประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นของวันนี้แล้วก็พลันรู้สึกกลัวขึ้นมา
เธอไม่เพียงแต่มีสามี แต่ยังมีลูกสองคน เธอไม่น่าจะมีปัญหาอะไรได้
ถ้าวันนี้เฉินเจียเหอไม่ปรากฏตัวทันเวลา ทำให้คนคนนั้นกอดและลวนลามเธอต่อไป เธอจะเผชิญหน้ากับมันอย่างไร…
เธอไม่กล้าคิดต่อจากนี้เลย
เฉินเจียเหอเข้ามาเรียกเธอไปกินข้าว เห็นหลินเซี่ยอุ้มลูกชายที่หลับสนิทนั่งเหม่อลอย
เขาจึงเอ่ยเสียงเบา “เซี่ยเซี่ย ไปกินข้าวก่อนนะ”
เขารับเด็กน้อยจากมือของเธออย่างระมัดระวัง วางลงบนเตียง ห่มผ้าให้เรียบร้อย แล้วจูงเธอออกไปรับประทานอาหาร
แม้พวกเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่โจวลี่หรงก็ยังรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของหลินเซี่ยไม่ค่อยปกติ ไม่ใช่ว่าไม่มีความสุข แต่ดูเหมือนจะหดหู่
หลังจากเฉินเจียเหอพาหลินเซี่ยเข้าห้องนอนแล้ว เขาก็กอดเธอไว้และปลอบให้เธอหลับ
เธอกำลังตกใจกลัว ถ้าอยู่คนเดียวคงไม่สามารถหลับได้แน่นอน
หลินเซี่ยเหนื่อยมากจริงๆ เธอเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วในอ้อมกอดของเฉินเจียเหอในเวลากลางวัน
เฉินเจียเหอค่อยๆ วางเสี่ยวหู่ลงในอ้อมกอดของเธอ ให้เธอกอดนอน
ช่วงนี้แม่ลูกคู่นี้นอนแบบนี้ตลอด เสี่ยวหู่จะร้องไห้ทันทีที่ออกจากอ้อมกอดของแม่ เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย
ปกติแล้วนี่เป็นเรื่องที่ทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกลำบากใจ
แต่ตอนนี้ เขากลับเป็นฝ่ายวางลูกชายลงในอ้อมกอดของหลินเซี่ยเอง
เฉินเจียเหอมองดูแม่ลูกที่กำลังหลับสนิทอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ ปิดไฟออกจากห้องนอนไป
โจวลี่หรงได้ช่วยสอนการบ้านให้หู่จือตั้งแต่ตอนเลิกเรียนแล้ว ตอนนี้ย่ากับหลานทั้งสองคนเข้านอนกันหมดแล้ว ไฟในห้องนอนของพวกเขาก็ปิดแล้ว
เฉินเจียเหอนั่งลงบนโซฟาแล้วโทรหาถังจวิ้นเฟิง
ถังจวิ้นเฟิงได้รับข้อมูลโดยละเอียดของอีกฝ่ายผ่านเพื่อนร่วมงานแล้ว เขาพูดว่า “พ่อของคนนั้นทำงานอยู่ที่สำนักงานแรงงาน มีอำนาจอยู่บ้าง ตามใจลูกชายจนเสียคน เด็กคนนั้นถูกเลี้ยงมาอย่างเสียๆ หายๆ ดูภายนอกเหมือนไม่มีพิษมีภัย แต่จริงๆ แล้วเสียนิสัยตั้งแต่รากเหง้า ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็ชอบรังควานพวกนักศึกษาหญิงเสมอ แต่เพราะลักษณะงานของพ่อเขา สุดท้ายพวกเด็กสาวที่มาจากชนบทก็ปล่อยเรื่องเงียบไปหมดเพื่อไม่ให้กระทบกับการจัดสรรงานของตน”
“เด็กคนนั้นด้านอื่นๆ ก็พอไปได้ ผลการเรียนก็ใช้ได้ แค่ชอบผู้หญิงมาก เห็นสาวสวยทีไรก็เดินไม่ออก”
เฉินเจียเหอรู้ข้อมูลเชิงลึกของอีกฝ่ายแล้ว เขาพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปหาทนาย เดี๋ยวนายช่วยประสานงานหน่อย จะได้จัดการขั้นเด็ดขาด”
ถังจวิ้นเฟิงรับคำ “เรื่องนี้นายวางใจได้ ถึงเหยื่อวันนี้จะไม่ใช่พี่สะใภ้ แค่ฉันเจอเข้าก็ไม่มีทางปล่อยไปแน่ ใครก็อย่าคิดจะมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ต่อหน้าฉันถังจวิ้นเฟิงเด็ดขาด ฉันล่ะเกลียดไอ้พวกคุณชายบ้านรวยที่ออกไปทำตัวเหลวแหลกนอกบ้านที่สุด”
“ฉันเชื่อใจนาย เดี๋ยวจะให้ทนายติดต่อนาย”
เฉินเจียเหอวางสาย โดยไม่ทันสังเกตว่าโจวลี่หรงยืนอยู่ที่ประตูห้องนอนเล็ก
“เจียเหอ จะหาทนายไปทำไม?” โจวลี่หรงถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แม่ครับ ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ?” เฉินเจียเหอเห็นโจวลี่หรงก็ตกใจเล็กน้อย รีบกลบเกลื่อนสีหน้าตกใจเมื่อครู่ แล้วถามสบายๆ
โจวลี่หรงตอบว่า “แม่ออกมาเข้าห้องน้ำน่ะ”
มีเรื่องอะไรถึงต้องใช้ทนาย?
ปฏิกิริยาแรกของโจวลี่หรงคือนึกถึงเรื่องการแต่งงานโดยไม่ได้ตั้งใจของพวกเขา แต่ก็รีบปฏิเสธความคิดนั้นทันที
เฉินเจียเหอสบสายตาคมกริบของแม่ ก็รู้ว่าตัวเองปิดบังอีกไม่ได้ อีกอย่างเรื่องแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง
เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายให้ฟัง
“ช่างกล้าหาญเหลือเกินที่ทำแบบนั้นต่อหน้าธารกำนัล”
โจวลี่หรงในฐานะข้าราชการเกษียณที่ซื่อตรง ไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาขัดตาแม้แต่น้อย
เฉินเจียเหอพูดว่า “มีพ่อคอยปกป้องจึงกล้าทำอะไรตามใจชอบ ลูกหลานเจ้าหน้าที่รัฐที่เสียคนแบบนี้ต้องลงโทษอย่างหนัก”
เมื่อหล่อนได้ยินว่าอีกฝ่ายมีเส้นสาย เข้าออกสถานีตำรวจหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับโทษหนัก หล่อนก็ยิ่งโกรธมาก
ก่อนหน้านี้หล่อนเคยคิดว่ากฎหมายมีความยุติธรรมและเที่ยงตรง แต่หลังจากที่ได้เห็นวิธีการสกปรกต่างๆ ในวงการเจ้าหน้าที่รัฐมามาก หล่อนก็รู้ว่ากฎหมายอาจยุติธรรม แต่อำนาจไม่จำเป็นต้องยุติธรรมเสมอไป
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปคุยกับพ่อเธอ ให้เขากดดันพวกนั้น ลูกชายคนที่ก่ออาชญากรรมมีพ่อเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็จริง แต่เหยื่อก็มีคนคุ้มครองเช่นกัน”
ในอดีต เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ปฏิกิริยาของโจวลี่หรงทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกซาบซึ้ง เขาเอ่ยปากอย่างจริงใจว่า “แม่ครับ ขอบคุณมากครับ”
“ขอบคุณอะไรกัน?” โจวลี่หรงพูด “พวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ ก็แค่ปกป้องสิทธิของตัวเองเท่านั้นเอง”
“พอเถอะ ลูกตั้งใจทำงานให้ดีนะ อย่าให้กระทบกับงาน เรื่องหาทนายแม่จัดการเอง แม่มีคนรู้จัก”
โจวลี่หรงทำงานในตำแหน่งของรัฐบาลมาหลายปี รวมกับลักษณะงานของเฉินเจิ้นเจียงแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่มีเส้นสายอะไรเลย
เพียงแต่ปกติไม่ได้ใช้เท่านั้นเอง
“ขอบคุณแม่ครับ”
“ไปนอนเร็วๆ หน่อยนะ ดูแลเซี่ยเซี่ยให้ดี เจอเรื่องแบบนี้เข้า ตอนกลางคืนอาจจะฝันร้ายได้”
โจวลี่หรงไม่ได้พูดว่า ตอนที่หล่อนยังสาว หล่อนก็เคยเจอเหตุการณ์ที่ถูกคนกอดในความมืดของกลางคืนและพยายามจะฉวยโอกาส
แม้ว่าสุดท้ายจะดิ้นหลุดและหนีไปได้ แต่อีกหลายปีต่อมา หล่อนก็ไม่กล้าเดินคนเดียวในตอนกลางคืน
จนถึงตอนนี้ หล่อนก็ยังคงจำความรู้สึกหวาดกลัวและอับอายในตอนนั้นได้
ตอนนี้ ลูกสะใภ้ก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้ง
หล่อนรู้สึกสงสารหลินเซี่ย และสงสารผู้หญิงทุกคนที่ต้องเดินทางในยามค่ำคืน
เฉินเจียเหอเดินเข้าห้องนอนอย่างเงียบๆ เป็นไปตามที่โจวลี่หรงบอกไว้ คืนนี้หลินเซี่ยนอนไม่หลับสนิท เธอละเมอต่อต้านและตะโกนด่าคนผู้นั้น
เฉินเจียเหอไม่มีอาการง่วงนอนเลย เขากอดภรรยาไว้ในอ้อมกอดแน่น พลางปลอบประโลมเธอเบาๆ
หลินเซี่ยรู้สึกในความฝันว่ามีคนกอดเธอแน่น เธอยิ่งพยายามดิ้นหนีอย่างต่อต้าน
“ที่รัก เป็นผมเอง ผมคือเฉินเจียเหอ”
เมื่อได้ยินเสียงอ่อนโยนของเฉินเจียเหอ หญิงสาวในอ้อมกอดจึงหยุดต่อต้าน และซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา แล้วหลับไป
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ให้มันรู้ไปว่าเซี่ยเซี่ยก็ลูกพระยานาหมื่น ฝ่ายสามีเขาเส้นใหญ่กว่าพ่อแกอีกไอ้หนุ่ม
ไหหม่า(海馬)