ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 869 คลื่นลูกเก่าถูกซัดหายบนชายหาด
ตอนที่ 869 คลื่นลูกเก่าถูกซัดหายบนชายหาด
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเจียเหอขอลาหยุดงาน
แม้ว่าหัวหน้าจะตะโกนใส่โทรศัพท์ให้เขารีบมาทำงาน และให้เวลาลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
แต่เฉินเจียเหอก็ยังวางสายไปอย่างไร้ความปรานี
เขาทำงานหนักเหมือนวัวควายมาทั้งวัน ปกติครอบครัวก็เข้าใจและอดทนกับเขามาก แต่วันนี้ถึงแม้จะลาไม่ได้ เขาก็จะขาดงานเพื่ออยู่บ้านกับภรรยา
เมื่อโจวลี่หรงได้ยินว่าเฉินเจียเหอจะพักหนึ่งวัน หล่อนก็พยักหน้าและบอกให้เขาดูแลบ้าน ส่วนหล่อนจะไปส่งหู่จือแล้วแวะกลับบ้านสักหน่อย
ตอนที่หลินเซี่ยตื่นนอน โจวลี่หรงก็กลับไปที่บ้านแล้ว
เธอเห็นชายคนหนึ่งสวมชุดอยู่บ้านนั่งอยู่ข้างเตียงมองเธออยู่ เมื่อมองนาฬิกาบนผนัง เธอก็ลุกพรวดด้วยความตกใจ “ทำไมคุณไม่ไปทำงาน? สายแล้วใช่ไหม?”
เฉินเจียเหอหัวเราะกับท่าทางของเธอ “ผมไปสายแล้ว ทำไมคุณต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย?”
“วันนี้หยุดพักผ่อน” เขากล่าว
หลินเซี่ยมองเขาอย่างสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของเขา “หยุดพักงั้นเหรอ? นี่มันไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์นะ คุณจะหยุดพักได้ยังไง?”
ช่วงนี้เขาไม่ได้หยุดแม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์
ยุ่งตลอดเวลา ทำงานไม่มีวันหยุด
บอกว่าหลังปีใหม่รถไฟรุ่นใหม่จะเริ่มเปิดให้บริการ
แค่เขาลุกขึ้นได้ก็ต้องไปทำงานแล้ว
เฉินเจียเหอมองเธอ อธิบายอย่างจริงจัง “วันนี้เครื่องจักรมีปัญหานิดหน่อย มีคนกำลังซ่อมอยู่ พวกเราเลยได้หยุด”
หลินเซี่ยได้ยินคำอธิบายของเขา พยักหน้า “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เมื่อรู้ว่าเฉินเจียเหอสามารถพักผ่อนได้หนึ่งวัน เธอก็รู้สึกดีใจมาก
เขาไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มานานแล้ว เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ถูกงานยึดไปหมด ครอบครัวของพวกเขาแทบไม่ได้เพลิดเพลินกับเวลาพักผ่อนอย่างสบายใจในตอนกลางวันเลย
เฉินเจียเหอมองรอยยิ้มแห่งความสุขที่ปรากฏบนใบหน้าของภรรยา ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เพราะงานทำให้เขาไม่ได้ทำหน้าที่ของสามีและพ่อได้อย่างเต็มที่
เวลาที่ได้อยู่กับพวกเขานั้นน้อยเกินไป
เขามองเธอด้วยความคาดหวังและถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณอยากออกไปเดินเล่นไหม? เราจะได้ไปเดินห้าง ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ให้คุณ”
“ไม่เป็นไรหรอก อยู่บ้านนี่แหละ อากาศหนาวขนาดนี้ พาเด็กๆ ออกไปข้างนอกจะหนาวเอาได้”
หลินเซี่ยได้ยินเฉินเจียเหอพูดถึงการไปเดินห้างซื้อเสื้อผ้า เธอก็รู้สึกอยากไปอยู่เหมือนกัน แต่นึกถึงว่าช่วงนี้ไข้หวัดกำลังระบาดหนัก จึงพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน
ถ้าติดเชื้อมาแล้วแพร่ให้ลูกจะเป็นเรื่องใหญ่
เพราะพวกเขาดูแลเรื่องสุขอนามัยได้ดีและให้ความอบอุ่นแก่ลูกสองคนของพวกเขา อย่างเหมาะสม ในฤดูหนาวเด็กๆ จึงแทบไม่เคยเป็นหวัดหรือไข้หนักๆ เลย
การอยู่บ้านอย่างอบอุ่นในฤดูหนาวช่วยลดความกังวลและปัญหาได้มาก
หญิงสาวตรงหน้าช่างเข้าใจเรื่องราวจนทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกเจ็บปวดและอึดอัดใจ แม้ว่านี่จะเป็นความคิดที่ปกติที่สุดสำหรับการเป็นแม่ แต่ภรรยาของเขาก็ยังเด็กมาก ยังเป็นสาวสวยในวัยสดใส ตอนนี้เป็นเพราะลูก เธอจึงไม่ได้คิดถึงตัวเองเป็นอันดับแรกอีกต่อไป
แม้แต่การออกไปเดินเล่นซื้อเสื้อผ้าก็ต้องคำนึงถึงลูก
“ที่รัก หลังจากมีลูกแล้ว ผมทำให้คุณลำบากมากเลย”
“ลำบากตรงไหนล่ะคะ?” หลินเซี่ยเงยหน้ามองเขา “การเป็นแม่มีอะไรที่ลำบากหรือ?”
พูดไม่ทันขาดคำ เสี่ยวหู่ก็ร้องไห้ขึ้นมา
เห็นผ้าอ้อมป่องออกมา หลินเซี่ยก็ผลักลูกชายให้เขาเหมือนกลิ้งลูกบอล “เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หน่อย แล้วก็ซักเสื้อผ้าของเขาด้วย”
พูดว่าเธอลำบาก ไม่ใช่แค่พูดปากเปล่า
ลงมือทำงานชดเชยจะดีที่สุด
เฉินเจียเหอดึงผ้าอ้อมออกอย่างคล่องแคล่ว โอ้โห เมื่อคืนฉี่เต็มเลย
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดและสดชื่นให้ลูกชาย เปลี่ยนผ้าอ้อม แช่เสื้อผ้าไว้ก่อน แล้วอุ่นอาหารเช้าให้หลินเซี่ย
แต่หลินเซี่ยกลับปฏิเสธอย่างแรง แม้แต่คำว่า “ขาหมู” ก็ไม่อยากได้ยิน
“อย่าพูดถึงของอัปมงคลนั่นอีกเลย ฉันจะไม่กินมันอีกแล้ว หู่จือก็จะไม่กิน พวกเราแสลงกับของนั่น”
เฉินเจียเหอหัวเราะแล้วพูดว่า “ได้ งั้นผมจะไปซื้อซี่โครงหมูมาบำรุงให้คุณแทน”
พูดจบเฉินเจียเหอก็หยิบถุงใส่ผักแล้วออกจากบ้านไป
เมื่อเฉินเจียเหออยู่บ้าน หลินเซี่ยก็รู้สึกสบายใจขึ้น
หลังจากนอนหนึ่งคืน ความรู้สึกหวาดกลัวเมื่อวานก็จางหายไปแล้ว
หลินเซี่ยไม่ได้คิดถึงเรื่องน่าหงุดหงิดพวกนั้นอีกต่อไป
เธอกอดลูกชายเล่นอยู่บนโซฟา รอให้เขากลับมาทำอาหารอร่อย ๆ
เฉินเจียเหอซื้อซี่โครงหมูกลับมาแล้วก็ตุ๋นเลย จากนั้นก็ซักผ้า แล้วนั่งดูโทรทัศน์กับภรรยา
ทั้งสามคนนั่งอยู่บนโซฟาเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแสนสบายอันงดงาม
ไม่นานกลิ่นหอมยั่วน้ำลายของซี่โครงหมูก็ลอยอบอวลไปทั่วบ้าน
หลินเซี่ยกลืนน้ำลายอย่างคาดหวัง
ดูเหมือนเสี่ยวหู่ก็ได้กลิ่นหอมเช่นกัน เขาเริ่มน้ำลายไหล
หลินเซี่ยยัดของเล่นสำหรับกัดฟันเข้าไปในปากของเขา เสี่ยวหูชิมดูแล้วไม่มีรสชาติอะไร จึงเอาออกจากปากแล้วโยนทิ้งไปเลย
เฉินเจียเหอเก็บกลับมา มองลูกชายด้วยสายตาดุดัน “โยนอีกจะสับมือนะ”
เสี่ยวหู่เผชิญหน้ากับใบหน้าดุร้ายของเฉินเจียเหอ เด็กน้อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มองเขาอยู่สองสามวินาที แล้วก็ร้องไห้ออกมาดังลั่น
เฉินเจียเหอ “……”
“เสี่ยวหู่อย่าร้องไห้นะ พ่อไม่ดีเอง” หลินเซี่ยรีบอุ้มลูกไปเตรียมอาหารเสริมให้
ตอนนั้นเอง มีคนมาเคาะประตู
เฉินเจียเหอที่กำลังอยู่ในสภาพพูดไม่ออกลุกขึ้นไปเปิดประตู
ใบหน้าหล่อเหลาที่แต่เดิมมีรอยยิ้มพอเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
หยางหงสวมชุดทำงานสีเทาปูน สวมหมวกผ้าฝ้าย บนใบหน้ายังมีคราบน้ำมันเครื่องที่ล้างไม่ออก พอเห็นเฉินเจียเหอก็แสดงสีหน้าร้อนรน “เสี่ยวเฉิน นายอยู่บ้านเหรอ? นายดูสิ ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว ทำไมนายยังไม่ไปที่ทำงานอีก? พวกเราตกลงกันไว้แค่ชั่วโมงเดียวนะ”
เฉินเจียเหอทำหน้าบึ้ง ถามกลับเสียงเข้ม “ใครตกลงกับนายไว้?”
วิศวกรหยางร้อนใจจนเหงื่อท่วมหัว “ตกลงกันทางโทรศัพท์ไง ให้นายลาหนึ่งชั่วโมงไง นายดูสิตอนนี้กี่โมงแล้ว ถ้านายไม่ไป พวกเราอีกไม่กี่คนทำไม่ไหวหรอก”
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีฉันพวกแกก็อยู่ไม่ได้สินะ?” เฉินเจียเหอรู้สึกปวดหัวและโมโห
เขามองชายตรงหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
“ก็แน่นอนสิ พวกเราอยู่ไม่ได้หรอก ตอนนี้งานทั้งหมดหยุดชะงักแล้ว พวกเราติดตั้งชิ้นส่วนที่ซับซ้อนพวกนั้นตามแบบแปลน แต่มันทำงานไม่ปกติ ต้องให้คุณมาช่วย”
เฉินเจียเหอฟังชายตรงหน้าพูด เขาทำงานไม่ดีแต่กลับไม่รู้สึกละอายใจเลยสักนิด ซ้ำยังคิดว่าการพึ่งพาเขาเป็นเรื่องปกติ จึงพูดอย่างไม่พอใจ “ลุงหยาง ก่อนหน้านี้คุณเคยเป็นอาจารย์ของผม ผมเป็นลูกศิษย์ของคุณ แบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ?”
“ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ คลื่นลูกหลังซัดคลื่นลูกหน้า คลื่นลูกหน้าถูกซัดหายบนหาดทรายน่ะ”
วิศวกรหยางหัวเราะคิกคัก “อีกอย่างศิษย์ย่อมเหนือกว่าอาจารย์ มีลูกศิษย์เก่ง ฉันเป็นอาจารย์ก็ภูมิใจนะ”
“อย่ามายกยอผมเลย” เฉินเจียเหอพูดกับเขา “คุณกลับไปก่อนเถอะ บ่ายเราค่อยมาติดตั้งกัน”
กลิ่นหอมของเนื้อซี่โครงลอยออกมาจากในห้อง วิศวกรหยางสูดดมแล้วพูดยิ้มๆ “โอ้ น้องสะใภ้ต้มเนื้อให้คุณเหรอ?”
“ผมต้มเอง” เฉินเจียเหอ ตอบ
วิศวกรหยางได้ยินว่าเฉินเจียเหอกำลังต้มเนื้อ จึงแกล้งลูบท้องพูดว่า “ผมก็หิวแล้วเหมือนกัน”
เฉินเจียเหอไม่มีความตั้งใจจะเชิญเขาเข้าบ้านเลย “รีบไปเถอะ กลับบ้านไปกินข้าวก่อน บ่ายโมงพวกเราจะไปติดตั้ง ทำตามแบบแปลนไม่มีทางเกิดปัญหาหรอก”
“มีปัญหาจริงๆ ครับ” วิศวกรหยางทำหน้าจนปัญญา พวกเขาลองมาทั้งเช้าแล้ว ล้มเหลวหลายครั้ง ไม่สามารถติดตั้งให้สำเร็จได้เลย
เฉินเจียเหอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “นั่นเป็นเพราะพวกคุณทำงานไม่ถูกต้อง”
“กลับไปก่อนเถอะ บ่ายค่อยว่ากัน”
เฉินเจียเหอผลักวิศวกรหยางออกไปนอกประตูอย่างไร้ความปรานี แล้วปิดประตู
หลินเซี่ยเตรียมจะป้อนคุกกี้ให้ลูก แต่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเฉินเจียเหอกับวิศวกรหยางทั้งหมด เธอมองเฉินเจียเหอ มุมปากกระตุกเล็กน้อย “วันนี้คุณหนีงานเหรอ?”
ในใจเธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
หลินเซี่ย “???”
“ให้พวกเขาเห็นความสำคัญของผมบ้าง ว่าถ้าผมไม่อยู่ พวกเขาไร้ประโยชน์แค่ไหน”
เฉินเจียเหอทำหน้าเคร่งเครียด อธิบายให้หลินเซี่ยฟังว่า “ช่วงนี้พวกลุงๆ เหล่านี้ผลักภาระงานหนักทั้งหมดมาให้ฉัน พวกเขามีแนวโน้มที่จะทำงานแบบขอไปที และความสามารถในการทำงานก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด”
หลินเซี่ยหัวเราะพูดว่า “คนเก่งก็ต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นนี่นา”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” เฉินเจียเหอส่ายหน้าพลางยิ้มขื่น “ไม้ซีกเดียวไม่อาจกลายเป็นเรือได้ การทำงานเป็นทีมถือว่าสำคัญมาก งานวิศวกรรมที่ละเอียดอ่อนขนาดนั้นจะพึ่งพาความสามารถของคนเพียงคนเดียวมันเป็นไปไม่ได้”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อย่าคิดโยนงานหนักให้พี่เฉินทำอยู่คนเดียวนะคะ พี่ทำมาเยอะแล้ว
ไหหม่า(海馬)