ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 872 การติดสินบน
ตอนที่ 872 การติดสินบน
หวังจื้อกังมีสีหน้าลำบากใจ ไม่กล้าบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาครั้งนี้
“จริงสิ คุณทำงานที่หน่วยงานไหน?” เฉินเจิ้นเจียงถามเขา
หวังจื้อกังชะงักไปสองสามวินาที ดูเหมือนจะลังเล
ในที่สุดเขาก็บอกหน่วยงานที่ตัวเองทำงาน “ผมทำงานที่กระทรวงแรงงานในเมืองไห่เฉิงครับ”
พอเขาพูดจบ สีหน้าของเฉินเจิ้นเจียงก็เปลี่ยนไปในทันที
กระทรวงแรงงาน…
“คุณมาขอร้องแทนลูกชายใช่ไหม?” เฉินเจิ้นเจียงมองชายตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และถามอย่างเข้มงวด
หวังจื้อกังรู้ว่าพอเขาบอกหน่วยงานที่ทำงาน เฉินเจิ้นเจียงก็จะรู้เจตนาที่เขามาที่นี่ทันที
เขารีบโค้งคำนับขอโทษเฉินเจิ้นเจียง “ท่านผู้กำกับเฉิน ผมขอโทษจริงๆ ลูกชายผมไม่เชื่อฟัง ทำให้ลูกสะใภ้ของท่านไม่พอใจ ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ผมจะสั่งสอนเขาให้ดี ผมหวังว่าท่านจะเมตตา ให้โอกาสเขาได้แก้ตัวสักครั้ง คนหนุ่มสาวบางครั้งก็อาจจะหุนหันพลันแล่นเพราะความรักได้ พวกเราก็เคยเป็นหนุ่มมาก่อน…”
เขาแสดงสีหน้าดุดันอย่างยิ่ง มองอีกฝ่ายแล้วตอบโต้เสียงเข้ม “ประการแรก ลูกชายของคุณไม่ได้แค่ทำให้ลูกสะใภ้ของผมไม่พอใจ แต่มันเป็นอาชญากรรม และเขายังเป็นผู้กระทำผิดซ้ำซาก มีพฤติการณ์ร้ายแรงมาก เขาก่ออาชญากรรมสองข้อหาคือความผิดฐานกระทำลามกอนาจารและพยายามข่มขืน
ประการที่สอง ผมอยากถามว่า อะไรคือการขอให้ผมเห็นแก่หน้า? เขาก่ออาชญากรรม ก็ควรได้รับการลงโทษตามกฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ผมอยากถามว่าที่คุณขอให้ผมเห็นแก่หน้านั้นหมายความว่าอย่างไร? ให้ผมช่วยปกปิดความผิดของลูกชายคุณหรือ?”
“นอกจากนี้ อย่าพูดถึงเรื่องความรักอะไรทั้งนั้น ให้เข้าใจชัดๆ ว่านั่นคือลูกสะใภ้ของผม เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ลูกชายคุณรู้ดีว่าอีกฝ่ายแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังมาตามติดหล่อนและกระทำอนาจาร นี่เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรือ? เป็นความหลงรักหรือ? ไม่ใช่ นี่คือการละเมิดจริยธรรมขั้นพื้นฐานอย่างไม่สนใจกฎหมายต่างหาก”
หวังจื้อกังค้อมตัวลงต่ำขอโทษไม่หยุด “ท่านผู้กำกับเฉิน ผมรู้ว่าลูกชายผมทำผิด ผมจะสั่งสอนเขาอย่างหนักแน่นอน เขาเหลืออีกแค่ครึ่งปีก็จะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ผมไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขา เขาทำเรื่องโง่ๆ ไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกสะใภ้ของท่านบาดเจ็บอะไร เราแก้ไขเรื่องนี้กันเป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ?”
“ผมขอร้องท่านให้โอกาสเขาสักครั้ง ต่อไปถ้าท่านต้องการใช้ผมหวังจื้อกังทำอะไร ผมยินดีบุกน้ำลุยไฟ ไม่มีอะไรที่ผมจะไม่ทำเพื่อท่าน”
เฉินเจิ้นเจียงตอบกลับเสียงเข้ม “ผมให้โอกาสไม่ได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย”
เฉินเจียวั่งกลับมาจากโรงเรียน เห็นพ่อของเขายืนคุยกับชายคนหนึ่งด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ เหมือนจะได้ยินคำว่าลูกสะใภ้
เขาเงี่ยหูฟัง
ได้ยินคร่าวๆ ว่าเหมือนจะมีคนรังแกพี่สะใภ้ของเขา?
ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นพี่สะใภ้คนไหน
ส่วนผู้เฒ่าเฉินที่ปิดประตูไปแล้ว กลัวว่าคนที่หน้าประตูจะถือของไม่ยอมไป เกรงว่าเพื่อนบ้านจะเห็นแล้วส่งผลเสีย จึงเปิดประตูออกมาดูสถานการณ์
พอเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของเฉินเจิ้นเจียงเช่นกัน
แน่นอนว่าเขาก็ได้ยินพวกเขาพูดถึงลูกสะใภ้ของเขาด้วย
ผู้เฒ่าเฉินยืนฟังอยู่ที่ประตูสักพัก แต่ก็ยังฟังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจิ้นเจียง เกิดอะไรขึ้น?” ผู้เฒ่าเฉินมองเฉินเจิ้นเจียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วถาม
เฉินเจิ้นเจียงเห็นบิดาผู้ชราออกมา แล้วก็มองดูเฉินเจียวั่งที่กำลังเดินมาทางเขา
เขาสีหน้าเคร่งเครียด พูดกับหวังจื้อกังว่า “คุณกลับไปเถอะ เรื่องนี้ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม”
“ท่านผู้กำกับเฉิน ขอโอกาสให้พวกเราอีกสักครั้ง…” หวังจื้อกังยังไม่ยอมแพ้ พยายามจะยึดเฉินเจิ้นเจียงเป็นที่พึ่ง
หวังจื้อกังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินเจิ้นเจียงไม่ให้โอกาสเขาเลย
เฉินเจิ้นเจียงพูดกับเฉินเจียวั่งว่า “พาคุณปู่เข้าบ้านไป”
ผู้เฒ่าเฉินมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงมองหวังจื้อกังด้วยสายตาคมกริบแวบหนึ่ง แล้วก็เข้าบ้านไป
เฉินเจิ้นเจียงมองหวังจื้อกังด้วยสายตาตักเตือน แล้วพูดว่า “ผมหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคุณยังมาที่หน้าประตูบ้านเราอีก ผมจะให้ตำรวจเข้ามาจัดการ”
พูดจบ เฉินเจิ้นเจียงก็เดินผ่านหวังจื้อกังเข้าบ้านไป แล้วปิดประตูดังปัง
เมื่อเฉินเจิ้นเจียงเข้าไป ผู้เฒ่าเฉินและเฉินเจียวั่งก็ยืนรออยู่ตรงนั้น
บนใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
หลังจากที่เฉินเจิ้นเจียงปิดประตูและเดินเข้ามา ผู้เฒ่าเฉินก็ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจิ้นเจียง เกิดอะไรขึ้น? คนคนนั้นมาทำอะไร? ฉันได้ยินพวกเธอพูดถึงเซี่ยเซี่ย เซี่ยเซี่ยเป็นอะไรหรือ?”
สีหน้าของเฉินเจิ้นเจียงแสดงความลำบากใจ
เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “พ่อ เรื่องนี้ผมตั้งใจจะไม่บอกพวกคุณ กลัวว่าพวกคุณจะเป็นห่วง ใครจะรู้ว่าคนคนนี้จะกล้าถือของมาติดสินบนผมถึงบ้าน”
“มีอะไรต้องปิดบังด้วย? พวกเรายังไม่ถึงขั้นหลงลืมนะ ทำไมต้องปิดบังพวกเรา?” ผู้เฒ่าเฉินมองเขาด้วยสายตาดุดัน พูดเสียงแข็งว่า “เร็วเข้า บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”
คุณย่าเฉินที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวได้ยินเสียงพวกเขาก็เดินออกมาฟัง
เฉินเจิ้นเจียงจำต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลินเซี่ยให้พวกเขาฟัง
ผู้เฒ่าเฉินฟังคำบอกเล่าของเฉินเจิ้นเจียงแล้วก็โกรธจนตบโต๊ะ
“ไอ้พวกชั่วช้า ช่างเป็นพวกชั่วช้าจริงๆ กระทำการตอนกลางวันแสกๆ ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองเลย บ้าไปแล้ว”
พอเฉินเจียวั่งได้ยินว่ามีนักศึกษาชายมาลวนลามพี่สะใภ้ เขาก็โกรธจัด
“คนที่มาเมื่อกี้เป็นพ่อของไอ้คนที่ก่อเรื่องใช่ไหมครับ?” เขาถาม
เป็นเพราะเฉินเจียวั่งยืนฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่ตรงนั้น และเหมือนได้ยินว่าคนคนนั้นจะพูดว่ารู้จักกับพ่อของเขามาก่อน
เฉินเจิ้นเจียงพยักหน้า “ใช่แล้ว เขามาร้องขอแทนลูกชายเขา ขอให้เรายกฟ้องแล้วจัดการกับเรื่องนี้กันเป็นการส่วนตัว”
ผู้เฒ่าเฉินแค่นเสียง “ฉันก็ว่าอยู่ เอาของขวัญแพงๆ ขนาดนั้นมาด้วยเห็นทีจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ โชคดีที่ฉันไล่เขาไปก่อน”
เฉินเจียวั่งถาม “พ่อ แล้วตอนนี้คนคนนี้ทำงานที่ไหนครับ?”
“กระทรวงแรงงานน่ะ”
“โอ้…” เฉินเจียวั่งหรี่ตาครุ่นคิด “ต้องเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานแบบไหนกันที่ถือบุหรี่ เหล้า แล้วก็ชาแพงๆ มาร้องขอถึงหน้าบ้านคนอื่น เขาเป็นคนซื้อของพวกนั้นเองหรือได้มาจากการติดสินบนและทุจริตกันแน่? แถมวิธีแก้ปัญหาขั้นแรกของเขายังเป็นการติดสินบนเหยื่อด้วย ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกับการใช้วิธีแบบนี้มานาน”
เขาเอ่ยต่อ “ผมคิดว่าไม่เพียงแต่ลูกชายเขาต้องได้รับโทษสถานหนัก แต่ยังต้องมีการสอบสวนวินัยของคนๆ นี้ด้วยครับ”
พ่อแม่ของเขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แน่นอนว่าต้องรู้เรื่องระเบียบการจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอย่างดี
เฉินเจิ้นเจียงกับผู้เฒ่าเฉินมัวแต่โมโหกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้พินิจพิจารณาแง่มุมอื่นในเชิงลึก
หลังได้ยินการวิเคราะห์ของเฉินเจียวั่ง ทั้งพ่อและลูกชายจึงหันมามองเฉินเจียวั่งเป็นตาเดียว
สมองของคนหนุ่มสาวช่างเฉียบคมแจ่มใสดีจริงๆ
พวกเขาที่มีอายุมากขึ้นมักจะตอบสนองต่อปัญหาช้าไปครึ่งจังหวะ ทำให้ไม่ทันได้คิดถึงแง่มุมนี้
จริงด้วย ของมีค่าพวกนั้นก็ไม่ได้มีราคาถูก อีกทั้งยังได้ยินมาว่าการก่ออาชญากรรมหลายครั้งก่อนหน้านี้ของลูกชายหวังจื้อกัง ล้วนถูกหวังจื้อกังใช้อำนาจและเงินทองกดดันให้เงียบไป
ถ้าครั้งนี้เหยื่อไม่ใช่ตระกูลเฉินของพวกเขา เกรงว่าในตอนที่เขาถือของพวกนี้มาที่บ้าน เรื่องก็คงเงียบไปแล้ว
ผู้เฒ่าเฉินพูดกับเฉินเจิ้นเจียงว่า “ฉันว่าเราควรจะรายงานเรื่องนี้จริงๆ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจียวั่งฉลาดมาก แบบนี้มันต้องโดนดีทั้งพ่อทั้งลูก ลูกเลวได้ก็เพราะมีพ่อเลวเป็นตัวอย่างนี่แหละ
ไหหม่า(海馬)
………………..