ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 875 ชวนแฟนสาวไปกินอาหารเย็นที่บ้าน
ตอนที่ 875 ชวนแฟนสาวไปกินอาหารเย็นที่บ้าน
………………..
ตอนที่ 875 ชวนแฟนสาวไปกินอาหารเย็นที่บ้าน
หลินเซี่ยรู้สึกซาบซึ้งใจมากเมื่อเฉินเจียวั่งบอกว่าต่อไปนี้ไม่ว่าเธอจะต้องการอะไร เขาจะไม่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
แต่ก่อนเฉินเจียวั่งมักจะทำตัวหยิ่งผยอง แต่ตอนนี้เขามองพี่สะใภ้คนโตด้วยสายตาที่จริงใจ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจ
“นั่นถูกต้องแล้ว พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าต่อไปนายจะรุ่งโรจน์แค่ไหนในโลกภายนอก แต่ต่อหน้าครอบครัวตัวเองต้องจริงใจ ไม่ควรหาเงินจากครอบครัว”
ผู้เฒ่าเฉินมองเฉินเจียวั่งแล้วพูดอย่างจริงใจว่า “พี่สะใภ้ของเธอเป็นผู้มีพระคุณนะ เธอลองคิดดู ตอนอยู่โรงเรียนก็เคยช่วยชีวิตเธอ หลังจากนั้นพอแต่งงานกับพี่ใหญ่ของเธอ ก็ให้กำลังใจเธอมาตลอด คอยช่วยวางแผนเรื่องการรักษาของเธอ แล้วก็การเข้าร่วมประกวดออกแบบครั้งนี้ก็เป็นพี่สะใภ้อีกนั่นแหละที่บอกข้อมูลการแข่งขันให้เธอ ดังนั้นหล่อนถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของเธอ”
เฉินเจียวั่งตอบด้วยสีหน้าจริงใจว่า “คุณปู่พูดถูกครับ พี่สะใภ้เป็นผู้มีพระคุณของผม ผมรู้สึกขอบคุณหล่อนมาตลอด”
ไม่เพียงแต่สิ่งที่คุณปู่ยกตัวอย่างมาเท่านั้น แม้แต่แฟนของเขา ก็เป็นหลินเซี่ยที่ช่วยจับคู่ให้
พูดถึงแฟน ดวงตาของเฉินเจียวั่งก็อ่อนโยนลง เขามองคุณปู่คุณย่า อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล
“รู้ก็ดีแล้ว ต่อไปต้องพยายามให้มาก ถ้าพี่ชายพี่สะใภ้ต้องการอะไร เธอต้องไม่ปฏิเสธ ไม่ควรพูดถึงเรื่องผลประโยชน์กับพวกเขา”
หลินเซี่ยรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินคุณปู่ตำหนิเฉินเจียวั่งเช่นนั้น
จริงๆ แล้วเมื่อครู่เธอก็แค่พูดเล่น หากในอนาคตเฉินเจียวั่งประสบความสำเร็จในวงการออกแบบสถาปัตยกรรม ในฐานะครอบครัวพวกเขาย่อมรู้สึกภาคภูมิใจ แต่ในแง่ธุรกิจ ถึงตอนนั้นก็คงไม่กล้าขอใช้บริการฟรีๆ
เธอเองก็เชื่อว่าตัวเองก็จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจจะขยายใหญ่ขึ้น และจะไม่ขาดแคลนค่าออกแบบเล็กๆ น้อยๆ นั่น
โจวลี่หรงเดินออกมาจากห้องครัว ยิ้มพลางถามพวกเขาว่า “เสร็จธุระกันแล้วหรือ? มากินข้าวกันเถอะ”
“แม่ เสร็จแล้วครับ”
ปกติเฉินเจิ้นเจียงกับหู่จือไม่กลับมากินข้าวในตอนเที่ยง ที่บ้านมักมีแค่คุณปู่คุณย่าสองคน แต่วันนี้มีหลินเซี่ยกับเฉินเจียวั่งอยู่ด้วย และยังมีเสี่ยวหู่อีก ในบ้านจึงคึกคักขึ้นมาก
ใบหน้าของคุณปู่คุณย่าตระกูลเฉินเปื้อนยิ้มตลอดเวลา เห็นลูกหลานแล้วอารมณ์ดี
โดยเฉพาะเสี่ยวหู่ที่เริ่มส่งเสียงอ้อแอ้แล้ว ทุกคนในบ้านล้วนมองดูเขา บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
โจวลี่หรงกลัวเด็กจะหกล้ม หล่อนจึงอุ้มเสี่ยวหูไว้ บอกให้คนอื่นกินก่อน
อาหารถูกยกขึ้นโต๊ะ แต่โจวลี่หรงกลับอุ้มเด็กไว้ไม่ยอมกินด้วย ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูแปลกไป
โจวลี่หรงรู้สึกว่าเสี่ยวหู่ซุกซนมาก กลัวว่าเขาจะพลิกรถเข็นเด็กคว่ำ หล่อนจึงไม่อยากวางเด็กลง
“ลี่หรง เธออุ้มเขาไว้ก่อน ฉันจะรีบกินข้าว เดี๋ยวฉันจะสลับกับเธอ” คุณย่าเฉินบอก
หลินเซี่ยไม่สามารถโน้มน้าวพวกหล่อนได้ จึงต้องรีบกินอาหารในชามของตัวเอง
เฉินเจียวั่งก้มหน้ากินข้าว กินไปครึ่งทางเขาก็วางตะเกียบลง มองดูโจวลี่หรง แล้วมองดูคุณปู่คุณย่าของเขา
เขาถามโจวลี่หรงว่า “แม่ครับ ช่วงนี้แม่มีเวลาอยู่บ้านไหม?”
“มีสิลูก พี่สะใภ้ใหญ่กับเสี่ยวหู่มาที่นี่ พวกเราก็อยู่บ้าน ไม่มีธุระอื่น”
โจวลี่หรงพูดจบก็หันไปถามหลินเซี่ยอย่างเอาใจใส่ “เซี่ยเซี่ย ช่วงนี้ไม่มีอะไรใช่ไหม?”
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ ฉันแค่ไปดูร้านบ้างตอนว่าง นอกนั้นก็ไม่มีอะไร”
“งั้นก็ไม่มีอะไร” โจวลี่หรงมองไปที่ลูกชายแล้วถามว่า “ลูกมีอะไรให้แม่ช่วยไหม?”
เฉินเจียวั่งสบตาแม่ของเขาแล้วก็หลบสายตาด้วยท่าทางหลุกหลิก หลังอ้ำอึ้งไปหลายวินาที เขาก็เอ่ยตะกุกตะกัก “คือผม…ผมอยากชวนอวี่เฟยมากินข้าวเย็นที่บ้านเราน่ะครับ”
หลังได้ยินคำพูดของเฉินเจียวั่ง โจวลี่หรงและสองผู้เฒ่าตระกูลเฉินก็มองเขาพร้อมกับมีสีหน้ายินดี
“ครับ”
ดวงตาหลินเซี่ยสั่นไหวเล็กน้อย ถามเป็นเชิงกึ่งสัพยอก “ชวนมาในฐานะอะไรเหรอ?”
ดูจากท่าทางแบบนี้ จากแฟนกันหลอกๆ คงกลายเป็นชอบกันจริงๆ เลยเผยไต๋ออกมาแล้วสินะ?
สองคนนี้คบกันแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ สินะ
แต่ก็ดีที่สุดท้ายก็คบกัน
ผู้เฒ่าเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เซี่ยเซี่ย จากที่เธอพูดมานี่ เหมือนจะบอกว่าเป็นฐานะแฟนสาวเลยนะ”
หลินเซี่ยมองเฉินเจียวั่งด้วยสายตาไม่แยแส ราวกับเป็นการยืนยันคำพูดเขา
“ในฐานะแฟนน่ะครับ” เขารู้สึกประหม่าในตอนแรก แต่ทันใดนั้นก็คิดได้ว่าตัวเขาเองก็อายุพอๆ กับหลินเซี่ย ซึ่งเธอก็มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของเขา และยังเป็นแม่ลูกสอง
เขายังจะมีอะไรให้ประหม่าอีกล่ะ?
ดังนั้นเขาจึงกระแอมเบาๆ ยืดหลังตรงและพูดว่า “ผมอยากเชิญหล่อนมาที่บ้าน เพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการในฐานะแฟนสาวของผมกับครอบครัวครับ”
“เธอได้พบพ่อแม่หล่อนอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง?” ผู้เฒ่าเฉินมองเขาด้วยรอยยิ้มและถามอย่างใคร่รู้
เฉินเจียวั่งส่ายหน้า “ยังครับ ช่วงนี้พ่อหล่อนค่อนข้างยุ่ง ผมอยากให้หล่อนมาที่บ้านเราก่อน”
เขาหันไปถามโจวลี่หรง “แม่ครับ แม่ว่าวันสุดสัปดาห์นี้เป็นไงครับ? แม่มีเวลาต้อนรับไหม?”
เมื่อเขาได้ตกลงเป็นแฟนกับเจียงอวี่เฟยแล้ว เขาก็หวังว่าหล่อนจะมาพบผู้ใหญ่ที่บ้านอย่างเป็นทางการ และได้รับความสนใจ
โจวลี่หรงยิ้มและตอบตกลง “ได้สิ ได้เลย อวี่เฟยเรียนวันเสาร์ใช่ไหม? งั้นก็วันอาทิตย์แล้วกัน เราจะเตรียมตัวล่วงหน้า ตอนนั้นพ่อของลูกกับพี่ใหญ่ก็หยุด แล้วก็มีพี่รองกับพี่สะใภ้รองด้วย บอกพวกเขาล่วงหน้าด้วยนะ”
เฉินเจียวั่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยอยากบอกพี่ชายคนรองเท่าใด
โจวลี่หรงมองความคิดของเขาออก จึงพูดว่า “เจียวั่ง ลูกไม่ควรกีดกันพี่รองของลูกตลอดเวลาแบบนี้ ถ้าลูกปฏิบัติต่อเขาแตกต่างจากคนอื่น พี่สะใภ้รองของลูกจะคิดยังไง?”
เฉินเจียวั่งทำหน้าเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “แม่ครับ ผมยินดีต้อนรับพี่สะใภ้รองมาแน่นอน แต่พี่ชายรองนี่สิปากไม่มีหูรูด พูดอะไรไม่คิด”
“ลูกไม่ต้องกังวล แม่จะบอกเขาล่วงหน้าว่าให้ระวังปากระวังคำพูด ไม่ต้องทำตัวเด่น”
โจวลี่หรงพูดว่า “นั่นเป็นพี่ชายแท้ๆ ของลูก ถึงแม้ตอนนี้เขาจะแยกออกไปอยู่ต่างหาก แต่งานที่พี่สะใภ้คนโตของลูกมีส่วนร่วมได้ เขากับพี่สะใภ้รองก็ต้องมาร่วมด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าลูกแต่งงานแล้วเขาไม่มา ลูกจะไม่เสียใจหรือ? คนอื่นจะมองความสัมพันธ์พี่น้องของพวกลูกยังไง? เป็นครอบครัวเดียวกันต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา รักใคร่กลมเกลียวกันถึงจะถูก”
คำพูดของโจวลี่หรงทำให้ผู้เฒ่าเฉินพยักหน้าเห็นด้วยหลายครั้ง “เจียวั่ง แม่เธอพูดถูก พี่น้องต้องรักใคร่สามัคคีกัน พี่รองของเธอไม่ได้มีความมั่นคงเท่าเธอกับพี่ใหญ่ ต่อไปพวกเธออย่าได้รังเกียจเขา ต้องพยายามชักนำให้เขาก้าวหน้าไปด้วยกัน”
เฉินเจียวั่งพูดว่า “ชักนำไม่ไหวหรอกครับ!”
ผู้เฒ่าเฉินทำหน้าบึ้งตำหนิเขา “เจ้าหนู เธอมีอคติกับพี่รองมากเกินไปแล้วนะ”
ถึงผู้เฒ่าเฉินจะเข้าข้างเฉินเจียวั่งเพราะเรื่องสุขภาพของเขา แต่เขาก็อยากเห็นพี่น้องทั้งสามคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมากกว่า
“ผมขอตัวไปแก้แบบของพี่สะใภ้ใหญ่ก่อนนะครับ งั้นก็นัดวันอาทิตย์นะครับ ผมจะพาอวี่เฟยมาด้วย”
เฉินเจียวั่งพูดอย่างเย็นชาแล้วถือหนังสือของตัวเองขึ้นไปชั้นบน
ผู้เฒ่าเฉินถอนหายใจ “ดูท่าทางแล้ว ในใจของเจียวั่งคงมีความรู้สึกห่างเหินและอคติต่อเจียซิ่งนะ”
“ฉันว่าไม่ใช่ความห่างเหินหรอก เป็นเพราะเขากลัวเจียซิ่งต่างหาก” คุณย่าเฉินกล่าว “คิดดูสิว่าในการแต่งงานครั้งก่อนของเจียซิ่ง ใครคือคนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด? ฉันคิดว่าเจียวั่งได้รับบาดเจ็บมากกว่าเจียซิ่งเสียอีก เสิ่นเสี่ยวเหมยสาปแช่งด่าทอเจียวั่ง ทำให้เขาป่วย แต่ก่อนเจียซิ่งก็มักจะคล้อยตามเสิ่นเสี่ยวเหมยและรังเกียจเจียวั่ง เด็กคนนี้คงรู้สึกได้แน่”
โจวลี่หรงพูดกับคนทั้งสองว่า “พ่อ แม่ เรื่องนี้พวกคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะพูดกับเจียวั่งให้ดี และจะตักเตือนเจียซิ่งด้วย”
ตอนนี้โจวลี่หรงเป็นเสาหลักของครอบครัวจริงๆ และเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆ ด้วย ผู้เฒ่าเฉินจึงมองโจวลี่หรงด้วยสายตาชื่นชม ยิ้มพูดว่า “ลี่หรงเอ๋ย เห็นเธอเปลี่ยนไปมากแบบนี้ เข้ากับเด็กๆ ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ดีใจมากนะ แต่ก่อนฉันมักกังวลเรื่องนิสัยของเธอที่มักจะมีช่องว่างกับเด็กๆ เหลือเกิน”
คุณย่าเฉินกลัวว่าคำพูดของสามีจะทำให้โจวลี่หรงไม่พอใจ จึงจ้องมองเขาแล้วพูดว่า “ตาเฒ่า พูดอะไรของคุณน่ะ? แม่มีช่องว่างกับลูกที่ไหนกัน แต่ก่อนลี่หรงต้องทำงาน จำเป็นต้องมีความน่าเกรงขาม ตอนนี้เกษียณแล้ว ก็เป็นแค่แม่ธรรมดาคนหนึ่ง นิสัยก็ต้องเปลี่ยนไปอยู่แล้ว”
โจวลี่หรงขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา “พอเถอะค่ะ มะรืนนี้อวี่เฟยจะมากินข้าว พวกเราต้องทำความสะอาดบ้านกันก่อน”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยทำความสะอาดด้วย”
หลินเซี่ยช่วยโจวลี่หรงล้างจาน แล้วก็ตามโจวลี่หรงไปทำความสะอาด
โจวลี่หรงไม่ปล่อยให้เธอทำ แต่ตอนนี้เธอกำลังว่างจนไม่มีอะไรทำ ประกอบกับฐานะหลานสะใภ้ใหญ่ยามอยู่ที่นี่แล้ว เธอจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ว่างๆ
หากเธอไม่ไปช่วย หญิงชราคงเป็นคนที่วิ่งวุ่นทำงานไปทั่วแทน
“เซี่ยเซี่ย ช้าๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบทำหรอก”
หลินเซี่ยทำความสะอาดชั้นวางของและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่คะ ฉันไม่ได้รีบสักหน่อย ฉันแค่รู้สึกมีกำลังใจที่จะทำงานนี้แล้วก็คิดว่าจัดการได้น่ะค่ะ”
ในตอนที่ทำความสะอาดห้องน้ำ โจวลี่หรงก็บอกห้ามไม่ให้หลินเซี่ยทำอะไรทั้งสิ้น และบอกว่าหล่อนจะทำงานนี้เอง
“ฟังแม่เถอะ เธอออกไปก่อน แม่จะทำงานนี้เอง” โจวลี่หรงมองหญิงสาวที่มีเหงื่อผุดพรายบนหน้าผากจากการทำงานหนัก และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เธอไม่ต้องกังวล เดี๋ยวอีกหน่อยก็มีงานให้เธอทำแน่ๆ เมื่อไหร่ที่หู่จือกับเสี่ยวหูพาแฟนมาที่บ้านบ้าง ถึงตอนนั้นแหละหน้าที่พวกนี้จะเป็นของเธอ”
“งั้นฉันไม่ทำแล้วกันค่ะ ต่อไปจะปล่อยให้หน้าที่ล้างห้องน้ำเป็นของเจียเหอกับลูกชายทั้งสองของเขาแทน”
โจวลี่หรงยิ้ม เอ่ยกลับ “ก็ได้ ในเมื่อเธอสั่งพวกเขาได้น่ะนะ แม่สั่งพวกเขาแบบนั้นไม่ได้หรอก”
ความจริงไม่ใช่ว่าหล่อนสั่งพวกเขาไม่ได้ หล่อนแค่ทนไม่ได้ที่เห็นผู้กำกับเฉินต้องเหน็ดเหนื่อยอีกรอบหลังกลับมาจากการทำงานที่แสนลำบาก
ทั้งยังกลัวว่าคนแก่ทั้งสองคนจะเป็นห่วงลูกชายของพวกเขา
ในวัยที่ต้องดูแลทั้งคนแก่และเด็ก มักจะมีความจำยอมและความขมขื่นมากมายที่ต้องกลืนกินไว้เอง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ในที่สุดก็สารภาพเรื่องแฟนกับทางบ้านเสียที ลุ้นตั้งนานเลยเจียวั่ง
ไหหม่า(海馬)