ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 877 ผู้ชายเถรตรงเริ่มรู้ใจตัวเอง
ตอนที่ 877 ผู้ชายเถรตรงเริ่มรู้ใจตัวเอง
วันอาทิตย์นี้เจียงอวี่เฟยจะมากินข้าวที่บ้าน ทุกคนในครอบครัวต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
ครั้งที่แล้วที่เจียงอวี่เฟยมา พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นแค่การตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่นของเฉินเจียวั่ง เพียงเพราะต้องการเอาชนะป้าสะใภ้รองของเขาเท่านั้น
หลังจากนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าด้วยนิสัยเสียของเจ้าสามแล้ว เจียงอวี่เฟยคงทนไม่ไหวแน่ ๆ
เฉินเจียวั่งไม่รู้วิธีเอาใจผู้หญิงเลยสักนิด เอาแต่ทำตัวเย็นชาทั้งวัน ในขณะที่เจียงอวี่เฟยทั้งเก่งทั้งดี หากเขาคว้าหล่อนไว้ได้ก็เป็นเรื่องน่าแปลก
แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าหนุ่มนี่ก็มีดีเหมือนกัน สามารถเอาชนะใจสาวสวยได้สำเร็จ
ในเมื่อตอนนี้เขาพาหล่อนกลับมากินข้าวที่บ้านได้ แสดงว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงจะมั่นคงมากแล้ว
แม้แต่เฉินเจียเหอที่ต้องทำงานล่วงเวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ยังไปทำงานแค่ช่วงเช้าและกลับมาตอนกลางวัน
ในที่สุดความรักของน้องชายก็เป็นที่แน่นอนเสียที เฉินเจียเหอย่อมดีใจยิ่งกว่าใคร ๆ
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เธอรู้ดี
เจียงอวี่เฟยแอบชอบเฉินเจียวั่งตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ไม่สิ ตอนนั้นเขายังชื่อโจวอี้อยู่เลย
แต่การแอบชอบก็ต้องมีขอบเขต เฉินเจียวั่งเป็นผู้ชาย หากเขาไม่สนใจความรู้สึกของผู้หญิงอย่างหล่อนเลย เจียงอวี่เฟยก็คงจะยอมแพ้ไปแล้ว
โชคดีที่เฉินเจียวั่งไม่ได้เฉยชาเกินไป
เฉินเจียเหอวิเคราะห์ว่า “ที่จริงแล้ว รางวัลการออกแบบครั้งนี้ทำให้เขามีกำลังใจและความมั่นใจมากขึ้นนะ เจียงอวี่เฟยเป็นคนเก่ง ส่วนน้องสามก็เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง พอเขาได้รับรางวัล ทั่วทั้งตัวเขาก็เปล่งประกายความมั่นใจออกมาเลยล่ะ”
หลินเซี่ยพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม “ที่คุณพูดมาน่ะถูกต้อง ฉันเองก็รู้สึกว่าช่วงนี้น้องสามเปลี่ยนไปเยอะ เขาดูอ่อนโยนกับพวกเรามากขึ้นด้วยนะ แล้วยังบอกกับฉันเมื่อวันก่อนว่าต่อไปนี้ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือ เขาจะออกแบบให้ฟรีไม่คิดเงินเลย”
“อย่างน้อยเจ้าเด็กนี่ก็ยังรู้บุญคุณคนบ้าง” เมื่อได้ยินว่าเฉินเจียวั่งจะออกแบบให้ภรรยาเขาฟรี เฉินเจียเหอก็ยิ้มกว้างด้วยความยินดี
อย่างน้อยความรักที่มีให้ก็ไม่สูญเปล่า
“เขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก ตอนนี้ร่างกายแข็งแรงเรียนทันเพื่อนแล้ว อนาคตต้องสดใสอย่างแน่นอน”
ชาติที่แล้ว เฉินเจียวั่งตัดสินใจปลิดชีพตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย พอมาชาตินี้โชคชะตาของเขาก็ได้พลิกผัน อีกหน่อยต้องเปล่งประกายในวงการสถาปัตยกรรมอย่างแน่นอน
พอตกบ่าย เฉินเจียซิ่งก็กลับมาพร้อมกับหยางหงเสีย
พอได้ยินว่าน้องชายคนเล็กจะพาแฟนมากินข้าวที่บ้าน พวกเขาก็ดีใจกันใหญ่
เฉินเจียซิ่งเห็นหลินเซี่ยแล้วก็รีบทักทายอย่างกระตือรือร้นกว่าทุกครั้ง
กลัวว่าหลินเซี่ยจะยังโกรธเรื่องที่เขาเคยพูดไม่ดีออกไป
เฉินเจียซิ่งเดินเข้าไปใกล้โจวลี่หรง แล้วถามว่า
“แม่ เจียวั่งจะพาเจียงอวี่เฟยมาบ้านอีกแล้วเหรอ? คราวนี้พวกเขาตกลงคบกันแล้วใช่ไหม?”
โจวลี่หรงตอบ “ลูกไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของเขาหรอก จะตกลงคบกันหรือเปล่าก็เป็นเรื่องของเขา อีกเดี๋ยวอย่าไปพูดอะไรมั่วๆ ล่ะ”
“แม่ ผมแค่เป็นห่วงน้องชายเอง จะไปพูดมั่วๆ ได้ยังไง?”
เฉินเจียซิ่งไม่พอใจที่โจวลี่หรงพูดแบบนั้น
ทำไมเดี๋ยวนี้เขาพูดอะไรก็ดูผิดไปหมด?
โจวลี่หรงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อธิบายว่า
“พวกเราอย่าไปยุ่งเรื่องอื่น ๆ เลย วันนี้เจียวั่งแค่พาอวี่เฟยมารับประทานอาหารด้วยกัน ถือเป็นการประกาศความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ พวกเราก็ควรทำตัวให้รู้กาลเทศะหน่อย”
“เข้าใจแล้วครับ ผมไม่ถามแล้ว”
หยางหงเสียรีบเข้ามาช่วยงานบ้านทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน ส่วนโจวลี่หรงเตรียมอาหารไว้เกือบหมดแล้ว
หล่อนยังตั้งใจสั่งอาหารจานเด็ดกระบวนการปรุงยุ่งยากจากร้านอาหารมาเพิ่มอีกหลายอย่าง
ประมาณห้าโมงเย็น เฉินเจียวั่งก็พาเจียงอวี่เฟยมาถึง
เจียงอวี่เฟยซื้อของขวัญติดไม้ติดมือมาด้วยมากมาย พอมาถึงหน้าหมู่บ้านพักทหาร หล่อนก็หยุดเดินด้วยความประหม่า
ครั้งแรกที่มาที่นี่ หล่อนถูกเฉินเจียวั่งลากตัวมาให้สวมรอยเป็นแฟนของเขา
ตอนนั้นหล่อนแค่ต้องการแสดงบทบาทของตัวเองให้สมจริงเพื่อตบตาพวกเขาไปเท่านั้น
บัดนี้การแสร้งทำกลายเป็นเรื่องจริงจัง ความรักในความลับของหล่อนก็สัมฤทธิ์ผล
เฉินเจียวั่งเห็นหล่อนหยุดเดิน ยืนสูดหายใจเข้าลึก เขาก็ถามว่า “เป็นอะไรไป”
เจียงอวี่เฟยมองเขา เอ่ยปากเสียงแผ่วเบา “ตื่นเต้นน่ะ”
เฉินเจียวั่งถือกล่องของขวัญที่เจียงอวี่เฟยซื้อมา พูดขึ้นลอยๆ “มีอะไรน่าตื่นเต้น ใช่ว่าคุณไม่เคยมาสักหน่อย คุณเองก็รู้จักครอบครัวผมดี แถมพี่สะใภ้ใหญ่ก็อยู่ด้วย”
เจียงอวี่เฟยพูดอู้อี้ “จะเหมือนกันได้ยังไง ก่อนหน้านี้แค่แสดงละครน่ะ”
“สำหรับคุณมันอาจต่างกันที่ความรู้สึก แต่สำหรับครอบครัวผมแล้วมันไม่ได้ต่างกันตรงไหน คุณยิ่งแสดงออกว่าตื่นเต้นมันจะยิ่งโป๊ะแตกเอานะ”
ครั้งแรกที่หล่อนมา หล่อนไม่รู้สึกประหม่าเลย แต่ทำไมตอนนี้หล่อนถึงประหม่าขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล
แต่ละคนในครอบครัวนี้ล้วนฉลาดเป็นกรด ถึงพี่สะใภ้จะไม่พูด พวกเขาก็คงคิดอะไรไปไกลแล้ว
เฉินเจียวั่งไม่เข้าใจความรู้สึกของหล่อนเลยสักนิด แถมยังไม่ปลอบหล่อนอีก
เจียงอวี่เฟยจึงเบะปากอย่างงอนๆ “ถ้าความลับแตกก็ช่างมัน ฉันจะบอกว่าที่จริงแล้วคุณเป็นคนขอให้ฉันมาเป็นแฟนปลอมๆ ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้สักหน่อย”
ใกล้จะถึงบ้านแล้ว ทำไมหล่อนยังทำตัวแบบนี้อีก?
เห็นเขาไม่พูดอะไร เจียงอวี่เฟยก็ยิ่งโมโห แต่หล่อนก็รู้ดีว่าตัวเองเจอคนแบบไหนเข้าแล้ว
หล่อนนึกถึงคำพูดของหลินเซี่ย… ปรับทัศนคติ!
ดังนั้นหล่อนจึงทำได้แค่รวบรวมความกล้า บอกเขาไปว่า
“คุณจะทำเก๊กไปทำไมเนี่ย? ตอนนี้คุณควรจะปลอบฉัน หัดพูดอะไรดีๆ หน่อยสิ”
เฉินเจียวั่ง “ผมทำไม่ได้”
“คุณ…”
เจียงอวี่เฟยหันหลังกลับ ไม่ยอมตามใจเขา “งั้นฉันกลับล่ะ ไม่ไปดีกว่า”
ไม่ไปหรือ?
หล่อนเลือกที่จะไม่ไปก็ได้นี่นา
“ผม… คุณอย่าประหม่าไปเลย ครอบครัวผมใจดีทุกคน พวกเขาชอบคุณมาก เห็นคุณมารับรองว่าจะต้องดีใจกันยกใหญ่ แม่ผมน่ะ ตั้งแต่เมื่อวานก็เริ่มทำความสะอาดบ้านใหญ่โตเตรียมต้อนรับคุณแล้ว แล้วยังมีพี่สะใภ้ใหญ่ เพื่อนรักของคุณนั่นแหละ หล่อนก็ไม่ได้กลับบ้าน ไปรอคุณอยู่ที่บ้านเหมือนกัน”
“ผมก็ดีใจมากที่พาคุณไปบ้านในฐานะแฟน ครั้งนี้ความรู้สึกมันต่างจากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิงเลยนะ”
เฉินเจียวั่งมองหน้าหล่อน พูดอย่างจริงใจ “ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่คู่ควรกับคุณ ถึงในใจจะชอบคุณ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากออกไป อาจเป็นเพราะไม่มั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“คุณอย่าประหม่านะ ไปถึงก็ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองนั่นแหละ ยังไงซะอีกหน่อยที่นี่ก็ต้องเป็นบ้านของคุณอยู่แล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็จะยืนอยู่ข้างหน้า คอยปกป้องคุณเอง”
สีหน้าเจียงอวี่เฟยเริ่มผ่อนคลายลง เบ้ปากเล็กน้อย “โอเคๆ รู้แล้ว น่าสงสารจัง ไปกันเถอะ”
เจียงอวี่เฟยแม้ปากจะบ่น แต่ในใจกลับหวานชื่นจนยิ้มแก้มปริ
การที่เฉินเจียวั่งเอ่ยถ้อยคำแบบนี้ได้ถือว่าเหนือความคาดหมายมาก
ก่อนหน้านี้นายคนนี้เย็นชาเยี่ยงภูเขาน้ำแข็ง ขณะนี้กลับกล้าสารภาพความในใจ แสดงความกระตือรือร้นอยากพาหล่อนไปพบครอบครัว นี่ไม่เท่ากับแสดงถึงความจริงใจที่เขามีต่อความสัมพันธ์ครั้งนี้หรอกหรือ
เอาเข้าจริง การถูกเขาจูงมือเดินกลางชุมชนบ้านพักทหารเช่นนี้ ทำให้เจียงอวี่เฟยออกอาการขัดเขินอยู่บ้าง
ทว่าหล่อนก็ไม่ได้สะบัดมือหนี เพียงแต่ก้มหน้าก้มตาเดินเคียงข้างเขาไป
ทั้งคู่เพิ่งจะได้จูงมือกันเดิน ทันใดนั้นก็มีเสียงแซวลอยมาจากด้านข้าง “เจียวั่ง นี่มัน…”
ลุงจางเพื่อนบ้านมองมือของคนทั้งคู่ด้วยสายตาเป็นนัย
เจียงอวี่เฟยเห็นดังนั้น จึงรีบชักมือกลับ
ทว่าเฉินเจียวั่งกลับคว้ามือหล่อนไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
“ลุงจาง นี่แฟนผม” เฉินเจียวั่งแนะนำหญิงสาวข้างกายอย่างไม่ปิดบัง แถมยังเลิกคิ้วถามอย่างภูมิใจ “สวยไหมครับ?”
“สวย” ลุงจางกับภรรยาถึงกับยืนอึ้ง พวกเขาไม่คิดว่าเฉินเจียวั่งลูกชายคนที่สามของบ้านเฉินที่ปกติเก็บตัวและเย็นชาจะกล้าเปิดเผยเรื่องความรักได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับกล้ากุมมือแฟนสาวต่อหน้าธารกำนัล แถมแฟนสาวยังสวยสะดุดตาเสียด้วย
“สวัสดีค่ะลุงจาง” เจียงอวี่เฟยเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ เมื่อได้ยินเฉินเจียวั่งเรียกชายสูงวัยว่าลุงจาง
ลุงจางยิ้มแก้มปริ “สวัสดีหนู หนูนี่ทั้งสวยทั้งเรียบร้อยจริง ๆ”
เจียงอวี่เฟยยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำชม ส่วนเฉินเจียวั่งก็มีรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก
เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เฉินเจียวั่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือหล่อน
เขาไม่ได้พกกุญแจ จึงจำเป็นต้องปล่อยมือเจียงอวี่เฟยเพื่อจะได้เคาะประตู
แต่ก่อนที่มือจะสัมผัสกับประตูบานนั้น ประตูกลับเปิดออกเสียก่อน
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พอทิ้งความเย็นชาลงแล้ว เจียวั่งก็น่ารักมากเลยนะเนี่ย อวี่เฟยไม่ต้องรอนานแล้ว
ไหหม่า(海馬)