ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 880 ฉันหย่าแน่ถ้าคุณเปลี่ยนงานอีก
ตอนที่ 880 ฉันหย่าแน่ถ้าคุณเปลี่ยนงานอีก
“ดึกแล้ว ผมไปส่งอวี่เฟยกลับบ้านก่อนนะครับ” เฉินเจียวั่งบอก
เฉินเจียซิ่งกับหยางหงเสียก็คิดจะกลับบ้านตัวเองไปพร้อมกับพวกเขาเหมือนกัน
ในระหว่างทางกลับบ้าน เฉินเจียซิ่งก็อดไม่ได้ที่จะถามหยางหงเสียว่า “หงเสีย คุณเคยคิดที่จะเปลี่ยนงานบ้างไหม?”
หยางหงเสียได้ยินเฉินเจียซิ่งถามเช่นนั้นก็มองหน้าเขาด้วยความสงสัย
แสงไฟสลัวข้างทางทำให้หล่อนมองไม่ชัดนักว่าสีหน้าของเฉินเจียซิ่งตอนนี้เป็นอย่างไร น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูเหมือนพูดเล่นๆ หยางหงเสียเลยคิดว่าเขาคงพูดเล่น จึงตอบกลับไปว่า “เปลี่ยนงานอะไรล่ะคะ? จะไปเปลี่ยนที่ไหนได้?”
เฉินเจียซิ่งพูดต่อ “ตอนนี้คุณก็ถือว่าเป็นงานเป็นการแล้ว ฝีมือขนาดนี้ ไปสมัครงานที่ร้านอื่นยังไงก็ได้งานแน่ๆ”
หยางหงเสียจึงรู้สึกได้ว่าเฉินเจียซิ่งกำลังคุยเรื่องนี้กับหล่อนอย่างจริงจัง หล่อนหยุดเดินแล้วมองหน้าเฉินเจียซิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะถามว่า “คุณหมายความว่ายังไงคะ? อยากให้ฉันลาออกไปหางานที่อื่นทำงั้นเหรอ?”
เฉินเจียซิ่งเอามือลูบจมูกแล้วตอบแบบขอไปทีว่า “ก็ไม่เชิงหรอก แค่ผมคิดว่าเผื่อวันไหนพี่สะใภ้ใหญ่ไม่อยากจ้างพวกเราทำงานแล้ว พวกเราก็ต้องหางานใหม่ทำถูกไหมล่ะ”
เมื่อหลายวันก่อนเฉินเจียซิ่งพูดจาไม่ระวังปากจนหลินเซี่ยบอกให้เขาลาออกไป แต่เขาก็ไม่ได้กลับไปบอกเรื่องนี้กับหยางหงเสีย
พอถึงตอนนี้ เฉินเจียซิ่งจึงไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับหยางหงเสียอย่างไรดี
ถ้าเขาพูดออกไป หยางหงเสียต้องด่าเขาแน่ ๆ ที่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เขาดูออกว่าตอนนี้หยางหงเสียกลายเป็นแฟนคลับตัวยงของหลินเซี่ยไปแล้ว หล่อนชื่นชมหลินเซี่ย และมองหลินเซี่ยเป็นแบบอย่าง
หล่อนไม่มีทางทิ้งหลินเซี่ยไปแน่ ๆ
แน่นอนว่าหลินเซี่ยก็ปฏิบัติดีกับหยางหงเสียด้วย
ยิ่งช่วงที่ผ่านมา หลินเซี่ยให้หยางหงเสียช่วยดูแลเรื่องการรับสมัครนักเรียนด้วย ทำให้หยางหงเสียไม่ใช่แค่มีงานที่มั่นคง แต่ยังทำให้หล่อนรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
เฉินเจียซิ่งแค่ลองใจหล่อนเล่น ๆ ผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด
เขาหัวเราะกลบเกลื่อน “ผมแค่พูดเล่นเฉย ๆ แล้วก็เตือนคุณไว้ล่วงหน้า ถ้าในอนาคตคุณอยากเปลี่ยนงาน ผมก็สนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว”
เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะพูดถึงเรื่องเปลี่ยนงานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่
“อย่าบอกนะว่าโรคป่วยการเมืองของคุณกำเริบอีกแล้ว?” หยางหงเสียหรี่ตาลง มองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง
เฉินเจียซิ่งมีประวัติเรื่องการเปลี่ยนงานมาก่อน หล่อนจึงไม่อยากจะเชื่อว่าที่เขาพูดมาทั้งหมดจะไม่มีอะไรแอบแฝง
ตอนที่พวกเขายังเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน หล่อนเคยได้ยินเฉินเจียซิ่งเล่าว่าเขาผ่านงานมาหลายอย่างแล้ว
ทั้งยังบอกอย่างภาคภูมิใจอีกว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต
ตอนนั้นหล่อนไม่รู้เรื่องชีวิตส่วนตัวของเฉินเจียซิ่งมากนัก รู้แค่ว่าเขามาจากชุมชนบ้านพักทหาร ครอบครัวมีฐานะ มีเส้นสาย
จึงมองเฉินเจียซิ่งแบบโลกสวย
เฉินเจียซิ่งแตกต่างจากคนธรรมดาอย่างพวกหล่อน พวกหล่อนทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ แต่เขาทำงานเพื่อหาประสบการณ์ เพิ่มพูนความรู้
หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน เขาก็อ้างว่าเงินเดือนผู้ดูแลฝ่ายการตลาดมันน้อยเกินไป บอกว่าอยากจะเปลี่ยนงานหลายครั้ง ถึงขั้นอยากจะลาออกมาเป็นช่างภาพให้หลินเซี่ยแบบเต็มตัว
ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มทำงานเป็นช่างภาพได้คล่องมือ เขาก็มีความคิดอื่นอีกแล้ว?
หยางหงเสียมองเฉินเจียซิ่งด้วยแววตาผิดหวัง
เฉินเจียซิ่งรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่นะ คุณอย่าคิดมากสิ ใครจะอยากเปลี่ยนงานกัน ผมแค่ถามคุณเล่นๆ เฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก”
ถึงแม้เฉินเจียซิ่งจะไม่ยอมรับ แต่ด้วยความที่รู้จักมักจี่กันมานาน หยางหงเสียก็ไม่ได้หลงเชื่อคำพูดเขาได้ง่ายๆ
เฉินเจียซิ่งแตกต่างจากคนอื่นในตระกูลเฉินโดยสิ้นเชิง ผ่าเหล่าผ่ากอแบบเห็นชัด
เสพติดการเปลี่ยนงาน
พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มีความมั่นคง ไม่อดทน มองไม่เห็นความสามารถของตัวเอง ชอบเพ้อฝัน เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จก็อิจฉาริษยา คิดว่าตัวเองก็ทำได้
อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องลงแรง
ความจริงก็คือ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาก็จะเป็นได้แค่พนักงานใหม่ตลอดไป ที่ลาออกก่อนจะกลายเป็นผู้มีประสบการณ์ และเป็นหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมอื่น
“???”
เฉินเจียซิ่งมองหยางหงเสียอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะหลุดออกมาจากปากของหล่อนได้
ผู้หญิงที่อ่อนโยนและแสนดีอย่างหล่อน กลับพูดคำว่าหย่าออกมาได้
เฉินเจียซิ่งไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกใจหรือหวาดกลัวอยู่กันแน่
เขามองหล่อนอยู่นานโดยไม่พูดอะไรออกมา
“เหม่ออะไรล่ะ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันแต่งงานกับคุณเพราะอยากใช้ชีวิตดีๆ แต่คุณกลับเพ้อฝันไปวันๆ ฉันไม่อยากลำบากไปกับคุณแบบนี้ คุณทำแบบนี้มันไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวเอง แต่ยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย”
หยางหงเสียพูดด้วยท่าทางองอาจ “พี่สะใภ้ใหญ่หาโอกาสดี ๆ ให้พวกเราได้ทำงานหาเงินขนาดนี้ คุณยังไม่รู้จักพออีกเหรอ? ลองนับนิ้วดูสิว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้ว? ดูพี่ใหญ่กับเจียวั่งสิ พวกเขาก็เป็นพี่น้องของคุณ ทำไมไม่ลองเรียนรู้จากพวกเขาบ้าง?”
“ผม….”
“ฉันพูดจริง ๆ นะ คุณลองคิดเอาเองแล้วกัน” หยางหงเสียพูดจบก็ทำหน้าบึ้ง แล้วเดินนำกลับบ้านไป
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ผมแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย”
ในเมื่อท่าทางของหยางหงเสียเป็นแบบนี้ ต่อให้เขาอยากลาออกก็ลาออกไม่ได้
เฮ้อ คงได้แต่รอให้หลินเซี่ยไล่ออกอย่างเดียว
เขารู้สึกว่า สักวันหนึ่งหลินเซี่ยต้องไล่เขาออกแน่ ๆ ดูจากท่าทางที่เธอแสดงออก
ทำได้แค่ค่อย ๆ ดูสถานการณ์ไป
…
หลังจากเจียงอวี่เฟยมากินข้าวที่บ้านตระกูลเฉินแล้ว ทุกคนในบ้านก็ยังคงปลื้มปริ่มมีความสุขกันอยู่หลายวัน
เรื่องความรักของเฉินเจียวั่งครั้งนี้ ถือว่าลงหลักปักฐานได้อย่างราบรื่น
พวกเขาต่างพึงพอใจในตัวเจียงอวี่เฟยเป็นอย่างมาก
สิ่งเดียวที่พวกเขายังคงกังวลใจก็คือ เฉินเจียวั่งนั้นมีนิสัยเย็นชา ไม่ค่อยรู้วิธีเอาใจผู้หญิง จนพวกเขากลัวว่านานวันเข้าเจียงอวี่เฟยจะเบื่อหน่าย
ผู้เฒ่าเฉินมองไปทางห้องนอนอย่างระแวดระวัง แล้วกระซิบว่า “ทำไมจะใช้ไม่ได้ผลล่ะ ปู่ก็ใช้วิธีนี้แหละเอาชนะใจย่าจนหล่อนยอมแต่งงานด้วย”
“คุณปู่ก็พูดเองว่านั่นเป็นรุ่นคุณย่า ตอนนี้มันยุคสมัยไหนแล้ว”
ผู้เฒ่าเฉินเล่าว่า สมัยก่อนตอนที่เขายังเป็นทหารประจำการอยู่ที่ค่ายทหาร ย่าของเขามักจะต้องผ่านค่ายทหารเพื่อไปตักน้ำ ทุกครั้งที่เขาเห็น เขาก็จะช่วยตักน้ำไปส่งที่หน้าบ้านของย่า แล้วก็รีบวิ่งกลับค่าย
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกัน เขาแค่ช่วยทำงานบ้านเท่านั้น
เวลาผ่านไปนานวันเข้า ย่าของเขาก็เริ่มใจอ่อน ยอมให้แม่สื่อมาพูดคุยเรื่องแต่งงาน จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน
“ถึงยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่เหตุผลก็ยังคงเหมือนเดิมนั่นแหละ เธอต้องรู้จักทุ่มเทบ้าง เข้าใจไหม?”
ผู้เฒ่าเฉินยังคงสอนประสบการณ์ชีวิตต่อไป “เวลาที่หล่อนต้องการอะไร เธอก็ต้องสนองตอบ ที่สำคัญคือพวกคนหนุ่มสาวสมัยนี้อย่างเธอมีสิ่งหนึ่งที่ต่างจากคนรุ่นฉัน นั่นก็คือเธอต้องพูดจาหวานหู ต้องพูดให้เป็น”
“สมัยก่อนพวกเราไม่ค่อยคิดอะไร ทุกคนต่างไม่ชอบคนพูดมากพูดจาหวานหู ชอบคนขยันขันแข็งอยู่ด้วยกันแล้วชีวิตราบรื่นเสียมากกว่า แต่ผู้หญิงสมัยนี้ไม่เหมือนกัน เธอต้องพูดจาหวาน ๆ ทำให้หล่อนมีความสุข”
เฉินเจียวั่งได้ยินปู่พูดเช่นนั้นก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
เขาจึงลุกขึ้นยืน “ผมขอออกไปข้างนอกก่อนนะครับ”
ผู้เฒ่าเฉินกำชับเขาจากข้างหลัง “ตั้งใจฝึกงานด้วยล่ะ เรื่องงานก็ต้องคว้าเอาไว้ ไม่งั้นต่อให้พูดจาหวานหูแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์”
เฉินเจียวั่ง “!!!”
เป็นผู้ชายนี่มันลำบากจริง ๆ
อะไร ๆ ก็ต้องทำให้ได้
หลินเซี่ยอยู่ในชุมชนบ้านพักทหารอยู่หลายวัน จนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
อยากกลับบ้าน
ตอนแรกสองผู้เฒ่าตระกูลเฉินเป็นห่วงว่าหลินเซี่ยจะยังไม่หายดี ไม่อยากให้เธอกลับไป
แต่หลินเซี่ยบอกว่าเธอไม่เป็นไรแล้ว เธอทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้นานแล้ว จึงบอกพวกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอแค่อยากไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้านแม่ของเธอ
สองผู้เฒ่าตระกูลเฉินจึงยอมให้เธอกลับไปพร้อมกับลูก
หลินเซี่ยไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ของเธอ แต่ไม่ได้ค้างคืน พอถึงบ่ายวันนั้นก็กลับมาบ้าน
แล้วเธอก็เริ่มวางแผนที่จะทำให้ลูกชายหย่านม
หย่าแบบเลิกทันที คงเป็นไปไม่ได้
ต้องใช้กลเม็ดเด็ดพรายเล็กน้อย
ช่วงนี้คำพูดของคุณย่าที่ว่า “ทาพริกป่น” ยังคงก้องอยู่ในหัวของหลินเซี่ย
แต่เธอก็รู้สึกว่ามันโหดร้ายเกินไปหน่อย
เธอรู้ว่าแม่สามีเป็นพวกบ้างาน โดยเฉพาะในยุคสมัยนั้น ในฐานะที่หล่อนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าคนทั่วไป
เพื่อให้งานสำเร็จ การทาพริกป่นจะนับเป็นอะไรไปได้ ในเวลาที่จำเป็นจริงๆ แม่สามีอาจจะใช้สิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้นด้วยซ้ำ
หลินเซี่ยมองพริกป่นในครัวแล้วก็ทำใจไม่ได้สักที
ไม่ใช่แค่ลูกชายของเธอเท่านั้นที่ทนไม่ได้ เธอเองก็ทนไม่ได้เหมือนกัน
เธอค้นหาไปทั่วห้อง ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดที่ยาสีฟันในห้องน้ำ
ลองบีบยาสีฟันทาดูก่อนแล้วกันว่าจะเป็นอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจียซิ่งอย่าวอกแวก ทำงานไปให้เต็มที่ ไม่งั้นจะเสียทั้งงานเสียทั้งเมียนะ
ใช้ยาสีฟันให้ลูกหย่านมแล้วจะได้ผลไหมน้า
ไหหม่า(海馬)