ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 881 วิธีหย่านมอันโหดร้าย
ตอนที่ 881 วิธีหย่านมอันโหดร้าย
หลินเซี่ยอยู่บ้านคนเดียว เธอตัดสินใจลงมือทำทันที
ตอนที่ลูกชายเกาะเธอแล้วร้องจะกินนม เธอก็โอ๋เขาแล้วทายาสีฟันลงบนหัวนม
แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ เสี่ยวหู่ลองดูดนมไปคำแรกแล้วรู้สึกได้ถึงรสชาติแปลกปลอมก็รีบปล่อยปากออก ก่อนลองดูดใหม่อย่างไม่ย่อท้อ
เขาดูดอย่างแรงจนดูดนมออกมาได้สำเร็จ แล้วก็เริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต่อต้านรสชาติยาสีฟันเลยสักนิด
จริงสิ รสชาติมินต์ก็ไม่ได้แย่อะไร เด็กน้อยเพิ่งหัดกินข้าว ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ชอบลองรสชาติสิ่งต่างๆ คว้าอะไรได้ก็เอาเข้าปากไปหมด ยิ่งกว่ายาสีฟันอีก
การทายาสีฟันเพื่อหย่านมจึงจบลงด้วยความล้มเหลว
หลินเซี่ยมองดูเจ้าตัวเล็กที่กินอิ่ม นอนพลิกตัวไปมาอย่างพอใจบนเตียงด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ดูเหมือนว่าเธอต้องใช้วิธีอันโหดร้ายแล้วล่ะ
ฤดูหนาวนี้ต้องหย่านมแล้วล่ะ
ไม่อย่างนั้นยิ่งโตก็ยิ่งหย่านมยาก
เสี่ยวหู่เล่นบนเตียงอย่างมีความสุข ปากน้อยๆ ส่งเสียงอ้อแอ้ ไม่รู้เลยว่าแม่ของเขากำลังคิดจะตัดขวดนมของเขา
ในขณะที่หลินเซี่ยเกิดความคิดชั่วร้ายว่าจะลองใช้พริกป่นดีไหม โจวลี่หรงก็มาถึงพอดี
หลินเซี่ยเห็นแม่สามีแล้วก็ตกใจจนตบอกผาง
โชคดีที่เธอยังไม่ได้ลงมือ
ไม่งั้นโดนโจวลี่หรงวิจารณ์แน่
วิธีการป่าเถื่อนที่แม่สามีเคยใช้กับลูกจะเอามาใช้กับหลานไม่ได้เด็ดขาด
โจวลี่หรงรักหลานยิ่งกว่ารักลูก ดูแลหลานชายดีกว่าลูกชายของตัวเองเสียอีก
“แม่ มาได้ยังไงคะ” หลินเซี่ยซ่อนความรู้สึกผิดบนใบหน้าแล้วยิ้มถาม
“แม่มาช่วยเธอหย่านมให้เสี่ยวหู่น่ะ” โจวลี่หรงตอบขณะแขวนกระเป๋าไว้กับตะขอบนกำแพง
หลินเซี่ย “???”
แม่สามีช่างเข้าใจเธอดีเหลือเกิน
“นี่คือดีขมที่ฉันซื้อมาโดยเฉพาะ ลองเอาไปป้ายสิ ถ้าเขาได้รับรสขมเมื่อไหร่ เขาคงไม่อยากดูดนมอีกแล้ว”
“ก่อนหน้านั้นฉันใช้พริกป่นก็เพราะว่าสมัยนั้นข้าวของขาดแคลน แถมฉันยังต้องทำงานยุ่ง เลยหย่านมแบบช้าๆ และละมุนละม่อมไม่ได้ ก็เลยต้องใช้วิธีหักดิบแบบนั้น เธออย่าเลียนแบบตามฉันล่ะ”
โจวลี่หรงกลัวว่าหลินเซี่ยจะใช้วิธีโหดร้ายอย่างที่หล่อนเคยใช้ในการหย่านมให้ลูก หล่อนจึงรีบมาที่นี่
“เธอเองก็คงทนผงพริกป่นไม่ได้เหมือนกัน มันปวดแสบปวดร้อนมากเหมือนกับผิวแทบไหม้เลยทีเดียว”
โจวลี่หรงยังนึกขยาดกับความรู้สึกนั้นอยู่ตลอด
หล่อนกลัวว่าหลินเซี่ยจะยังไม่วางใจ จึงบอกว่า “ฉันไปคุยกับหมอมาแล้ว น้ำดีขมนี่ไม่มีผลข้างเคียงต่อเด็กหรอก อย่างมากก็ขมไปทั้งปากจนกินอะไรไม่ได้มาก หลังป้ายไปครั้งสองครั้งเขาก็จะเลิกดูดนมไปเอง”
หลินเซี่ยรู้สึกราวกับทุกอย่างประจวบเหมาะพอดี เธอพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะลองเอาน้ำดีขมนี่ป้ายดู”
ถ้าแม่สามีของเธอมาไม่ทันการณ์ เธอคงจะโรยพริกป่นลงไปแล้ว
โจวลี่หรงเดินเข้าไปในห้องนอน เห็นหลานชายกำลังเล่นของเล่นอย่างมีความสุข ดวงตาหล่อนพลันฉายแววอ่อนโยน
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กๆ
ตอนที่หล่อนหย่านมลูกๆ หล่อนไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนั้นหล่อนคิดแค่ว่าอยากหย่านมให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ไม่กระทบกับงานของตัวเอง
แต่ตอนนี้แค่หลานชายร้องไห้ หล่อนก็ทนไม่ได้แล้ว
“เสี่ยวหู่ ย่ามาแล้วจ๊ะ”
เสี่ยวหู่เห็นโจวลี่หรงแล้ว ก็โยนของเล่นในมือทิ้งและคลานเข้ามาหา
โจวลี่หรงช่วยพยุงตัวเขาไว้เล็กน้อย เขาก็ใช้แขนของหล่อนพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน
แต่แล้วก็ล้มลงไปใหม่ แล้วก็พยายามยืนขึ้นอีกครั้ง
โจวลี่หรงยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวหู่ของย่าโตแล้ว กำลังหัดตั้งไข่แล้วสินะ ได้เวลาหย่านมแล้วล่ะ”
ตกเย็น ตอนที่เสี่ยวหู่อยากกินนม หลินเซี่ยก็เอาน้ำดีขมทาที่หัวนมทันที
เธอค้นพบว่าลูกชายคนนี้มีลิ้นจระเข้ จึงทาเป็นชั้นหนา
หวังว่าจะทำให้เขาเข็ดหลาบไปเลย
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด พอเสี่ยวหู่ได้ลิ้มรสชาติน้ำดี เขาก็รีบคายออกมาทันที จากนั้นก็ร้องไห้จ้า
โจวลี่หรงเห็นดังนั้นก็รีบจะเข้าไปอุ้มเสี่ยวหู่ แต่หลินเซี่ยกลับไม่ยอมให้เจ้าตัวน้อยออกจากอ้อมกอด แล้วก็จับเขากินอีกข้าง
ซึ่งขมยิ่งกว่าเดิม
เสี่ยวหู่ถึงกับร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ
โจวลี่หรงจึงรีบอุ้มเขาขึ้นมา แล้วเอาขวดนมที่เเตรียมไว้ยัดใส่ปากเขา
เสี่ยวหู่ได้กินนมจากขวดนมแล้วก็ยังคงสะอื้นไห้คร่ำครวญ จนกระทั่งรสชาติของนมผงได้ชะล้างรสขมในปากออกไปจนหมด เขาก็หยุดร้องไห้
หลินเซี่ยมองดูภาพตรงหน้า เธอรู้สึกสงสารจับใจ น้ำตาก็ไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว
น่าสงสารเหลือเกิน
หลินเซี่ยยื่นมือออกไปจะกอดเสี่ยวหู่ แต่เขากลับหันหน้าหนี ไม่ยอมให้เธอกอด ใจของหลินเซี่ยพลันเย็นเฉียบ เธอร้องไห้ตาม “แม่คะ ดูสิคะ เขาไม่ยอมให้ฉันกอดแล้ว”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย” โจวลี่หรงอุ้มเสี่ยวหู่ป้อนนมแล้วปลอบโยนเขาอยู่พักหนึ่ง เขาก็ค่อยๆ สงบลง
หลังจากกินนมเสร็จ เสี่ยวหู่ก็ลืมรสขมไปเสียสนิท ยอมให้หลินเซี่ยอุ้มเขาแต่โดยดี
เมื่อเฉินเจียเหอกลับมาพร้อมกับหู่จือ หลินเซี่ยจึงเล่าเรื่องการหย่านมโดยการทาน้ำดีขมให้เขาฟัง เฉินเจียเหอได้ยินดังนั้นก็ถึงกับทำหน้าบิดเบี้ยว
“นับว่าแม่ยังปรานีอยู่ ถึงไม่ได้บอกให้คุณใช้พริกป่น”
ไม่เหมือนเจ้าสามของบ้านเขาที่โดนผงพริกป่นแล้วถึงกับปากบวมเจ่อ
ถ้าแม่ของเขาบอกให้หลินเซี่ยทาผงพริกป่น เขาคงไม่เห็นด้วยแน่ๆ
มันทรมานกับทั้งผู้ใหญ่และเด็กเกินไป
หากเป็นน้ำดีขม กินทีละนิดก็ยังทนขมได้
เดี๋ยวโตขึ้นก็จะชินลิ้นไปเอง
พอถึงกลางดึก เสี่ยวหู่ก็ทำท่าจะดูดนมอีกครั้ง
หลินเซี่ยไม่อาจหักใจใช้น้ำดีขมป้ายหัวนมอีก แต่เธอได้ป้ายไปแล้วครั้งหนึ่ง หากจะมาล้มเลิกตอนนี้ก็จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาสูญเปล่า
เฉินเจียเหอเห็นเธอลังเล จึงจัดการลงมือป้ายน้ำดีขมเอง
“ควรใช้น้อยลงหน่อยนะ”
เมื่อกลางวันเธอป้ายไปเยอะมาก ทำเอาลูกน้อยถึงกับขมคอไปนาน
“ไม่เป็นไรหรอก ของพวกนี้ไม่มีพิษ”
เฉินเจียเหอพูดจบก็รีบไปชงนมผง
หลินเซี่ยแม้จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจป้อนนมลูกชาย
เป็นดังคาด เสี่ยวหู่ร้องไห้จ้าปานจะขาดใจทันที
โจวลี่หรงได้ยินเสียง จึงรีบวิ่งเข้ามา
“ชงนมเสร็จหรือยัง” โจวลี่หรงถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ” เฉินเจียเหอตอบ
โจวลี่หรงรับตัวเด็กไว้ แล้วรีบหยิบขวดนมมาป้อน
เสี่ยวหู่พอเห็นหลินเซี่ยก็ร้องไห้จ้า
โจวลี่หรงจึงอุ้มเขาออกไป
หลินเซี่ยเองก็ทรมานจากอาการน้ำนมคัดเต้า เธอไม่มีกะจิตกะใจจะนอน นั่งถอนหายใจอยู่บนเตียง มีแต่คนเป็นแม่เท่านั้นถึงจะเข้าใจความรู้สึกของเธอในตอนนี้
“อย่าคิดมากไปเลย ยังไงซะก็ต้องหย่านมอยู่ดี” เฉินเจียเหอพูดปลอบใจพร้อมกับลูบหัวเธอเบาๆ “ถ้าไม่บังคับ เขาก็จะกินต่อไปเรื่อยๆ”
เฉินเจียเหอกลัวว่าหลินเซี่ยจะยังคงเสียใจ เขาจึงนั่งลงข้างๆ เธอและเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ “ตอนที่ผมยังอยู่ที่หมู่บ้าน จำเอ้อร์จู้ได้ไหม ตอนนั้นมันเรียนหนังสืออยู่ พอเลิกเรียนกลับบ้านก็ยังจะกินนมแม่อีก ทั้งๆ ที่แม่มันไม่มีน้ำนมแล้ว แต่มันก็ยังดูดเต้าแห้งๆ อยู่นั่นแหละ จนโตมาก็ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด กลายเป็นลูกแหง่ติดแม่ โตจนป่านนี้แล้วยังต้องคอยเกาะแม่แจตลอด น่าปวดหัวจริงๆ”
หลินเซี่ยเห็นด้วยกับคำพูดของเฉินเจียเหอเป็นอย่างมาก “ฉันเข้าใจ การหย่านมช้าเกินไปอาจทำให้เด็กเกิดปมออดิปุส*ได้”
(*Oedipus complex ทฤษฎีทางจิตวิทยาของซิกมุนด์ ฟรอยด์ ว่าด้วยพัฒนาการด้านความรักความผูกพันที่เด็กชายมีต่อเพศตรงข้าม เด็กชายจะมีอาการรักแม่ หวงแม่ อยากครอบครองแม่ จนถึงขั้นอิจฉาพ่อที่แย่งความรักของแม่ไปจากตน หากเกิดในเด็กหญิงจะเป็นไปในทางตรงกันข้ามและเรียกว่าปมอิเลกตรา)
เฉินเจียเหอไม่เข้าใจว่าปมออดิปุสคืออะไร แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลินเซี่ยดูดีขึ้น เขาก็พูดว่า “ผมไปอุ้มหู่จือมาดีกว่า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวถ้าเสี่ยวหู่ร้องไห้ขึ้นมาเขาจะตื่นเอา”
เฉินเจียเหอเดินไปที่ห้องนอนเล็ก เห็นเสี่ยวหู่หลับไปแล้วในอ้อมกอดของโจวลี่หรง เตียงก็ไม่ได้กว้างขวางอะไร ยายหลานสามคนนอนเบียดกันอยู่
“แม่ ผมอุ้มเสี่ยวหู่ไปก่อนนะ”
เฉินเจียเหออุ้มเสี่ยวหู่กลับไปที่ห้องนอน หลินเซี่ยแม้จะนอนลงแล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับ
เธอกลัวว่าถ้าตัวเองไม่ยอมนอน เฉินเจียเหอก็จะตื่นเป็นเพื่อนเธอไปด้วย เธอจึงหลับตาลง
รอจนกระทั่งได้ยินเสียงกรนของเฉินเจียเหอที่อยู่ข้างๆ เธอจึงค่อยๆ ลุกจากเตียงอย่างเบากริบ
เธอเปิดประตูออกไปอย่างระมัดระวัง และเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น
เธอเงี่ยหูฟังอยู่นาน ห้องนอนเล็กยังคงเงียบเชียบ เสี่ยวหู่ไม่ร้องไห้อีกแล้ว
แต่หลินเซี่ยก็ยังคงไม่วางใจ นอนลงบนโซฟา
บนโซฟามีผ้าห่มที่เธอห่มตอนกลางวันอยู่ จึงไม่เย็น
พอเช้าตรู่ เฉินเจียเหอออกมาจากห้องนอน เห็นหลินเซี่ยนอนอยู่บนโซฟา ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ดูบึ้งตึงขึ้นมาทันที เขาเดินเข้าไปปลุกเธอ
“เซี่ยเซี่ย ทำไมมานอนบนโซฟาละ?”
เขาคิดว่าตัวเองกอดภรรยาอยู่ แต่พอรุ่งเช้าตื่นขึ้นมา กลับกลายเป็นหู่จือที่อยู่ในอ้อมกอด
หลินเซี่ยขยี้ตาและอธิบายว่า “ฉันกลัวเสี่ยวหู่ร้องไห้น่ะ”
คราวนี้โจวลี่หรงก็ออกมาเห็นหลินเซี่ยนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีผ้านวมคลุมตัว หล่อนเข้าใจสถานการณ์ทันที
“เซี่ยเซี่ย เสี่ยวหู่ไม่ได้ร้องไห้ เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก บ้านมีแค่นี้เอง ถ้าเขาร้องไห้ ต่อให้นอนบนเตียงก็ได้ยิน ทำไมต้องทรมานตัวเองด้วยการมานอนบนโซฟาด้วย”
หลินเซี่ยเกาหัวอย่างเขินๆ
สิ่งที่แม่สามีพูดมาก็ถูก ถ้าเด็กๆ ร้องไห้ ทั้งบ้านก็ได้ยิน
แม้แต่บ้านข้างๆ ก็น่าจะได้ยินเช่นกัน
เธอแค่อยากอยู่ใกล้ชิดลูกมากขึ้น อีกนิดก็ยังดี
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตอนแรกก็ต้องโหดแบบนี้แหละ เดี๋ยวอีกหน่อยลูกก็เลิกดูดนมไปเอง
ไหหม่า(海馬)