ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 882 หลินจินซานแต่งงาน
ตอนที่ 882 หลินจินซานแต่งงาน
“แม่คะ เขายังหลับอยู่เหรอคะ” หลินเซี่ยเลิกผ้าห่มขึ้น เดินไปที่ห้องนอนเล็กเพื่อดูลูกชาย
เจ้าตัวเล็กนอนหลับอย่างมีความสุข
“ไม่ต้องห่วง ฉันคิดว่าผ่านเหตุการณ์แบบนี้ตั้งสองครั้งเขาน่าต้องมีปมในใจแล้วล่ะ ไม่กล้ากินนมอีกแล้ว”
โจวลี่หรงพูดถูก พอถึงเวลาให้นมตามปกติ หลินเซี่ยก็อุ้มเสี่ยวหู่ขึ้น ก่อนเลิกเสื้อเอาศีรษะเสี่ยวหู่ไปแนบอก แต่เสี่ยวหู่กลับดิ้นรนอย่างแรงราวกับฝึกวิชาศีรษะเหล็ก ทำเอาเธอจับไม่อยู่เลยสักนิด
แล้วก็ร้องไห้จ้า
ในใจเธอกลับไม่มีความสุขเลยสักนิด รู้สึกผิดหวังเสียมากกว่า “ดูสิ ไม่ยอมกินแล้ว”
เสี่ยวหู่ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดหลินเซี่ย มองโจวลี่หรงด้วยแววตาขอความช่วยเหลือ พลางทำปากเบะ ส่งมือเล็กๆ ไปหาหล่อน
“โอ๋ ดูหลานย่าสิ โดนรังแกจนเสียใจหมดแล้ว มาให้ย่าอุ้มมา”
โจวลี่หรงชงนมผงรอไว้แล้ว อุ้มเสี่ยวหู่นั่งลงบนโซฟา แล้วป้อนนมผงให้เขาดื่ม
ต่อไปนี้เสี่ยวหู่คงจะมีปมกับ “ชามข้าว” ของเขาเป็นแน่ แม้แต่จะให้กินก็คงไม่กล้าอีกแล้ว ในฐานะแม่คนหนึ่ง หลินเซี่ยก็รู้สึกใจหายอยู่บ้าง
หลังจากหย่านมลูกชายแล้ว หลินเซี่ยก็มีอิสระมากขึ้น
โจวลี่หรงเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่รักการเรียนรู้อย่างมาก ถึงแม้จะเกษียณแล้วก็ยังมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่แพ้คนหนุ่มสาว หล่อนซื้อหนังสือเลี้ยงเด็กมาหลายเล่ม เลี้ยงลูกตามแบบที่หนังสือแนะนำ
ในตอนนี้หล่อนจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น ไม่เหมือนกับตอนที่เสี่ยวหู่เพิ่งเกิด หล่อนทำตัวเคร่งครัดและจริงจังไปเสียทุกเรื่อง เพียงเพื่อให้ทุกคนอุ้มลูกน้อยได้อย่างสะอาดถูกหลักอนามัย จนทำให้คนไม่พอใจไปหลายคน
เมื่ออากาศอบอุ่น หล่อนก็มักจะพาเสี่ยวหู่ไปเดินเล่นในบริเวณบ้านพัก และหยุดแวะเข้าร่วมวงกับกลุ่มคนที่นั่งคุยเล่นและอาบแดดเป็นครั้งคราว
ฟังพวกคุณตาคุณยายคุยกัน หรือไม่ก็เล่าเรื่องชาวบ้าน
บางครั้งหล่อนก็จะกลับมาเล่าข่าวแปลกๆ ที่ได้ยินให้หลินเซี่ยฟัง
ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ หลินเซี่ยจะมองโจวลี่หรงด้วยสีหน้าแปลกใจ
แม่สามีเป็นตัวอย่างที่ดีของคำกล่าวที่ว่า ถ้าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมได้ ก็จงปรับตัวเข้ากับมัน
โจวลี่หรงถึงขั้นบอกว่าถ้าในอนาคตหลินเซี่ยงานยุ่ง หล่อนจะพาหลานชายกลับไปอยู่ที่ชุมชนบ้านพักทหารเอง
พอหลินเซี่ยเลิกงานก็แวะกลับมาเยี่ยมลูกได้ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร
ช่วงก่อนปีใหม่เป็นช่วงที่ร้านเสริมสวยยุ่งที่สุด หลินเซี่ยจึงต้องไปคุมร้านทั้งสองสาขาด้วยตัวเอง
เมื่อเธอไปถึงร้าน เธอจึงติดป้ายโฆษณา เหล่าพี่สาวป้าๆ ในละแวกนั้นต่างก็พากันมาดัดผมกับเธอ
หลินเซี่ยยังให้หลินเยี่ยนกับหยางหงเสียผลัดกันไปที่ร้านเสริมสวย เพื่อโฆษณาและรับแต่งหน้าให้กับลูกค้าด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในพริบตา จนกระทั่งถึงเดือนสิบสอง งานแต่งงานของหลินจินซานและชุนฟางก็ถูกจัดขึ้นตรงกับวันขึ้นแปดค่ำเดือนสิบสองพอดี
การเตรียมงานทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เฟอร์นิเจอร์ใหม่ในห้องหอถูกเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
เดิมทีหลินจินซานตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรม แต่พ่อแม่ของชุนฟางต้องการจัดงานแต่งงานที่บ้าน
พวกเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา เวลาที่ลูกสาวลูกชายแต่งงาน ก็มักจะจัดที่บ้าน นานๆ ทีจะมีคนไปจัดที่โรงแรม
นอกจากนี้ พวกเขายังแอบมีความคิดอยู่ในใจว่าอยากจะดูท่าทีของครอบครัวเซี่ยที่มีต่อชุนฟาง
และแน่นอนว่ารวมถึงท่าทีของพวกเขาต่อหลินจินซานลูกเลี้ยงคนนี้ด้วย
อยากรู้ว่าครอบครัวของหลินจินซานจริงใจอย่างที่พูดหรือเปล่าป ฏิบัติต่อลูกๆ ทั้งสองคนนี้เหมือนลูกแท้ๆ หรือไม่
พวกเขาเป็นคนซื่อ ไม่สนใจเรื่องทรัพย์สมบัติ เพียงแค่หวังว่าลูกสาวจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวของหลินจินซานอย่างแท้จริง
แบบนี้ญาติพี่น้องก็จะได้ไม่นินทาอะไรอีก
หลินจินซานรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยขณะที่แจ้งความต้องการของพ่อแม่ชุนฟางให้ เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงฟัง แต่ทันทีที่เซี่ยเหลยได้ยิน เขาก็ตัดสินใจทันควันว่าจะจัดงานแต่งงานที่บ้าน
แม้ที่บ้านของพวกเขาจะเคยมีงานมงคลถึงสองครั้งแล้ว ไม่สิ รวมงานแต่งงานของเขาและหลิวกุ้ยอิงเข้าไปด้วยก็เป็นสามครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยจัดงานเลี้ยงฉลองที่บ้านอย่างเป็นทางการสักครั้ง
พวกเขาเข้าใจความรู้สึกของครอบครัวของชุนฟางเป็นอย่างดี สิ่งที่ทั้งสองต้องการก็คือให้ลูกสาวของพวกเขาได้รับการยอมรับจากทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้น หลินจินซานยังไม่มีญาติคนอื่น ๆ ญาติที่จะมางานแต่งงานได้ก็มีแต่ญาติฝ่ายครอบครัวของเซี่ยเหลยเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้มีมากมายอะไร
ลานบ้านของครอบครัวเซี่ยเหลยกว้างขวางโอ่อ่า พนักงานในร้านอาหารของเซี่ยเหลยก็เคยเป็นพ่อครัวทำอาหารงานเลี้ยงมาก่อน สามารถลงมือทำได้ทันที
พวกเขาเช่าเต็นท์สำหรับจัดงานแต่งงานโดยเฉพาะ เหล่าทหารผ่านศึกที่เคยทำงานที่ห้องเต้นรำต่างก็มีความสามารถเฉพาะตัว พวกเขาร่วมกันสร้างซุ้มประตูสวยงามที่ประตูทางเข้าบ้าน ตกแต่งบ้านด้วยบทกลอนคู่สีแดงและกระดาษอวยพรสีแดง สร้างบรรยากาศงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยความสุข
เมื่อกางเต็นท์สำหรับงานเลี้ยงเสร็จ บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองก็อบอวลไปทั่ว
คุณแม่เซี่ยมองดูหนุ่มสาวเหล่านั้นทำงานกันอย่างขะมักเขม้น รอยยิ้มประดับบนใบหน้าไม่จางหาย
คนแก่ชอบความครึกครื้น ยามปกตินางอยู่บ้านคนเดียวแล้วรู้สึกเหงาเหลือเกิน จึงหวังว่าลูกหลานจะกลับมา
การได้จัดงานมงคลในบ้าน ทำให้นางยินดียิ่งกว่าสิ่งใด
คุณแม่เซี่ยต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น เชิญให้เข้าไปในห้องโถง
“มาสิเด็ก ๆ พักดื่มน้ำหน่อยแล้วค่อยทำต่อ”
“คุณย่าเซี่ย พวกเราไม่เหนื่อยครับ/ค่ะ”
“เข้ามาพักก่อน ไม่ต้องรีบ ค่อยทำก็ได้”
“เสี่ยวเยี่ยน ช่วยชงชาหลงจิ่งชั้นเลิศของฉันให้หน่อยสิ”
หลินเยี่ยนขานรับอย่างว่าง่าย แล้วเดินไปชงชา
ลู่เจิ้งอวี่เห็นกลุ่มเพื่อนยืนเก้ๆ กังๆ จึงเอ่ยขึ้นว่า “เชิญนั่งก่อนเถอะ ย่าผมชอบหนุ่มๆ อย่างพวกนายมาก”
คุณแม่เซี่ยยิ้มอย่างยินดี “ใช่ เห็นพวกเธอแล้ว ร่างแก่ๆ ของฉันรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาเลย”
“เชิญดื่มชาค่ะ” หลินเยี่ยนยกน้ำชาไปวางบนโต๊ะ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
หนุ่มๆ เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ต่างก็อดมองหน้าหล่อนไม่ได้
ลู่เจิ้งอวี่กระแอมไอ เบี่ยงตัวมาบังสายตาที่จ้องมองอย่างจาบจ้วงไว้
“เสี่ยวเยี่ยน เธอไปทำงานเถอะ ฉันชงชาเอง”
ลู่เจิ้งอวี่หาทางให้หลินเยี่ยนออกไป หลินเยี่ยนเองก็กำลังยุ่งอยู่กับการติดตัวอักษรมงคลในบ้านใหม่ หล่อนจึงวางแก้วชาลงแล้วเดินออกไปอย่างว่าง่าย
แถมยังทำกับแกล้มและเลี้ยงอาหารพวกเขาล่วงหน้าอีกด้วย
หลินจินซานเองก็ยุ่งไปกับงานอย่างมีความสุข เขาคอยรินเหล้าให้กับทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงานอย่างสุภาพ “พรุ่งนี้คงต้องรบกวนพวกนายอีกวัน พวกนายลำบากกันจริงๆ ต่อไปถ้าพวกนายแต่งงาน พี่ชายคนนี้ไม่ปฏิเสธแน่นอน”
“พี่ซาน ไม่ต้องเกรงใจพวกเราน่า พวกเรายินดี”
“ใช่แล้ว ปกติพี่ก็ดีกับพวกเรามาก พวกเราทำอะไรก็ยินดีทั้งนั้น”
“พี่ซาน พวกเรายินดีด้วยที่พี่แต่งงาน”
เซี่ยไห่เห็นว่าหนุ่มๆ เหล่านี้กระตือรือร้นกันขนาดนี้ แถมยังสนิทกับหลินจินซานมาก เขาในฐานะเจ้านายก็รู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากกินข้าวเสร็จ เซี่ยไห่ก็พูดกับพวกเขาว่า “กลับกันได้แล้วนะ คนที่เข้าเวรคืนนี้อย่าได้เผลอเชียว ใกล้ปีใหม่แล้ว ต้องรักษามาตรการรักษาความปลอดภัยในห้องเต้นรำให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในช่วงปีใหม่ล่ะ”
“ครับ” พรุ่งนี้ลู่เจิ้งอวี่จะต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่เขาก็ยังต้องพาพี่น้องกลับไปที่ห้องเต้นรำและจัดการงานเรียบร้อยก่อนถึงจะพักผ่อนได้
รถที่จะไปรับเจ้าสาว นอกจากซานทาน่าของเซี่ยไห่แล้ว ก็ยังมีรถคาดิลแลคของเย่ไป๋ อีกทั้งยังมีรถบัสที่เตรียมไว้สำหรับญาติๆ โดยเฉพาะอีกด้วย
หลินเซี่ยเองก็ยุ่งอยู่กับการแต่งตัวให้หลินจินซานที่บ้านเช่นกัน
แม้จะเป็นวันฤดูหนาวที่ท้องฟ้าแจ่มใส แต่อากาศก็ยังคงหนาวเหน็บ อุณหภูมิติดลบ
ตอนเช้า พ่อครัวบอกว่าผักแข็งไปหมดแล้ว
น้ำในลานครัวที่สร้างขึ้นชั่วคราวในลานบ้านก็จับตัวกลายเป็นน้ำแข็ง
หลินเซี่ยบอกให้หลินจินซานสวมเสื้อทับบนสูทตัวนอก แต่หลินจินซานไม่ยอม บอกว่าจะใส่แค่สูท
แค่ใส่เสื้อเชิ้ตข้างในก็อุ่นพอแล้ว
เขาบอกว่าวันนี้หัวใจที่เร่าร้อนของเขาจะต่อต้านความหนาวได้
หลินจินซานยอมทนหนาวเพื่อให้ตัวเองดูดีมีสไตล์
ในเมื่อเจ้าบ่าวอย่างเขามีหัวใจที่ร้อนแรง อยากดูดีมีสไตล์มากกว่าจะสนใจความอบอุ่น หลินเซี่ยก็เลยยอมแพ้
“ตกลง พี่จัดการเองแล้วกัน”
ระหว่างผูกเนคไท หลินเซี่ยตั้งใจยื่นเนคไทให้หลิวกุ้ยอิง
หลินเซี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ วันนี้แม่มาผูกเนคไทให้พี่ชายดีกว่า เพราะจากนี้ไปภาระนี้ต้องเป็นหน้าที่ของพี่สะใภ้แล้วล่ะค่ะ”
หลิวกุ้ยอิงรับเนคไทมาผูกให้หลินจินซานอย่างชำนาญ ตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าลูกชาย ค่อยๆ ผูกเนคไทให้ลูกชายอย่างตั้งใจ ดวงตาก็ชื้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลังจากหลินต้าฝูพ่อของหลินจินซานเสียชีวิต หล่อนก็แบกรับภาระในการดูแลหลินจินซานจนเติบโตและสร้างครอบครัว
วันนี้เป็นเวลาครบห้าปีแล้วที่หลินต้าฝูจากไป ในที่สุดหลินจินซานก็ได้แต่งงานเสียที
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่ซานจะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว คนเป็นแม่ก็ภูมิใจพร้อมกับใจหายหน่อยๆ
ไหหม่า(海馬)