ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 883 เมาแล้วแบกกลับบ้านเลย
ตอนที่ 883 เมาแล้วแบกกลับบ้านเลย
พอหลินจินซานเห็นว่าดวงตาของหลิวกุ้ยอิงแดงก่ำ จิตใจของเขาเองก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา
“แม่ครับ ขอบคุณนะครับ” เขามองหน้าหลิวกุ้ยอิง แล้วจู่ๆ ก็คุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน ก้มศีรษะคำนับ “ผมขอขอบคุณแม่สำหรับความเหนื่อยยากที่ทุ่มเทมาตลอดหลายปีนี้ เพราะมีแม่ ผมจึงไม่ใช่เด็กที่ไม่มีแม่อีกต่อไป เพราะมีการปกป้องและความห่วงใยของแม่ ผมจึงเติบโตมาอย่างไร้กังวล ที่ผมมีวันนี้ได้ ก็เพราะความเหน็ดเหนื่อยและการทุ่มเทของแม่ทั้งสิ้น”
หลิวกุ้ยอิงและคนอื่นๆ ในห้องต่างตกตะลึงกับการกระทำของหลินจินซาน หลิวกุ้ยอิงรีบยื่นมือไปประคองเขา “จินซาน ลุกขึ้นเร็ว ลูกจะคำนับทำไมกัน ลุกขึ้นเร็ว อย่าทำเสื้อผ้าเปื้อน ทุกคนกำลังรอลูกไปรับเจ้าสาวอยู่นะ”
หลินจินซานคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลิวกุ้ยอิง ก้มศีรษะคำนับพลางพูดสิ่งเหล่านี้ด้วยน้ำตาไหลอาบใบหน้า
วันนี้เป็นวันแต่งงานของเขา เมื่อมองหน้าหลิวกุ้ยอิงแล้วนึกถึงความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ที่แม่ลูกได้ใช้เวลาร่วมกันมาตลอดหลายปีนี้ จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
เขารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งต่อหลิวกุ้ยอิงผู้เป็นแม่เลี้ยง
หากไม่มีหล่อน เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองในตอนนี้จะมีชีวิตที่ลำบากยากเข็ญเพียงใด
หลินเซี่ยยิ้มพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ
“นั่นสิ คุกเข่าเร็วไปหน่อย” เซี่ยอวี่เร่งเร้า “ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกขอบคุณแม่ในใจ ต่อไปก็ดูแลท่านให้ดีก็พอ รีบไปรับเจ้าสาวเถอะ”
หลินเซี่ยกับเซี่ยอวี่หัวเราะร่วมกัน บรรยากาศในห้องกลับมาผ่อนคลายและสนุกสนานอีกครั้ง อารมณ์ของหลินจินซานและหลิวกุ้ยอิงก็พลอยร่าเริงขึ้นด้วย
หลิวกุ้ยอิงช่วยจัดชายเสื้อสูทให้เขาอีกครั้ง “ได้แล้ว รีบไปเถอะ จำสิ่งที่แม่บอกเมื่อคืนได้ไหม? พอไปถึงบ้านชุนฟาง อย่าลืมมารยาทที่ควรมีเด็ดขาดนะ”
หลินจินซานพยักหน้า “แม่ครับ ผมจำได้แล้ว”
ลู่เจิ้งอวี่กับหนุ่มอีกคนจากห้องเต้นรำเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของหลินจินซาน
ลู่เจิ้งอวี่ยังทำหน้าที่เป็นคนขับรถด้วย ขับรถซานทาน่าของเถ้าแก่
เย่ไป๋ผู้เป็นอาเขยคนนี้ก็ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเช่นกัน ขับรถของตัวเองรับผิดชอบไปรับเจ้าสาว
คนที่ไปรับเจ้าสาวล้วนมีข้อกำหนดเรื่องดวงสมพงษ์ที่เข้มงวด
ซึ่งดวงสมพงษ์ของเย่ไป๋พอดีเข้ากันกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว
เหล่าคนที่ให้ความบันเทิงกับบรรดาญาติๆ ที่มาร่วมงานต่างพากันติดตั้งประทัด อาหารจานต่างๆ ถูกจัดขึ้นตั้งโต๊ะทุกโต๊ะอย่างพร้อมสรรพ
คุณแม่เซี่ยสวมชุดแพรมงคลสีแดงสดที่หลินเซี่ยตัดเย็บไว้ข้างนอกเสื้อนวมบุฝ้าย ส่วนเซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงในฐานะพ่อแม่เจ้าบ่าวต่างสวมชุดทางการ
เจ้าสาวจะเข้ามาที่บ้านนี้ในเวลาสิบโมงเช้า
ขบวนรถรับตัวเจ้าสาวล้วนตรงเวลาอย่างยิ่ง พอถึงสิบโมงตรงก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว
เสียงประทัดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
หลินจินซานก้าวออกจากรถ จูงมือเจ้าสาวเดินผ่านซุ้มประตูอันงดงาม
บรรดาญาติของชุนฟางที่มาร่วมส่งตัวเจ้าสาวต่างทยอยกันก้าวออกจากรถบัส
บรรยากาศจัดเลี้ยงอันคึกคักในบ้านตระกูลเซี่ยเป็นสิ่งบ่งชี้ได้ดีว่าครอบครัวลูกเขยให้ความสำคัญกับชุนฟางมากแค่ไหน
สมาชิกครอบครัวของชุนฟางต่างมีรอยยิ้มยินดี ในใจมีความสุขมาก
ภายในเต็นท์สีสันสดใสมีการฉายจอแอลซีดีขนาดใหญ่ เปิดเพลงรื่นเริงเสียงดัง
เฉินเจียซิ่งตะโกน “ตอนแต่งสะใภ้เข้าบ้าน เราต้องอุ้มเจ้าสาวเข้าบ้านกันนะ”
หลินจินซานก็ไม่เขินอาย บอกให้อุ้มเขาก็อุ้มเลย
เขาอุ้มชุนฟางเดินเข้าบ้าน ทำให้กลุ่มคนที่เดินตามหลังส่งเสียงโห่เกรียวกราวอย่างชอบใจ
วันนี้พวกพนักงานบริการจากห้องเต้นรำของตระกูลเซี่ยต่างทำหน้าที่ตามปกติของพวกเขา คือต้อนรับญาติๆ
เรียกได้ว่ามืออาชีพมาก
ญาติฝ่ายเจ้าสาวของชุนฟางได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติที่สุด
ในฐานะคนธรรมดาทั่วไป การได้รับการปฏิบัติแบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติอย่างมาก
อาหารจัดเลี้ยงของตระกูลเซี่ยก็อลังการสมฐานะมาก
มีอาหาร 16 อย่าง ส่วนใหญ่เป็นอาหารชั้นดีที่คนทั่วไปในยุคนี้ไม่ค่อยได้กิน
ถือว่าจัดเต็มมากเลยทีเดียว
ในที่สุดพ่อแม่และน้องชายของชุนฟางก็ได้ยืดอกอย่างภาคภูมิต่อหน้าญาติๆ ในวันนี้
พวกเขามีรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจบนใบหน้า และต้อนรับญาติพี่น้องฝ่ายภรรยาราวกับอยู่ในบ้านของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ปากของบางคนนั้น แม้แต่อาหารที่อร่อยที่สุดก็ไม่อาจปิดได้
อย่างเช่นอาเขยของชุนฟางที่กินอาหารดื่มเหล้าจนปากเลอะเทอะ แต่ยังคงมีสีหน้าดูถูก พูดจาทำลายบรรยากาศว่า “ยังไงก็ต้องอยู่ไปทั้งชีวิต รุ่งโรจน์แค่วันนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
ชุนหมิงน้องชายของชุนฟางได้ยินคำพูดของอาเขยแล้วก็โกรธจนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาบึ้งตึง ทำท่าจะโต้กลับไป แต่ถูกพ่อของเขาดึงไว้
พ่อของเขาส่งสัญญาณทางสายตา บอกให้เขาใจเย็น
หลินจินซานและชุนฟางรู้ดีที่สุดว่าอาเขยของพวกเขาเป็นคนแบบไหน
ยิ่งคนแบบนี้พูดจาประชดประชันมากเท่าใด ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าในใจเขาอิจฉาครอบครัวของพวกเขามากเท่านั้น
ในวันมงคลของครอบครัว ปล่อยให้เขาพูดไปเถอะ ใครจะทุกข์ใจก็รู้กันเอง
อาเขยของชุนฟางพูดประชดประชันสองสามประโยค เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของชุนฟางและญาติคนอื่นๆ ไม่สนใจคำพูดของตน เขาก็ไม่มีอารมณ์จะพูดต่อ
“อาครับ ดื่มเหล้าครับ”
แต่อาเขยของชุนฟางกลับทำตัวเชิดใส่ ไม่รับแก้ว “จินซาน พวกเธอจัดงานใหญ่โตมากนะ เงินที่ใช้จัดงานนี่ ต่อไปคงไม่ให้ชุนฟางช่วยเธอใช้หนี้ด้วยกันใช่ไหม?”
อาเขยของชุนฟางพูดด้วยน้ำเสียงมีนัยยะ แล้วมองไปทางเซี่ยเหลยที่กำลังต้อนรับแขกอยู่ไม่ไกล “นั่นมันพ่อเลี้ยงนะ อย่าให้ภายนอกดูดีแต่สุดท้ายเป็นหนี้ก้อนโต ไม่รู้จะใช้คืนเมื่อไหร่ล่ะ”
หลินจินซานและชุนฟางทั้งสองคนถูกอาเขยพูดประชดประชัน ต่างก็มีสีหน้าอึดอัดใจ
หลินจินซานเคยปรึกษากับชุนฟางไว้แล้วว่าบ้านนั้นลุงเซี่ยเป็นคนซื้อ ส่วนค่าจัดเลี้ยงเขาต้องออกเอง
เขายิ้มพลางกล่าวว่า “คุณอา ไม่ถึงขั้นเป็นหนี้หรอกครับ คุณไม่ต้องกังวลนะครับ”
“จะไม่ให้กังวลได้ยังไง? ฉันเป็นอาเขยแท้ๆ ของชุนฟาง พวกเราในฐานะผู้ใหญ่ ไม่อยากเห็นหล่อนในอนาคตต้องลำบากใช้หนี้ตามเธอหรอกนะ”
คนผู้นี้ส่งเสียงดังขึ้นอย่างชัดเจนว่าตั้งใจจะทำลายบรรยากาศ จนแขกโต๊ะข้างๆ หันมามองแล้ว
พนักงานหญิงที่มีความเป็นมืออาชีพและมีสติในภาวะวิกฤตอย่างมากก็ได้เชิญเซี่ยไห่เจ้าของร้านที่กำลังต้อนรับญาติๆ อยู่ทางโน้นมาแล้ว
“ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว ผมก็ต้องดื่มอวยพรคุณสักแก้วสิ”
เซี่ยไห่หยิบเหล้าจากบนโต๊ะ รินหนึ่งแก้ว แล้วส่งให้
“ผมคืออารองของจินซาน เราเคยเจอกันแล้ว คราวที่แล้วเห็นแก่หน้าชุนฟาง สุดท้ายเราก็ไม่ได้ให้คุณชดใช้ค่ารถผม มา ผมขอดื่มอวยพรคุณ”
อาเขยของชุนฟางมีสีหน้าเก้อเขิน จำต้องรับแก้วมาดื่มลงไป
“มา ขอดื่มอวยพรคุณอีกแก้ว” เซี่ยไห่รินอีกแก้วส่งให้ “คุณวางใจได้ พวกเรามีกิจการใหญ่โต จัดงานเลี้ยงครั้งนี้แค่เงินของขวัญที่ได้รับก็มากกว่าค่าจัดงานแล้ว คุณไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินหรอก คู่บ่าวสาวน่ะ พอจัดงานแต่งเสร็จยังมีเงินเหลือเก็บด้วยซ้ำ”
เซี่ยไห่พูดด้วยเสียงดังฟังชัด น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความรู้สึกสนิทสนมที่มีต่อหลินจินซานซึ่งเป็นคนรุ่นหลัง
เซี่ยไห่รินเหล้าให้อาเขยของชุนฟางดื่มติดต่อกันสามแก้ว พร้อมทั้งยกยอปอปั้นสารพัด อีกฝ่ายถูกบังคับให้ดื่มจนไม่อาจปฏิเสธได้
จากนั้นเซี่ยไห่ก็ชวนผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ดื่ม “มา ผมขอดื่มอวยพรท่านผู้อาวุโสทั้งสองด้วย ดูจากสีหน้าของท่านทั้งสองแล้ว ต้องเป็นคนใจดีแน่นอน”
ชุนหมิงแนะนำ “อาเซี่ย นี่คือลุงของผม พวกเขาดีกับพวกเรามากเลยครับ”
หลังจากเซี่ยไห่ดื่มอวยพรเสร็จ หลินจินซานกับชุนฟางก็ถึงคิวไปดื่มอวยพรโต๊ะอื่นแล้ว
เซี่ยไห่ส่งสัญญาณให้เฉินเจียซิ่งกับลู่เจิ้งอวี่ให้พวกเขามาดื่มอวยพรอาเขยของชุนฟาง
แน่นอนว่าพวกเขายังต้องคอยดูแลคนคนนี้ด้วย อย่าให้เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นอีก
พวกเขาทั้งสองคนเรียกอาเขยอย่างสนิทสนม ชวนดื่มกันอย่างออกรส
ไม่นานก็ทำให้อีกฝ่ายเมาพับ จนไม่ได้กินหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงที่มาเสิร์ฟทีหลังเลยสักชิ้น
เซี่ยเหลยกลัวว่าพวกเขาจะก่อเรื่อง จึงเข้ามาห้ามปรามพวกเขาจนสงบลง
โดยรวมแล้ว งานแต่งงานจัดได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มาปากเสียในงานมงคลแบบนี้มันก็ต้องเจอเจ้าภาพเขี้ยวแบบนี้แหละ ดื่มให้เมาหลับไปเลยจะได้ไม่พ่นคำพูดทำลายบรรยากาศอีก
ไหหม่า(海馬)
………………..