ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 884 กฎเกณฑ์ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้
ตอนที่ 884 กฎเกณฑ์ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้
เมื่อหลินจินซานและชุนฟางกำลังรินน้ำชาให้ผู้อาวุโสเพื่อเปลี่ยนคำเรียก หลินจินซานก็ก้มศีรษะคำนับผู้อาวุโสอย่างจริงจัง แสดงความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
ช่วงเวลานี้ทำให้ทุกคนรู้สึกซาบซึ้งใจ
ญาติฝ่ายชุนฟางส่วนใหญ่ไม่รู้ความลับที่หลินจินซานไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของหลิวกุ้ยอิง
ตอนนี้พวกเขามองภาพนี้ด้วยความรู้สึกว่าเซี่ยเหลยซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงกลับทุ่มเทให้หลินจินซานมากกว่าที่พ่อแท้ๆ หลายคนทำได้
อย่างน้อย ฐานะทางการเงินของเขาก็ดีกว่าพ่อแท้ๆ หลายคน
นอกจากนี้ การมีความสามารถนับเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเต็มใจใช้จ่ายเงินให้ลูกเลี้ยงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ร้านที่ชุนฟางดูแลอยู่ตอนนี้ก็เป็นของน้องสาวหลินจินซาน
หลินจินซานเองก็ดูแลห้องเต้นรำอยู่หนึ่งแห่ง
ในหมู่ญาติธรรมดาของชุนฟาง ความสามารถของพวกเขาทั้งสองคนถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว
หลังจากงานเลี้ยงจบลง รถบัสก็ส่งญาติทางฝ่ายแม่ของชุนฟางกลับบ้าน
อาเขยของชุนฟางเมาตลอดทาง ตอนขึ้นรถก็ต้องลากขึ้นไป
หลังจากส่งแขกเสร็จ เซี่ยเหลยก็มองเซี่ยไห่ด้วยสายตาตำหนิ แล้วพูดว่า “เสี่ยวไห่ วันนี้นายวู่วามเกินไปแล้ว”
เซี่ยไห่มองพี่ใหญ่ที่ทำหน้าบึ้งตึงแล้วเบ้ปาก “พี่ใหญ่ พี่อย่าทำหน้าจริงจังแบบนี้ได้ไหม? เราต้องปฏิบัติกับคนแต่ละคนด้วยวิธีที่เหมาะสม พวกเราเคารพญาติของชุนฟางก็จริง แต่คนคนนั้นเลวถึงสันดาน ทั้งครอบครัวของชุนฟางก็ไม่ชอบเขา ติดที่ต้องไว้หน้าตัวเองเลยต้องยอม ในเมื่อพวกเขาไม่กล้ายั่วโมโหเขา ผมก็จะยั่วเอง หวังว่าเขาจะโกรธจนไม่มาติดต่อกับครอบครัวชุนฟางอีก”
“ลุงเซี่ย อารองของผมทำถูกแล้ว ครอบครัวเราซื่อเกินไป”
“ผมก็คิดว่าอารองของผมทำถูก พอเขาชวนดื่ม อย่างน้อยอาเขยชุนฟางก็เมาจนไม่มีโอกาสมาพูดจาเหน็บแนมพวกเราอีก”
“วิธีนี้ต่อไปห้ามทำเด็ดขาดนะ” เซี่ยเหลยพูด “ถ้าเกิดเขามีโรคแอบแฝงอะไร พวกนายให้เขาดื่มมากขนาดนั้น ถ้าเกิดปัญหาใครจะรับผิดชอบ?”
“นั่นสิ” เซี่ยไห่หัวเราะแห้งๆ “ผมไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย”
เมื่อเซี่ยเหลยวิเคราะห์เช่นนี้ พวกคนหนุ่มก็เกิดความเข้าใจ ตระหนักถึงอันตรายของการกระทำแบบนี้
ตอนกลางคืน เซี่ยไห่ขับรถกลับไปยังห้องเต้นรำ เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยก็โดยสารรถของเย่ไป๋กลับบ้าน
ตระกูลเซี่ยจัดห้องหนึ่งเป็นห้องหอให้คู่บ่าวสาวหลินจินซาน ซึ่งก็คือห้องเดิมของหลินเซี่ยนั่นเอง
หลังจากพวกเขาพักอยู่ที่นี่สามวันและกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมแล้ว พวกเขาถึงจะย้ายกลับไปบ้านเล็กๆ ของตัวเอง
นี่คือการที่ตระกูลเซี่ยยอมรับสถานะลูกสะใภ้ของชุนฟาง
เนื่องจากพวกเขาอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ย พวกสหายพี่น้องของหลินจินซานจึงไม่กล้ามาป่วนห้องหอ
หลินจินซานดื่มเหล้าไปหลายแก้วในคืนวันแต่งงาน เมื่อเขาเข้าห้องหอพร้อมชุนฟาง เขาก็รู้สึกมีความสุขแต่ในใจกลับรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
เขากำลังนึกถึงพ่อและย่าของเขา
การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
พ่อของเขาที่อยู่บนสวรรค์คงจะมีความสุขมากแน่ๆ
และหากย่าของเขาทำตัวเป็นผู้อาวุโสที่น่าเคารพกว่านี้ เขาก็คงเต็มใจจะแจ้งข่าวมงคลนี้กับนาง
“อย่าเศร้าไปเลยค่ะ รอจนถึงวันสิ้นปีก่อนนะคะ ฉันจะไปเคารพหลุมศพพ่อสามีที่บ้านเกิดกับคุณด้วย”
“ครับ”
หลินจินซานมองชุนฟาง แล้วดึงหล่อนเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน “ชุนฟาง การได้แต่งงานกับคุณนับเป็นโชคดีของผมจริงๆ”
ชุนฟางพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายในอ้อมกอดของเขา “การได้แต่งงานกับคุณก็เป็นโชคดีของฉันเช่นกัน”
เมื่อได้ยินคำบอกรักของภรรยาสาว หัวใจของหลินจินซานก็เต้นระรัว เขาก้มลงจูบหล่อน
หลังจากงานแต่งงานใหญ่ของหลินจินซาน ทุกคนก็กลับไปยุ่งกับงานของตัวเองอีกครั้ง
โดยเฉพาะคนที่เปิดร้านค้าทำธุรกิจ ช่วงก่อนปีใหม่เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดและทำเงินได้มากที่สุด
คุณแม่เซี่ยพูดว่า ตามประเพณีแล้วเจ้าสาวไม่ควรออกจากบ้านเป็นเวลาสามวัน
หลินเซี่ยจึงให้ชุนฟางเจ้าสาวคนใหม่พักผ่อนอยู่กับบ้าน เธอจะไปทำงานแทนชุนฟางที่ร้านในช่วงสองสามวันนี้
ให้คนอื่นไปยุ่งวุ่นวายแทนชุนฟางที่ต้องอยู่ในบ้าน รอจนกว่าจะถึงเวลากลับบ้านเดิมในอีกสามวันแล้วจึงจะออกไปได้
แต่ชุนฟางเป็นห่วงธุรกิจในร้าน หล่อนทนอยู่บ้านสามวันไม่ไหวจริงๆ
พวกพี่ป้าน้าอาที่คิดจะมาดัดผมก่อนปีใหม่คงจองคิวกันเต็มแน่ๆ
ถ้าหล่อนไม่ไป ลูกค้าประจำพวกนั้นก็คงจะหายไป
ชุนฟางร้อนใจมาก จึงให้หลินจินซานไปอธิบายกับคุณแม่เซี่ยเพื่ออนุญาตให้หล่อนออกไปทำงาน
แต่หลินจินซานกลับเชื่อฟังคำพูดของหญิงชราในเรื่องนี้ “คุณอยู่บ้านนี่แหละ ถือโอกาสนี้พักผ่อนซะ ปกติคุณก็ไม่เคยได้พักเลย”
หลินเซี่ยไปที่นั่นอีกครั้ง แต่เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่เกิดขึ้น ทุกคนจึงไม่สบายใจที่จะปล่อยให้เธอไปคนเดียว
เฉินเจียเหอไปทำงานแต่เช้า ตอนบ่ายเขาไปรับเธอได้ แต่เขาเดินทางออกจากบ้านเร็วเกินไป ทำให้เวลาไปส่งไม่ตรงกัน
หลินจินซานจึงรับหน้าที่สำคัญในการไปส่งหลินเซี่ย
ในเดือนสุดท้ายของปี ร้านเสริมสวยมีคนต่อแถวยาวเหยียด พอหลินเซี่ยไปถึง เธอก็ติดป้ายโฆษณาทันที
หลินเซี่ยกับลูกมือสาวสองคนยุ่งจนแทบไม่มีเวลากินข้าว
พอชุนฟางได้ยินหลินจินซานบอกว่าธุรกิจที่ร้านกำลังไปได้สวย หล่อนก็ยิ่งกระวนกระวายใจ
การนั่งอยู่เฉยๆ แบบนี้เป็นการเสียเวลาอันมีค่าจริงๆ
ชุนฟางขยับเข้าไปนั่งข้างคุณแม่เซี่ย โอบแขนท่าน ยิ้มแย้มถามว่า “คุณย่าคะ ทำไมเจ้าสาวต้องอยู่บ้านให้ครบสามวันโดยห้ามออกไปไหนล่ะคะ?”
คุณแม่เซี่ยมองโทรทัศน์พลางส่งส้มให้ชุนฟางหนึ่งผล สีหน้าเต็มไปด้วยความรักความเมตตา “นี่เป็นประเพณีที่คนโบราณสืบทอดกันมา มันเป็นกุศโลบายของเขาน่ะ”
“กุศโลบายอะไรคะ?” ชุนฟางถามต่อ
คุณแม่เซี่ยตอบว่า “คงจะหมายความว่า ถ้าอยู่บ้านสามีครบสามวัน ต่อไปคนเป็นภรรยาก็จะไม่เถลไถลออกนอกบ้าน ไม่อย่างนั้นก็อาจจะหนีไปได้”
ชุนฟางฟังแล้วมุมปากกระตุก “โธ่เอ๊ย นี่มันความคิดล้าหลังอะไรกันเนี่ย”
หล่อนไม่คิดจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ไร้สาระนี้แล้ว
การทำงานหาเงินสำคัญกว่า
แต่หล่อนเป็นเด็กดี และไม่ค่อยขัดคำผู้ใหญ่
ดังนั้นหล่อนจึงคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ต้องหาคนที่พูดจามีน้ำหนัก จึงสามารถโน้มน้าวหญิงชราได้
คิดไปคิดมาจนกระทั่งคุณแม่เซี่ยงีบกลางวัน หล่อนจึงแอบโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากเซี่ยอวี่
หล่อนครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว สำหรับเรื่องนี้ มีเพียงการขอความช่วยเหลือจากเซี่ยอวี่เท่านั้นที่จะได้ผล
คนอื่นๆ ไม่สามารถช่วยได้
หลังจากชุนฟางเล่าสถานการณ์ของตัวเองแล้ว เซี่ยอวี่ที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ก็พูดว่า “ทำไมเธอต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บ้าๆ พวกนี้ด้วย? ตอนที่ฉันแต่งงานใหม่ๆ พวกเขาก็บอกให้ฉันไม่ออกจากบ้านสามวัน แต่พอถึงวันที่สาม ฉันรู้สึกอึดอัดมาก แม่สามีเลยพาฉันออกไปเดินเล่นช็อปปิ้ง”
ชุนฟางรู้สึกอิจฉาในคำพูดของเซี่ยอวี่ แต่ก็รู้ว่าแม่สามีของตนจะไม่มีทางยอมให้ออกไปข้างนอกในตอนนี้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น หลิวกุ้ยอิงก็อยู่ที่ร้านอาหาร และจะกลับมาในตอนกลางคืน
เซี่ยอวี่พูดว่า
“ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวฉันจะคุยกับท่านเอง”
“แม่คะ เซี่ยเซี่ยกำลังยุ่งจนแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว เสี่ยวหู่ก็ร้องไห้อยู่ที่บ้าน แม่รีบให้ชุนฟางไปที่ร้านเพื่อแทนที่เซี่ยเซี่ยหน่อยค่ะ”
“ชุนฟางเป็นเจ้าสาวใหม่ ออกนอกบ้านไม่ได้”
“ทำไมถึงออกไม่ได้ล่ะคะ? ตอนฉันแต่งงานก็ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บ้า ๆ พวกนี้ แม่อย่าใช้ความคิดล้าสมัยนี้มาผูกมัดคนรุ่นใหม่เลย”
เซี่ยอวี่พูดว่า “ตอนนี้ใกล้จะถึงปีใหม่ ทุกคนยุ่งกันจะตายอยู่แล้ว แม่เห็นใจหลานสาวหน่อยสิ หล่อนยุ่งที่ร้านเสริมสวยจนหัวฟูหัวหมุน กระทั่งลูกก็ไม่มีเวลาดูแล”
“ถ้ายังดื้อดึงแบบนี้ ระวังคนอื่นจะเบื่อคนแก่หัวโบราณอย่างแม่นะคะ”
เซี่ยอวี่ยกเหตุผลมามากมาย
คุณแม่เซี่ยมีสีหน้าลำบากใจ นางไม่อยากทำลายกฎเกณฑ์ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเกิดมันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาล่ะ?
แต่สิ่งที่เซี่ยอวี่พูดก็มีเหตุผล ทุกคนยุ่งขนาดนี้ ถ้านางไม่ให้ชุนฟางออกไปข้างนอก ก็คงจะทำให้คนอื่นรำคาญได้จริง ๆ
เซี่ยอวี่เห็นว่าหญิงชราที่ปลายสายโทรศัพท์ไม่พูดอะไร คงกำลังลังเล จึงเร่งเร้าต่อ
“หากคนมันจะหนีก็ไม่มีใครห้ามได้หรอก อย่ามีความคิดล้าสมัยแบบนั้นเลย วางใจเถอะค่ะ ถ้าความรักดี ไล่ยังไงก็ไม่ไปหรอก”
“ฉันจนปัญญากับพวกแกจริง ๆ ไม่ยอมรักษากฎเกณฑ์ของบรรพบุรุษเอาไว้เลยสักอย่าง”
ในที่สุดคุณแม่เซี่ยก็ยอมให้ชุนฟางออกไปข้างนอก “ไปเถอะ ไปยุ่งกับงานของเธอเถอะ ฉันเองก็ไม่อยากเป็นยายแก่น่ารำคาญเหมือนกัน”
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เรื่องนี้ต้องถึงหูเซี่ยอวี่จริงๆ แฮะ คุณอาเริดมาก
ไหหม่า(海馬)