ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 885 คนแปลกหน้ามาเยือน
ตอนที่ 885 คนแปลกหน้ามาเยือน
หลังคุณแม่เซี่ยยินยอมให้ชุนฟางออกไปทำงานล่วงหน้า หลินจินซานกลับไม่ค่อยเต็มใจให้ชุนฟางออกไปนัก เพราะพวกเขามีโอกาสอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดได้ยาก
แน่นอนว่าพวกเขายังอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าได้ด้วย หลังจากย้ายออกไปก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าท่านทุกวันแล้ว
แม้ว่าท่านจะไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของเขา แต่ความรักที่ท่านมอบให้เขาก็ไม่น้อยไปกว่าย่าแท้ๆ เลย
แต่ภรรยาของเขาอยู่บ้านไม่ติด อีกทั้งทางหลินเซี่ยก็ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจจริงๆ
หลินจินซานจึงจำใจต้องยอมส่งหล่อนไปทำงาน
ก่อนออกจากบ้าน คุณแม่เซี่ยยังคงเป็นห่วง จึงดึงชุนฟางไว้ พูดอย่างจริงจังว่า “ชุนฟาง ย่ารู้ว่าเธอเป็นเด็กดี ย่าไม่ได้กักตัวเธอไว้ในบ้านตามประเพณีแล้ว เธอออกไปทำงานล่วงหน้าได้ แต่วันนี้เธอต้องจำคำพูดของย่าให้ดี ต่อไปใช้ชีวิตกับจินซานให้ดีๆ อย่าได้มีความคิดวุ่นวายเด็ดขาดนะ
แน่นอนว่าย่าก็จะตักเตือนจินซานด้วย ให้เขาเป็นสามีที่ดีและรับผิดชอบต่อครอบครัว พวกเธอจงดูแลครอบครัวเล็กๆ ของตัวเองให้ดี นี่คือความปรารถนาสูงสุดของผู้อาวุโสอย่างพวกเรา”
คุณแม่เซี่ยเคยผ่านความยากลำบากมามากในอดีต หลายครั้งนางมักจะคิดฟุ้งซ่านว่าชีวิตครึ่งแรกของตนช่างยากลำบาก เหตุที่ชีวิตแต่งงานล้มเหลวเป็นเพราะตนทำผิดต่อเทพเจ้าองค์ไหนหรือไม่ หรือไม่ได้ปฏิบัติตามประเพณีบางอย่างแล้วจึงทำให้ชีวิตไม่ราบรื่น
แต่ตอนนี้ลูกๆ โตกันหมดแล้ว พวกเขาล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่ยอมรับหลักการล้าสมัยของนางเลย
ชุนฟางพยักหน้าอย่างจริงจัง “คุณย่า ฉันจะทำตามค่ะ พวกเราจะใช้ชีวิตให้ดี คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ตราบใดที่จินซานไม่ทำตัวเหลวไหลหรือเปลี่ยนใจ ฉันจะไม่มีวันทิ้งเขาเด็ดขาด”
หลินจินซานก็รีบแสดงจุดยืนเช่นกัน “คุณย่าครับ ผมขอสาบานต่อฟ้าว่าจะไม่มีวันทำให้ชุนฟางผิดหวัง ผมจะรับผิดชอบหน้าที่ของสามีให้ดี และแน่นอนว่าผมจะกตัญญูต่อพวกคุณด้วย”
“พอพวกเธอพูดแบบนี้ ย่าก็สบายใจแล้ว งั้นรีบไปใส่เสื้อนวมกันหนาวเถอะ คนหนุ่มสาวสมัยนี้เอาแต่ให้ความสำคัญกับงาน อยู่บ้านไม่ติด ขนาดย่าแก่ๆ อย่างฉันอยู่กับบ้านยังรู้สึกเบื่อเลย แล้วพวกเธอจะเป็นยังไง”
หลินจินซานไปส่งชุนฟางที่ร้านเสริมสวย ปรากฏว่าในร้านเสริมสวยมีลูกค้านั่งเต็มไปหมด หลินเซี่ยยุ่งจนมือระวิง เสี่ยวเสียกับเหวินจวนตัดผมให้แต่ลูกค้าผู้ชายเท่านั้น ส่วนลูกค้าผู้หญิงที่มีความต้องการสูงกว่าต่างยอมนั่งรอคิวหลินเซี่ย ไม่ยอมให้สองสาวลงมือ
เพราะตอนนี้ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ทรงผมถือเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของพวกหล่อนในช่วงปีใหม่ การที่จะได้ฉลองปีใหม่อย่างสวยงามหรือไม่ขึ้นอยู่กับฝีมือของช่างตัดผมทั้งนั้น
เมื่อเห็นชุนฟางมา หลินเซี่ยก็แปลกใจมาก “เธอมาทำไมเนี่ย? สามวันนี้ไม่ให้ออกจากบ้านไม่ใช่เหรอ?”
“คุณย่าอนุญาตให้ฉันออกมาแล้ว ท่านบอกว่าเธอคนเดียวในร้านคงยุ่งไม่ไหวแน่ๆ ให้ฉันไม่ต้องยึดติดกับกฎเกณฑ์ไร้สาระพวกนั้นแล้ว”
หลินเซี่ยเลิกคิ้วกับคำพูดของชุนฟาง “จริงเหรอ? คุณย่าเปิดกว้างขนาดนั้นเลยเหรอ? ท่านไม่ยึดติดกับประเพณีโบราณของท่านแล้วเหรอ?”
“คุณย่าก้าวทันยุคสมัยแล้วละ”
เหล่าพี่สาวที่กำลังเข้าแถวรอคิวในร้านได้ยินบทสนทนาของพวกเธอ จึงพากันพูดคุยเสียงดังเซ็งแซ่ถึงเรื่องที่พวกเขาเลิกเชื่อเรื่องงมงายไร้สาระแล้วเช่นกัน
“ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นยุคใหม่แล้ว ใครจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกล่ะ”
หลินเซี่ยพูดกับชุนฟาง
“ได้ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วรีบทำงานเถอะ พี่ๆ เหล่านี้กำลังรออยู่นะ”
ชุนฟางทำงานที่ร้านนี้มาเกือบหนึ่งปีแล้ว คนแถวนี้หลายคนรู้จักและเชื่อมั่นในฝีมือของหล่อน ดังนั้นชุนฟางจึงยินดีที่จะดัดผมให้พวกหล่อน
หลินจินซานเคยบอกว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือ เขาก็จะช่วยสระผมให้ลูกค้า แต่ที่นี่มีเสี่ยวเสียและเหวินจวนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เขาช่วยสระผม เขาจึงพูดว่า “งั้นผมไปก่อนนะ ผมต้องไปดูแลห้องเต้นรำด้วย เดี๋ยวค่ำๆ จะมารับพวกคุณ”
ทุกคนต่างเริ่มยุ่งกับงานของตัวเอง ส่วนร้านอาหารของเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงนั้น หลังจากเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีจันทรคติ ลูกค้าก็ค่อยๆ เบาบางลง ร้านค้าแถวนี้บางร้านที่เจ้าของเป็นคนต่างถิ่นก็ปิดร้านกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิดแล้ว
โรงงานบางแห่งก็ปิดให้หยุดพักก่อนกำหนด ทำให้ถนนสายนี้ดูเงียบเหงาลงไปมากในช่วงนี้
เซี่ยเหลยบอกว่าพอถึงวันที่สิบห้าของเดือนสุดท้าย ร้านอาหารก็จะปิด
หากพวกเขาทั้งสองยังคงวุ่นวายอยู่ที่ร้านอาหาร ก็จะไม่มีเวลาดูแลบ้าน เด็ก ๆ ก็ยุ่งกันหมด ที่บ้านก็เหลือแต่คุณย่าคนเดียว แม้แต่อาหารก็ยังกินไม่ตรงเวลา และช่วงใกล้ถึงวันปีใหม่นี้เอง พวกเขาก็วางแผนจะทำความสะอาดครั้งใหญ่และไปซื้อของเตรียมฉลองเทศกาลปีใหม่
หลังจากเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงปิดประตู พวกเขาก็เริ่มทำความสะอาดบ้านล่วงหน้าอย่างสบายใจ และออกไปซื้อของทุกวัน เตรียมสำหรับเทศกาลปีใหม่
จนถึงวันที่ 25 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ ทุกคนก็ว่างในที่สุด
เซี่ยไห่ชวนลินดาขับรถสองคันพาทุกคนในครอบครัวไปเดินเล่นซื้อของสำหรับเทศกาลปีใหม่
พวกเขาซื้อของมาไว้ที่บ้านเกือบครบแล้ว แต่บรรยากาศเทศกาลปีใหม่ตามท้องถนนกำลังคึกคัก ทำให้ทุกคนต่างอยากออกไปเดินเล่น
ปีที่แล้วช่วงนี้ เซี่ยอวี่ยังเดินเล่นตามถนนกับพวกเขา แต่ปีนี้หล่อนท้องโตแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าให้หล่อนออกมาเดินเล่นอีก
ส่วนหลินเซี่ยต้องดูแลลูก ก็เลยไม่ได้มาด้วย
ในเมื่อคนในครอบครัวแต่งออกจากครอบครัวไปแล้วสองคน พวกเขาก็เลยชวนลินดาที่เตรียมจะแต่งเข้าเป็นสะใภ้มาเดินเล่นด้วย
ทั้งครอบครัวคึกคักขึ้นมาทันที
ซื้อของจนเป็นกองพะเนินเต็มรถ
คุณแม่เซี่ยเดินจนเมื่อยขา แต่มีหลินจินซานช่วยประคอง และมีจิตใจเบิกบานขีดสุด
ทั้งครอบครัวไม่ได้ออกมาเดินเล่นด้วยกันแบบนี้มานานแล้ว
พวกเขาเดินทอดน่องกันจนถึงตอนบ่าย พอกลับไปถึงบ้าน หลินจินซานกับเซี่ยไห่ก็ช่วยกันขนของลงจากรถ
สิ่งของต่างๆ ถูกวางกองไว้บนลาน ขณะเซี่ยเหลยเอ่ยขึ้น “ทุกคนขนเสื้อผ้าใหม่เข้าไปในบ้านกันเถอะ”
หลินจินซานกับชุนฟางย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่แล้ว ในวันนี้คุณแม่เซี่ยจึงชวนพวกเขาไปซื้อของด้วยกัน
ทั้งหลินจินซานกับชุนฟางได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้กับผู้ใหญ่ในบ้านแต่ละคน
ในตอนนั้นพวกเขาก็จะซื้อให้เซี่ยไห่ด้วย แต่เซี่ยไห่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“เสื้อผ้าที่ฉันใส่ล้วนเป็นแบรนด์เนม พวกเธอไม่ต้องวุ่นวายหรอก ฉันใส่เสื้อผ้าแถวนี้ไม่ชิน ถ้าพวกเธออยากขอบคุณฉันก็จงทำงานให้ดี ยกระดับประสิทธิภาพของห้องเต้นรำขึ้นมา เรื่องนั้นถือว่าดีกว่าอะไรทั้งหมด เข้าใจไหม?”
หลินจินซานกระเป๋าฝืดเคือง จริงๆ แล้วราคาเสื้อผ้าที่อารองใส่ เขาซื้อไม่ไหวเลย ส่วนที่เขาซื้อได้ เซี่ยไห่ก็ไม่สนใจจะใส่
เขารีบแสดงท่าทีทันที “อารองวางใจได้ ผมจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่แน่นอน”
“นั่นแหละถูกต้องแล้ว ทำงานหนักสร้างผลงาน นี่คือสิ่งที่พนักงานควรทำที่สุด อย่าคิดจะใช้การซื้อเสื้อผ้าพวกนี้มาติดสินบนฉันเลย ฉันไม่กินเศษกินเลยแบบนี้หรอก”
ดังนั้น หลินจินซานจึงประหยัดเงินค่าซื้อเสื้อผ้าให้เซี่ยไห่ไปได้ แล้วซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้หลานชายทั้งสองคนละชุด
แถมยังซื้อให้ลูกน้อยของเซี่ยอวี่ที่ยังไม่เกิดอีกหนึ่งชุดด้วย
ตอนนี้คุณแม่เซี่ยนั่งพิงโซฟาอย่างมีความสุข พลางนวดขาไปด้วย
เซี่ยเหลยเก็บของเล่นและเสื้อผ้ามากมาย พูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า
“เดี๋ยวโทรหาเซี่ยเซี่ยสักหน่อย ให้พวกเขามาเอาของเล่นพวกนี้ไปให้เด็กๆ”
เซี่ยไห่ที่อยู่ข้างๆ เตือนว่า “พี่ไม่ต้องโทรหรอก ทุกคนยุ่งกันหมด ปล่อยไว้เถอะ เดี๋ยวตอนปีใหม่พวกเขาก็มาแล้ว ให้ของเล่นอยู่ที่บ้านเราก็ได้ ที่บ้านมีของเล่นเยอะ เด็กสองคนก็จะไม่อยากกลับ อาจจะอยู่ได้อีกหลายวัน ถ้าเอาไปให้บ้านตระกูลเฉินหมด พวกเขาก็จะเล่นที่บ้านตัวเอง ใครจะนึกถึงพวกเราล่ะ?”
เซี่ยไห่พูดตรงประเด็นไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตาม
ตอนไปเดินเที่ยวก็กินข้าวข้างนอกมาแล้ว กลับมาบ้านจึงไม่ต้องทำอาหาร หลิวกุ้ยอิงจึงตุ๋นสาลี่กับเห็ดหูหนูขาว บอกว่าช่วงนี้อากาศแห้ง คุณย่าไอหนัก ให้ทุกคนกินกัน จะได้บรรเทาอาการไอและชุ่มคอ
ในขณะที่ทุกคนกำลังกินสาลี่ตุ๋นเห็ดหูหนูขาวอย่างมีความสุขและดูโทรทัศน์อยู่นั้น
ที่หน้าประตูใหญ่มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลยืนอยู่ เขาถือจดหมายฉบับหนึ่ง เทียบกับเลขที่บ้านบนประตูแล้วมีท่าทางลังเล สีหน้าซับซ้อนอย่างยิ่ง
เมื่อครู่ขนของกัน ประตูบ้านตระกูลเซี่ยเลยเปิดอยู่พอดี ชายคนนั้นยืนลังเลอยู่ที่หน้าประตูสักครู่ แต่ก็ตัดสินใจเดินเข้ามาในลานบ้าน
เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นอย่างสุภาพ “ขอโทษครับ มีใครอยู่ไหม?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ความสุขของคนแก่อะนะ ได้เที่ยวซื้อของกับลูกหลาน ถึงจะเมื่อยขาแต่ก็สุขใจ
ใครมาเยือนล่ะนั่น จะมาดีมาร้าย?
ไหหม่า(海馬)